ตอนที่ 4 ข้าคือน้องชายของเขา!
แปลไทย : แพนด้าคุง | แก้ไข : แพนด้าคุง
พวกเหล่าปีศาจเริ่มเผยเร่างที่แท้จริง บางคนเริ่มมีขนสีเหลืองผุดออกมจากร่าง ดวงตาพลันกลายเป็นสีเขียวเข้ม บางคนก็มีเขางอกขึ้นบนหัว นี่คือสัญลักษณ์ที่ปีศาจพึงมี นอกจากนี้บางคนก็มีสิ่งที่งอกเงยดูคลับคล้ายกับหนามแหลมคม ไม่ก็ปรากฏอาวุธคมมีด พวกมันเหล่านี้เป็นอาวุธที่ปีศาจเชี่ยวชาญมากที่สุด เหล่าปีศาจนั้นทรวดทรงดูบึกบั่น บางคนมีความเร็วที่แตกต่าง ซึ่งในพวกปีศาจเหล่าพวกนี้ มีบางตัวที่เคลื่อนไหวรวดเร็วมากนัก!
พวกปีศาจต่างเหลือบหายไปในม่านหมอก ไม่สามารถแยกได้ว่าพวกมันคิดจะทำอะไร การที่พวกมันหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวใจของผู้เฒ่าเสื้อคลุมดำเต้นรวดเร็ว ซึ่งมันนั้นกำลังสังเกตอยู่ด้านข้าง “หายตัวเช่นนี้? เท่านี้ก็ไร้พ่าย? ปีศาจพวกนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ”
ชายอ้วนเสื้อเหลือง ชูหยง ผู้ที่ออกคำสั่งนั่งนิ่งมองภาพที่เกิดขึ้น “ลูกน้องเจ็ดคนของข้า ไม่อ่อนแอ ความแข็งแกร่งของเจ็ดคน เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญพลังยุทธ์มากนัก”
เมื่อพวกเขาได้ลงสนามรบ พวกมันก็จะสร้างสรรค์ชัยชนะมาเท่านั้น
ทำความเข้าใจได้เลยว่า หากผู้เชี่ยวชาญเช่นพวกนั้นไดเผชิญหน้าในการรบแล้วไซร้ ฝ่ายที่กุมอำนาจนั้นคือพวกมัน
“เจ็ดรึ?” ฉินหยุนยืนอยู่นิ่งๆ
“วู้วว วู้วว วู้วว!!”
มือขวาของเขาชักกระบี่ออกจากฝัก ก่อนที่จะวางมันลง
ความเย็นของผิวกระบี่ส่องประกายแหวกว่ายเหมือนงูในอากาศ ห้าปีศาจกลุ่มพวกนั้นได้พุ่งเข้าไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว ปีศาจผู้ที่สร้างเมฆหมอก ผุดหายพลันกลายร่างเสือดำ ด้านหลังฉินหยุน ซากศพของผู้หญิงผู้หนึ่งพลันปรากฏตัว กลายร่างกล่างอากาศปรากฏตัวเป็นปีศาจที่มีไอเย็น อาวุธของพวกมันปรากฏขึ้นมาที่พื้น ปีศาจพวกนั้นกลายร่างกันหมดสิ้น ทิ้งร่างมนุษย์ที่ครองครอง เข้าสู่สภาพปีศาจสัตว์อสูร
ใบหน้าของตาเฒ่าเสื้อคลุมดำ ที่ยืนอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ซากศพผู้หญิงผู้นั้นแม้แต่น้อย
“ซากศพมนุษย์เป็นเช่นนี้? เหล่าเจ็ดปีศาจนั้นทิ้งซากศพและตายทันทีรึ?” ตาเฒ่าเสื้อคลุมดำ แทบไม่อยากเชื่อกับสายตาที่อยู่ตรงหน้า “พวกมันหายไป ข้ามองไม่เห็นสักตัวเลยให้ตายสิ!!”
“กระบี่รวดเร็ว เหตุใดเจ้าต้องพึ่งพาดวงตาแห่งธรรมเพื่อดูเคล็ดวิชาที่มองไม่เห็นเหล่านี้ด้วย?”
ชายอ้วนชูหยงนั่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไม่แปลกใจที่เจ้ากล้ายืนอยู่ที่นี่ตามลำพัง อย่างไรก็ตามการที่เจ้ามาเหยียบสถานที่ของข้า นับว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดเสียแล้ว” เขาพูดแบบนี้ แล้วเอามือเท้าคางตรงที่นั่งต่อ
ทุกประตูในห้องโถงถูกปิดหมด กำแพงและเพดานก็กลายเป็นหลุมจำนวนมาก
“ไม่นะ” ผู้เฒ่าเสื้อดำเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวังและตื่นตระหนก
“นายท่าน” ผู้หญิงเสื้อชมพูรู้สึกสิ้นหวังเช่นกัน
พลันเสี้ยวนาที ชายอ้วนได้กลายร่างขึ้น ศีรษะของมันเปลี่ยนเป็นหมูป่า ขนขึ้นคลุมหนาทั่วทั้งร่าง ตัวมันสูงขึ้นเกือบสิบฟุต เสื้อผ้าฉีกขาดออกเมื่อตอนที่มันตัวโต
“พึ่บ พึ่บ พึ่บ”
จากตรงเพดานห้องโถง,มีแสงไฟรอดออกมาจากรูที่ลึกนั้น แต่ละคนสูงเกินมนุษย์ทั่วไป ภายในห้องไม่มีรูเล็ดรอดจึงยากที่จะหลบหนีไปได้
เมื่อเห็นภาพที่ปิดห้องโถงตาเฒ่าเสื้อคุลมดำและสาวเสื้อชมพูตาอิดเอียน ภาพที่ปรากฏบนเบื้องหน้า มันทำให้พวกเขาดูสิ้นหวังจริงๆ
ฟุบ ฟุบ ฟุบ
แม้โต๊ะอาหารที่ยาวอยู่ด้านล่าง ก็ถูกเจาะทลายด้วยเข็มพิษของเจ็ดปีศาจ เหล่ากำแพงห้องโถงที่ทำจากหินแกรนิตหนา ก็ถูกทะลุได้โดยง่าย
“ตอนที่ข้าได้สร้างวังใต้ดิน ข้าก็ได้สร้างกลไกกับดักเอาไว้มากมาย” ปีศาจหมูป่าชูหยงเฝ้าดูด้วยตามคาดด้วยสิ่งที่มันคิด
อย่างไรก็ตาม ฉินหยุนก็ก้าวเดินออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ
ทุกๆรอยเท้าของเขานั้นก้าวขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่หนามพิษที่ถูกซัดกระจายทั่วห้องโถงก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
แต่ช่วงเวลานึง เขาก็ล่าช้าที่ก้าวเดิน ทำให้ถูกหนามพิษแทรกซึมเข้ากลางอก
แต่เขาก็เบี่ยงไปทางซ้ายและขวาและขับพิษที่โดนออกจากทางหูและทางคอผ่านเหงื่อ
ห่าฝนหนามพิษถูกส่งมาทุกทิศทุกทาง แต่ฉินหยุนก็หลบได้หมด
“นี่เป็นไปได้ยังไง?” ปีศาจหมูป่า ชูหยงเบิกดวงตากว้างขึ้น “มันหลบหนามพิษ แม้กระทั้งโจมตีจากด้านหลังได้ยังไง มันไม่น่ามองเห็นนี่?”
…
ฉินหยุนเดินผ่านห้องโถงอย่างสบายๆ เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ในอณาเขตของเขา แม้กระทั่งฝุ่นละอองที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ฉินหยุนกลับมองเห็นได้ และสามารถรับรู้ได้ทุกอย่างผ่านดวงตานี้
เขาเพียงแค่หลบหลีก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกพิษ เพราะมันเสียเวลาในการขับพิษสำหรับเขา
ถึงแม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ยากจะหลบ ไม่นาน ฉินหยุนก็ยื่นมือขวาพร้อมสะบัดแสงที่อยู่ในมือ ส่งพิษล่องลอยออกไปจากตัวเขา
ในไม่กี่วินาที, เหล่าพิษก็ถูกซัดหายไป ลอยไปติดผนังเกือบทุกแห่ง
ปีศาจหมูป่า, ชูหยงได้เอามือใหญ่ๆที่คล้ายคลึงกับกีบ ดึงบางอย่างออกจากดวงตาของมัน เส้นผมทั้งหมดของมันก็ลุกขึ้นชู ไม่นานก็มีหนามพิษร่วงหล่นออกมาจากร่างของมัน
“ข้าได้ยินมาว่าหนังของหมูป่ามีความหนามากพอควร สำหรับการที่เจ้าต้านพิษด้วยการใช้พลังปีศาจบริวาณของเจ้านั้นนับว่าน่าประทับใจ” ฉินหยุนกล่าวชมเชย
“หืม” เจ้าสามารถหักล้างพิษแบบนี้ได้ ก็นับว่าเจ้าได้บรรลุระดับเขตแดนไร้รอยต่อแล้วสินะ เจ้ายังสามารถปลดปล่อยพลังจิตใจร่างได้รึไม่?” ชูหยงกล่าวต่อ “เมื่อเจ้ามีความสามารถในการปลดปล่อยพลังจิตใจในร่าง เจ้าก็ต้องอยู่ไม่ไกลระหว่างระดับสวรรค์มวลมัคแล้วสินะ คิดไม่ถึงเลยว่ามนุษย์ธรรมดาเช่นเจ้าจะมาถึงเขตแดนพลังของข้าได้”
ชูหยงยื่นมือจับไปยังตรงเสาเหล็กข้างๆบังลังก์ เขาดึงเสาโลหะของมันออกมา หมุนพริ้วชั่วครู่ จากนั้นก็พูดว่า “แม้ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของเจ้าจะอยู่สูง แต่ใช่ว่าจะไม่ตาย หากข้าฆ่าผู้บ่มเพาะพลังเช่นเจ้า ข้าก็ทำได้”
เมื่อสิ้นเสียงแล้วนั้น ชูหยงวิ่งออกมากวาดเสาโลหะที่อยู่ด้านข้าง จับมันทำรูปแบบแหวน ที่ดูหนักหลายร้อยพันจิต เพียงเพื่อที่ต้องการชัยชนะ เขาก็เตรียมที่จะจับกุมฉินหยุนด้วยแหวนโลหะขนาดใหญ่นั้นได้
“ซู่ว”
ฉินหยุนก้มหัวหลบ เพื่อไม่ให้โดนแหวนโลหะนั้นจับกุม ในช่วงที่หลบเขาคว้าดาบขึ้นมา
“ฮ่า!”
เขากวาดดาบฟันผ่านไปที่ท้องของปีศาจ ฉินหยุนรู้สึกได้ว่าปีศาจเหล่านี้นั้น เนื้อของมันหนากว่าที่คิด แม้ว่าดาบของเขาจะคมและตัดผ่านไปได้จริง แต่มันก็ยังไม่ลึกมากพอที่จะปลิดชีฟปีศาจเหล่านี้ได้
“วืด” ชูหยงเมื่อเห็นฉินหยุนหลบแหวนโลหะของมันได้ มันก็คลายแหวนกลับเป็นเสาโลหะเตรียมฟาดฟันไปที่เป้าหมาย
ฉินหยุนรีบหลบไปด้านหลัง เขาหมุนไปด้านหน้าเตรียมการโจมตีที่รวดเร็ว!
“ฟุบ ฟุบ ฟุบ”
ฉินหยุนเร่งความเร็วมากขึ้น ชูหยงที่คว้าเสาโลหะนั้น เตรียมหมุนและฟาดไปที่ฉินหยุน แต่ทว่า ฉินหยุนกลับหลบได้อย่างต่อเนื่องและพุ่งเข้าไปฟาดฟันร่างของมันอย่างไม่หยุด แต่ทุการฟันนั้น ผิวหนาๆของมันแข็งแกร่งกว่าที่คิด ทำให้ล้มเหลวในการเจาะและฟันไปที่ท้องของมัน
“ทำไมผิวหนังมันหนาเช่นนี้” ฉินหยุนถอยไปด้านข้างและถอนหายใจออกมา “หนังมันหนาจริงๆ”
“ฮ่าฮ่า ข้าเคยบอกไปแล้วนี่ ว่าต่อให้ระดับบ่มเพาะจะสูงเท่าใด เจ้าก็ไม่อาจที่จะฆ่าข้าได้ ต่อให้เจ้าจะใช้แรงดาบเจาะผิวของข้ามากเท่าใด ก็ไร้ผล ข้าจะทำให้เจ้าตายซะ” ชูหยงหัวเราะหนัก
“เจ้าก็ได้แต่หลบซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังหนานั้นมากเท่าใด แต่เจ้าก็มิอาจต้านทานพลังข้าได้หรอก ‘กระบี่พิรุณพร่ามัว’” ฉินหยุนพูดออกมา “นี่คือเคล็ดกระบี่ของข้าที่ข้าจะใช้กับเจ้า”
“มันเป็นเพลงกระบี่ของเจ้ารึ?” ชูหยงหัวเราะ “เทคนิคกระบี่จำเป็นต้องใช้อารมณ์มากมายในการควบคุมกระบี่ เจ้าสร้างเคล็ดกระบี่ของตัวเองมาจริงๆรึ?”
“ยังงั้นเหรอ?” ฉินหยุนเมินเฉยต่อคำพูดของชูหยง
“มาก็ตาย!” ชูหยงตะโกนลั่น หยิบเสาโลหะก้าวไปข้างหน้า ฟาดฟันใส่ฉินหยุน แต่ฉินหยุนก็หลบไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังใช้เคล็ดวิชากระบี่ฟาดฟันเหมือนสายฝนในม่าน
ชูหยงยกเสาโลหะขึ้น และเตรียมตั้งท่าป้องกันไว้
ปัง!
แสงของกระบี่ตัดเฉือดกับเสาโลหะ ทำให้มันเอียงเปลี่ยงทิศทาง แต่ด้วยแสงกระบี่ของฉินหยุนมันสามารถครอบคลุมราวกับสายฝนในม่านหมอก ทำให้เกิดเสียงฉับไปตรงกลางท้องของชูหยง ซึ่งชูหยงหาได้สนใจเรื่องนี้ไม่เพราะเขามั่นใจว่าไม่มีอะไรตัดผ่านผิวหนังที่หนาๆของเขาได้แน่นอน อย่างไรก็ตามเขาต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อจับไปที่ท้อง
มันเกิดการฉีกกันของผิวเนื้อออกมาเป็นสองส่วน ครึ่งบนของร่างเขานั้นถูกแยกออกมาจากครึ่งล่าง เมื่อร่างถูกตัดขาดทำให้พื้นที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยเลือดมากมาย
เพียงแค่นั้น ฉินหยุนก็เก็บกระบี่ของเขาไปที่ฝักเช่นเดิม
ชูหยงมีพลังอันแข็งแกร่งมากมาย มันยกศีรษะขึ้นเพื่อจ้องมองไปยังฉินหยุนที่ตอนนี้อยู่สูงเหนือมัน “ปะ….เป็นไปได้ยังไงกัน เพียงแค่ท่าเดียว? ร่างกายของข้านั้นถูกสร้างขึ้นมาอย่างหนาแน่น อีกทั้งระดับการบ่มเพาะพลังของข้าก็อยู่สูงกว่าเจ้า แต่ทำไมเจ้าสามารถตัดข้าออกเป็นสองท่อนได้ ‘กระบี่พิรุณพร่ามัว’ นั้นเป็นเคล็ดวิชาที่เจ้าเรียนรู้ด้วยตัวเองรึ?”
“ถูกต้องแล้ว” ฉินหยุนตอบ
ครึ่งล่างของชูหยงกลับมาเป็นรูปแบบที่แท้จริง นั้นคือขาซากศพมนุษย์ ชูหยงจ้องมองไปยังที่ฉินหยุนและกล่าวถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าฆ่าข้าในวันนี้ เพราะฉินอัน? มันเป็นอะไรกับเจ้ากัน?”
เขาสงบนิ่ง
มันอยู่ที่เมืองหลวงมานานหกสิบแปดปีแต่กลับถูกฆ่าโดยผู้เชี่ยวชาญที่ระดับพลังยังไม่แน่นอนแบบนี้ ทำให้มันขุ่นเคืองไม่น้อย
ฉินหยุนมองตาอสูรปีศาจหมูป่าและกล่าวไปว่า “ที่ข้าฆ่าเจ้าเพราะว่าฉินอัน เขาผู้นั้นเป็นพี่ข้า และ ข้าคือน้องชายของเขา!”
//งุนงงเล็กน้อย นั่งอ่านตอนที่สี่ตอนแรกนั้น เห็นว่ามันกำลังจะสู้กับองค์รักษ์เจ็ดตัว แต่ๆไปมาๆ บทมันก็ให้มาสู้กับเจ้าวังเฉย ฮ่าๆ ตอนหน้าสนุกบอกไว้ก่อน! ห้ามพลาด!