GOS ตอนที่ 90 – นิโค โรบิน
บนท้องทะเล
โรจายังคงอยู่บนเรือรบ หลังจากที่เรือรบเริ่มชะลอความเร็วลงอย่างช้าๆจนในที่สุดก็หยุดลงตรงท่าเรือขนาดเล็กของเกาะโนอาห์
วิซ–!
ร่างของโรจาที่เมื่อครู่อยู่บนดาดฟ้า จู่ๆก็กลายเป็นภาพเบลอและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนเกาะในขณะที่เสื้อคลุมพลเรือตรีของเขาโบกสะบัดไปตามสายลม
ด้านหลังของโรจา นาวาโทได้นำทหารเรือเดินเท้าลงมาบนเกาะ
ตลอดเส้นทางก่อนหน้านี้ที่สู้กับโจรสลัด โรจาเป็นคนปราบปรามพวกมันทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว ส่วนพวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบเพียงแค่เก็บซาก จึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ และไม่มีใครเสียชีวิต
มองไปยังโรจาที่เป็นถึงผู้บัญชาการเรือรบ ถึงแม้ในตอนนี้พวกเขายังคงหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ความหวาดกลัวส่วนใหญ่นั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นความเคารพไปเสียแล้ว
ภายใต้การนำทัพของโรจา แม้ว่าจะมีการต่อสู้ขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า เหล่าเจ้าหน้าที่และทหารเรือก็ยังคงสงบ และไม่เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว
ร่างของโรจาแม้จะไม่สูงใหญ่อะไรมากมาย แต่เพียงแค่มองไปยังแผ่นหลังของเขา เหล่าทหารเรือก็รู้สึกราวกับมียอดเขาขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นคอยปกป้องพวกเขาอยู่ ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ
“ทำเหมือนกับในครั้งก่อนหน้านี้ เข้าใจไหม?”
โรจาออกคำสั่งอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่ได้เหลียวหลังกลับมามอง
การต่อสู้กับพวกโจรสลัดก่อนหน้านี้ คือการที่โรจาบุกเดี่ยวเข้าไปต่อสู้โดยลำพัง ส่วนทหารเรือคนอื่นๆให้รอคอยอยู่ด้านนอกจนกว่าการต่อสู้จะจบลง โดยมีสัญญาณคือเปลวเพลิงที่ลุกท่วมจนเปลี่ยนท้องฟ้าเป็นสีแดงฉานได้มอดดับลง ทุกคนถึงจะเข้ามาเก็บกวาดสนามรบ
โรจานั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ เขานั้นต่อสู้เพียงลำพังเสมอ ถึงแม้จะมีพวกนาวาโทและนาวาตรีมาช่วยเขา มันก็แทบจะไม่ส่งผลอะไรกับการต่อสู้ ตรงกันข้าม กลับเป็นการเพิ่มภาระให้กับโรจาเสียมากกว่า
วิซ—!
เสียงของโรจาค่อยๆจางหายไปในอากาศ หลังจากที่โรจาเดินไปข้างหน้าได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็เร่งความเร็วขึ้นจนหายลับไปจากสายตาของเหล่าทหารเรือ
“ไปเฝ้ารออยู่บริเวณรอบนอกของเมืองตามคำสั่ง ถ้าไม่อยากจะถูกเผาจนกลายเป็นมนุษย์ย่าง!”
หลังจากที่โรจาหายไป นาวาโทก็ออกมายืนอยู่เบื้องหน้าของเหล่าทหารเรือ เขานั้นมีตำแหน่งสูงสุดในขณะนี้ จึงได้เดินมาออกคำสั่งก่อนที่จะพาเหล่าทหารเรือเดินทัพมุ่งตรงไปยังตัวเมืองอย่างช้าๆ
…
ใจกลางเมือง
หลังจากที่ผ่านเมืองเล็กๆ โรจาก็เดินมาถึงเมืองที่อยู่ใจกลางเกาะ แม้ว่าในตอนนี้เขาจะยังอยู่ห่างไกลจากสนามรบ แต่โรจาก็ยังเสียงต่อสู้ที่ดังออกมาเป็นระยะๆ
โรจาส่ายหัวก่อนที่จะเดินตรงไปข้างหน้าที่เต็มไปด้วยพื้นโคลน
ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กัน ต่อให้โรจาปราบปรามพวกมันทั้งหมด เขาก็ยังได้แต้มคุณูปการเพียงน้อยนิดเท่านั้น … แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
อย่างไรก็ตาม
ในขณะที่โรจากำลังเดินด้วยท่าทีสบายๆไปยังใจกลางเมือง จู่ๆก็มีคนๆหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน
ต้องรู้นะว่า ใจกลางเมืองในเวลานี้ กำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นคนบางคนได้หลบหนีออกมา แต่เมื่อพบกับคนที่เดินออกมา กลับทำให้โรจารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก!
คนที่กำลังเดินมา เป็นเด็กสาวผมดำเข้ม สวมหมวกหนังที่ปิดจนไม่เห็นดวงตาของเธอ แต่เมื่อเด็กสาวสังเกตุเห็นโรจาที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับชุดเครื่องแบบทหารเรือที่เขากำลังสวมใส่อยู่ เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
“นี่มันน่าสนใจจริงๆ”
โรจามองไปยังเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่จะอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ทหารเรือ?
เด็กสาวเมื่อเห็นโรจา เธอก็ชะงักไปเล็กน้อย และไม่ลังเลเลยที่จะหันหลังกลับและวิ่งหนีไปอีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม
ก่อนที่เด็กสาวจะทันได้หลบหนีไปโรจาก็หายวับไปราวกับภูติผี ก่อนที่จะปรากฏตัวอีกครั้งเบื้องหน้าเธอ เขาเอนตัวพิงผนังด้วยท่าทีสบายๆ พลางจ้งมองไปยังเด็กสาว
ร่างของเด็กสาวกลายเป็นแข็งค้าง ก่อนที่เธอจะหยุดอยู่กับที่
โรจาจ้องมองไปยังเด็กสาวผมดำ ก่อนที่จะหัวเราะคิกคักออกมาแล้วกล่าวว่า
“จะรีบหนีไปไหนอย่างงั้นหรอ … เด็กต้องสาปนิโค โรบิน”
แท้จริงแล้วเด็กสาวผมดำที่มีผมดำเข้มคนนี้ก็คือ นิโค โรบิน!
เมื่อเด็กสาวได้ยินโรจาเอ่ยชื่อของเธอ เหงื่อเย็นเยียบก็เริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผาก แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงสงบ เด็กสาวสูดหายใจลึก และไม่ลังเลใจแม้แต่น้อยที่จะโจมตีออกไป เธอยกมือที่เรียวงามราวกับหยกขึ้นอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะวาดมันตรงหน้าของเธอ
“ดอกไม้บานสามสิบดอก …”
แขนสามถึงสี่คู่พลันปรากฏขึ้นบนบร่างของโรจาอย่างเงียบๆ ก่อนที่มันจะล็อคร่างและลำคอของเขา จากนั้นก็บิดทันที!
แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ แขนที่งอกขึ้นมาก็ไม่สามารถบิดร่างของโรจาที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กได้
“เฮ้ เฮ้ นี่มันค่อนข้างน่าอึดอัดทีเดียว … ถ้าเธอต้องการที่จะหยิกฉัน ก็ขอกันตรงๆ ฉันไม่ถือสาอะไรหรอก”
โรจาไม่สนใจแขนที่งอกออกมาและพยายามจะบิดคอเขาแม้แต่น้อย เขาทำราวกับว่าแขนเหล่านั้นไม่มีตัวตน
‘เขตทะเลเวสตูบลูมีทหารเรือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?’
มองไปยังภาพตรงหน้า หัวใจของโรบินก็กลายเป็นเย็นเยียบ การที่ได้พบเจอกับทหารเรือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ นับว่าเป็นโชคร้ายของเธอจริงๆ!
ในสมองของโรบิน เธอกำลังคิดหาวิธีการตอบโต้อย่างรวดเร็ว แต่โรจานั้นว่องไว ซ้ำยังแข็งแกร่งจน ‘ครัช’ ของเธอไม่สามารถหักคอของเขาได้ … ตัวเธอในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโรจา และไม่มีทางที่จะหลบหนีได้เลย
‘นี่ฉันควรจะทำอย่างไรดี? ฉันจะหาทางหลบหนีได้ยังไง?’
เมื่อโรบินไม่สามารถหากลยุทธ์ในการรับมือกับโรจาได้ หัวใจของเธอก็จมลงสู่ความสิ้นหวัง แต่มนตอนนั้นเอง จู่ๆโจรสลัดราวๆ 7 ถึง 8 คนได้พุ่งออกมาจากถนนอีกเส้นหนึ่ง
เมื่อเทียบกับโรบิน โรจาที่สวมเครื่องแบบของกองทัพและมีตัวอักษรยุติธรรมอยู่เบื้องหลัง ทำให้สายตาของพวกมันพลันจับจ้องไปยังโรจาโดยที่ไม่แม้แต่จะสนใจโรบินเลยแม้แต่น้อย
“ชิบหาย!”
“พวกทหารเรือมาแล้ว?”
“ฉันจะไปแจ้งหัวหน้าก่อน พวกเราควรรีบถอนตัวเดี๋ยวนี้”
ดวงตาของเหล่าโจรสลัดพลันหรี่ลง ท่าทีของพวกมันเปลี่ยนเป็นมืดมน
“ฆ่ามันก่อน! แล้วค่อยไปแจ้งก็ได้!!”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกล่าวประโยคนี้ออกมา แต่เมื่อเหล่าโจรสลัดได้ยิน พวกมันก็ยกปืนขึ้นยิงใส่โรจาทันที
‘ได้โอกาสแล้ว!’
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาอันงดงามของโรบินก็เป็นประกาย และเตรียมที่จะสบโอกาสหนีทันทีที่มีจัวหวะ
แต่วินาทีต่อมา ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวหนี ภาพตรงหน้าก็พลันทำให้ร่างทั้งร่างของเธอรู้สึกราวกับมีตะกั่วเหล็กห่อหุ้มอยู่ จนไม่แม้แต่จะสามารถขยับตัวได้!
วูซ—!
สิ่งที่เธอเห็นก็คือ โฮโนะสึกิที่อยู่ในมือของโรจา ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเขาชักมันออกมาตอนไหน และเบื้องหน้าเขาที่พลันเกิดรอยแยกตรงพื้นดินที่กินระยะทางไปไกลกว่า 100 เมตร! มันพุ่งไปไกลจนสุดขอบถนน!
พร้อมๆกับมีร่างของโจรสลัดนอนแผ่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว!
เมื่อมองไปยังฉากนี้ หน้าผากของโรบินก็พลันเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ แม้ว่าใบหน้าอันงดงามของเธอยังคงสงบ แต่ดวงตาคู่โตของเธอกลับไม่สามารถเก็บซ่อนความตกตะลึงเอาไว้ได้เลย
‘ความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ … เขาเป็นใครกันแน่?’
ก่อนที่จะพบกับฉากอันน่าตกตะลึงนี้ ในตอนแรกเธอคิดที่จะฉวยโอกาสหนี เพราะเธอรู้ดีว่าเมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งระดับนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่มีโอกาสรอด
“สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องถูกจับ?”
เมื่อได้สติกลับคืนมา โรบินก็รู้สึกขมขื่นในจิตใจ
เมื่อสิบปีก่อนบนเกาะโอฮาร่า บ้านเกิดของเธอที่กำลังศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงเวลา 800 ปีก่อนบนโพเนกริฟ กลับถูกทำลายล้างโดยยุทธการบลัสเตอร์คอลที่ถูกสั่งการโดยรัฐบาลโลกเพื่อปกปิดความจริง — นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เกาะโอฮาร่าถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์
ในเวลานั้นเธออายุเพียงแค่ 8 ขวบหากไม่ใช่เพราะอาโอคิยิปล่อยเธอไป เธอคงจะตายบนเกาะโอฮาร่าไปแล้ว
จากนั้น
ในฐานะผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว เธอจึงโดนตราหน้าว่าเป็นเด็กต้องสาปและถูกตั้งค่าหัว 79 ล้านแบรี่ด้วยวัยเพียง 8 ขวบเท่านั้น นับตั้งแต่นั้นมา เธอจึงซ่อนตัวอยู่ในโลกใต้ดินมาโดยตลอดจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ แต่ก็ยังดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกหนีชะตากรรม …