ตอนที่ 7 กฏของร้านอาหารเล็กๆ
แปลไทย : แพนด้าคุง | แก้ไข : แพนด้าคุง
เจ้าของร้านเอาข้าวผัดไข่ให้ข้าสิบจานก่อนสิ
ถ้าหากคำพูดนี้พูดให้เจ้าของร้านเล็กๆร้านอื่น เจ้าของร้านก็คงมีความสุขมาก แต่บู่ฟงเจ้าของร้านไม่ชอบใจกับมัน
บู่ฟงกำลังจะเข้าครัวเขาหันไปมองเสิ่นฉีเฉียงที่สวมชุดคลุมสีฉูดฉาดและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่าน ร้านของเราขายข้าวผัดไข่ให้กับลูกค้าเพียงจานเดียวต่อวัน ท่านจะสั่งผัดผักหรือว่าหมี่แห้ง…ท่านยังสามารถสั่งข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงได้อีกด้วยนะ”
เสิ่นฉีเฉียงตกใจเขาไม่คิดว่าเขาจะได้รับการปฏิเสธ เขามองบู่ฟงเหมือนมองคนโง่เง่า เขาเอาพัดกระดาษชี้ไปที่ตัวเขาแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่รู้รึ ว่าข้าเป็นใคร?”
เขาเป็นหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงด้านความเจ้าชู้ในเมืองหลวง เสิ่นฉีเฉียงไม่มีใครไม่รู้จักเขา เจ้าของร้านเล็กๆแห่งนี้ช่างกล้าปฎิเสธเขา มันกำลังแสวงหาความตาย!
บู่ฟงขมวดคิ้วมองไปเสิ่นฉีเฉียงด้วยความสนใจ ดวงตาโปนเบ้ริมฝีปากด้วยท่าทางไม่พอใจเหมือนลิง เขาน่าเกลียดเหลือเกินจนคิดว่าเป็นคนที่ไม่ใช่สปีชีส์เดียวกัน….บู่ฟงไม่รู้จักเขาจริงๆ
“ข้าไม่รู้จักเจ้า นี่เป็นกฏของร้านเรา หากเจ้าไม่ได้มากินก็ไปซะเถอะ” บู่ฟงพูดออกมาง่ายๆ
“โอ๊ะ สนใจทำไม ข้าสนุกกับการทำลายกฏที่สุด หากเจ้าไม่เอาข้าวผัดไข่สิบจานมาให้ข้า ข้าจะทุบร้านเจ้า ร้านเล็ก ๆ ของเจ้ากล้าดียังไงกล้ามาพูดเรื่องกฏกันกับข้ากัน” เสิ่นฉีเฉียงหัวเราะ เขาคิดว่าน่าสนใจที่มีคนในเมืองหลวงไม่รู้จักข้า
เซียวเหยี่ยนหยูยืนไม่ติดกับทำอะไรไม่ได้ นางไม่คิดว่าเสิ่นฉีเฉียงจะตามนางมาที่ร้านนี้ หากร้านถูกทำลายจะเป็นความผิดของนาง
“เสิ่นฉีเฉียงมันคงจะดีกว่าหากเจ้าแค่มาดู หากเจ้ามากินก็มากินดีๆ เจ้าอยากให้ข้าโยนเจ้าออกไปเหรอ?” เสียงของเซียวเหยี่ยนหยูดูถูกอย่างเย็นชา
เซียวเสี่ยวหลงมองมาที่เสิ่นฉีเฉียงอย่างหนาวเหน็บ
บู่ฟงยังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆเมื่อได้ยินเสิ่นฉีเฉียงข่มขู่
เขาถูฝ่ามือเข้าด้วยกันแล้วมองไปที่เสิ่นฉีเฉียงแล้วพูดว่า “ทุบร้านข้า?ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำมันได้ หากเจ้าจะมาสั่งอาหารก็มองเมนูที่แขวนอยู่บนผนัง หากเจ้าทำให้ข้าเสียเวลาข้าจะขึ้นบัญชีดำเจ้า”
เซียวเหยี่ยนหยูงงอย่างจัง แม้แต่เซียวเสี่ยวหลงตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมบู่ฟงถึงไม่กลัวเสิ่งฉีเฉียง เสิ่งฉีเฉียงมีอำนาจมากมายในเมืองหลวงแม้กระทั่งภัตตาคารฟินิกส์อมตะยังไม่กล้าที่จะขัดใจเขา ทำไมกันบู่ฟงถึงได้กล้าท้าทายเขา?
เสิ่นฉีเฉียงยิ้มออกมาด้วยความโกรธ เจ้าของร้านอาหารเล็กๆนี่ต้องได้รับบทเรียนจากเขา เขาจะได้รับบทเรียนในวันนี้
“น้องเจ้า คนสุดท้ายที่กล้าพูดแบบนี้กลายเป็นอาหารปลาไปแล้ว” เสิ่นฉีเฉียงยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วมองดูเมนู เมนูมีอยู่สี่จาน
เขาสั่งให้ลูกน้องของเขาพังร้านนี้ได้ทันที แต่ไม่ใช่ตอนที่เซียวเหยี่ยนหยู่อยู่ตรงนี้ เขาอยากเห็นนักเจ้าของร้านเล็กๆนี้มีความสามารถอะไร
“ฮะฮ่า นี่เป็นร้านเล็กๆที่มีเพียงสี่จาน จานหนึ่งยังซ้ำกันอีก…เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะเลี้ยงข้าวผัดไข่ไม่ได้เหรอ?” เสิ่นฉีเฉียงได้เพียงมองดูชื่ออาหารไม่สนใจราคาค่าอาหาร
ราคาเหรอ?เสิ่นฉีเฉียงมีเงินมากพอ
“เจ้าจะสั่งอะไร?”บู่ฟงถามไม่แสดงท่าทางอะไร
“ข้าขอทุกจานที่อยู่ในเมนู”เสิ่นฉีเฉียงนั่งลงบนโต๊ะ เขาอยากรู้ว่าร้านอาหารเล็กๆนี่ดึงดูดสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเข้ามาได้ยังไง
เสิ่นฉีเฉียงประเมินร้านอาหารเล็กๆนี้ เขายอมรับว่าร้านอาหารนี้ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ทำให้รู้สึกอบอุ่น
“ทุกอย่างจานหนึ่ง? ได้เลยราคาสิบเอ็ดผลึกสองร้อยเหรียญทองเมื่อรวมทุกอย่างแล้ว”
บู่ฟงยิ้มน้อยๆออกมาเมื่อบอกราคา
เสิ่นฉีเฉียงนั่งอยู่บนเกาอี้ไขว้ขาอยู่บนเข่า เขาได้ยินราคาที่บู่ฟงบอก สีหน้าของเขาแข็งกระด้างมองบู่ฟงเหมือนเป็นคนโง่
“เจ้าคิดว่าข้าโง่เหรอข้าวผัดไข่สองจานผัดผักกับหมี่แห้งอีกจานหนึ่ง เจ้าบอกว่าราคาสิบเอ็ดผลึกสองร้อยเหรียญทองเหรอ? เจ้าเจ้าอยากจะฉีกใครสักคนก็เลือกเหยื่อดีๆ เจ้ากล้าที่จะหลอกลวงข้าเหรอ?
เสิ่นฉีเฉียงตะโกนคำพูดเหล่านี้ออกมา แม้เขาคิดว่าเขาจะเป็น โคน-ดี๊ แต่เขาก็ไม่ใช่คนงี่เง่าไร้สมอง
“เจ้าตาบอดรึไง? ราคาถูกเขียนเอาไว้บนเมนู เจ้าไปซะถ้าเจ้าไม่สั่ง” บู่ฟงหายตัวไปหลังจากที่พยายามอดทน เขาไม่ได้เอาใจลูกค้ามากนัก เขาคือคนที่จะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งการทำอาหาร เขายอมมีความภูมิใจของเขา
“อย่ามาแกล้งทำเป็นคนรวยถ้าไม่มีเงิน”
เมื่อเซียวเสี่ยวหลงเห็นท่าทางของเสิ่นฉีเฉียงเขาเกือบจะหัวเราะออกมากดังๆ ตอนแรกเขาเห็นราคาของแต่ละจานเห็นทีเขาคงแสดงท่าทางเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ตอนนี้เขามีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมจนไม่อาจจะอธิบายได้
“ไม่มีเงินอะไรกัน? นี่มันเรื่องตลก ข้าทำให้เจ้าแบนตายด้วยเงินของข้า ยกอาหารมาก่อนข้าจะจ่าย” เสิ่นฉีเฉียงมองเซียวเสี่ยวหลงอย่างเหยียดหยามแล้วคลี่พัดที่อยู่ในมือของเขาแล้วพูด
ดวงตาของเขากลิ้งไปกลิ้งมาราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างภายในใจ
บู่ฟงไม่คิดอะไร เมื่อเสิ่นฉีเฉียงทำอาหารเขาก็ต้องไปทำอาหาร ที่พวกเขาสั่งมา ทุกคนที่เข้ามาเป็นลูกค้า เขาไม่กลัวว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาให้ นั้นเป็นเพราะหากมีปัญหาระบบก็จะแก้ปัญหาที่ไม่ดีให้มันจบลง
“ได้โปรดรอสักครุ๋”
เขาไม่พูดอะไรแล้วจากไป บู่ฟงเข้าไปในห้องครัว
“เหยี่ยนหยู่ ทำไมสาวงามเช่นเจ้าถึงมากินข้าวผัดไข่โง่ๆนี่” ขณะที่พวกเขากำลังรออาหาร เสิ่นฉีเฉียงที่กำลังเบื่อ ก็หันไปทางเซียวเหยี่ยนหยู่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆแล้วพยายามจะคุยด้วย
แต่เซียวเหยี่ยนหยู่ก็นั่งเหมือนรูปปั้นไม่สนใจเขา
เสิ่นฉีเฉียงยอมรับความพ่ายแพ้เขาพยายามดึงดูดความสนใจของเซียวเหยี่ยนหยู่ เขาเคยชินแล้วกับการล่วงเกินสาวงามเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก สายตาของเขามองไปรอบๆร้านด้วยความเกลียดชัง
เมื่อเสิ่นฉีเฉียงมองราคาในเมนูอีกครั้ง ตาของเขาก็ส่องประกายเยาะเย้ย
เซียวเสี่ยวหลงที่นั้งอยู่ข้างๆมองดูเซียวเหยี่ยนหยู่ด้วยความหดหู่ ผลึกทั้งหมดถูกพี่สาวที่น่ารังเกียจเอาไป เขามีเพียงแค่เหรีญทองพอที่จะซื้อบะหมี่แห้งได้
แม้มันจะไม่ใช่ข้าวผัดไข่แต่มันก็มาจากร้านเดียวกันมันก็น่าจะไม่ใช่ของธรรมดา….มันมีราคาถึงร้อยเหรียญทอง
ทุกๆคนในร้านต่างก็มีความคิดของตัวเอง
ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากห้องครัวเหมือนกับผ้าไหมที่นุ่มนิ่มสัมผัสกับใบหน้าของพวกเขา
เซียวเสี่ยวหลงหลงใหลกลิ่นนี้ยิ่งนัก “กลิ่นนี้แหลที่ข้าหลงใหล ข้าคิดถึงกลิ่นนี้จัง”
ดวงตาของเซียวเหยี่ยนหยู่ก็ส่องประกายเต็มไปด้วยความลำบากใจ “กลิ่นนี้หอมมาก”
เสิ่นฉีเฉียงสูดจมูกฟุดฟิดดม ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น “ดูเหมือนว่าร้านเล็กๆนี้จะมีความสามารถอยู่บ้าง กลิ่นนี้…วิเศษนัก”
สายตาทั้งสามคู่ก็จ้องมองมาที่เขาบู่ฟงก็เดินออกมาจากห้องครัวด้วยท่าทางที่สบายๆ
“นี่เป็นข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงของเจ้า กินอาหารของท่านอย่างมีความสุขเถิด” บู่ฟงจับจานกระเบื้องสีฟ้าเอาไว้ในมือ กลิ่นหอมฟุ้งออกมาจากจาน หมอกของมันลอยขึ้นบังไม่เห็นจาน
เมื่อชามสีฟ้าขาวถูกวางตรงหน้าเซียวเหยี่ยนหยู่ กลิ่นหอมก็พุ่งกระจายออกไปราวกับว่าระเบิดกลิ่มหอมอยู่ตรงหน้า
กลิ่นหอมไหลเวียนเข้าสู่จมูกของเซียวเหยี่ยนหยู่มันเหมือนแม่น้ำที่อยู่ตรงหน้าทะเล ผ้าปิดหน้าสีชมพูก็เปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามของนาง
อึก อึก อึก
เซียวเหยี่ยนหยู่กลืนน้ำลายเสียงท้องร้องดังออกมาเบาๆ ใบหน้าที่สวยงามของนางก็แดงด้วยความขวยเขิน
ข้าวผัดไข่จานนี้ทำให้นักรบระดับจิตวิญญาณขั้นสี่หิว….ช่างมหัศจรรย์นัก
หมอกค่อยๆปกคลุมจานไปทั่ว แสงสีทองกระจายออกมาจากจาน
เสิ่นฉีเฉียงกับเซียวเสียวหลงก็ตกใจ
แม้กระทั่งเซียวเหยี่ยนหยู่ยังเอามือปิดปากด้วยความตกใจ