GOS ตอนที่ 7 – ออกเดินทาง
วันรุ่งขึ้น
ณ ท่าเรือของศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ด ที่เต็มไปด้วยเรือรบขนาดใหญ่ และมีทหารเรือฝึกหัดแต่ละกลุ่มอยู่บนเรือรบแต่ละลำ
มีเรือรบขนาดใหญ่จำนวน 10 ลำจอดอยู่และ แต่ละลำก็เต็มไปด้วยทหารเรือฝึกหัดจากค่ายสามัญ และนอกจากเหล่าทหารเรือฝึกหัดที่อยู่บนเรือแล้วยังมีพลพเรือโทมากับพวกเขาด้วยถึง5คน!
แม้ว่าพวกเขาจะมาจากค่ายฝึกสามัญ แต่พวกเขาก็ยังมีโอกาสเข้าร่วมค่ายชั้นยอดในอนาคต ดังนั้นเมื่อพวกเขาเดินเรือในทะเลเพื่อไปเข้าร่วมการประเมินผลการต่อสู้ ทางมารีนฟอร์ดจึงส่งพลเรือโทมาถึง 5 คนเพื่อคุ้มครองพวกเขา
ไม่นานนัก
เรือรบก็ออกจากท่าเรือและมุ่งหน้าสู่ท้องทะเล
แต่น่าแปลก เพราะมีเพียงเรือ 9 ลำเท่านั้นที่ออกไป แต่ยังคงเหลือเรืออีก 1 ลำซึ่งยังคงจอดอยู่และไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าจะออกเรือแม้แต่น้อย
ทหารเรือฝึกหัดบนเรือลำนั้น ในตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อเวลาเริ่มผ่านไปนานพวกเขาก็เริ่มกระวนกระวาย และพูดคุยกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คิ้วของบางคนเริ่มขมวดเข้าหากัน ก่อนที่พวกเขาจะกระซิบคุยกันว่า
“เมื่อไหร่พวกเราจะออกเดินทาง?”
“กลุ่มอื่นเขาออกไปกันหมดแล้ว แล้วทำไมพวกเราถึงยังไม่ออกเรือล่ะ?”
ใบหน้าของทหารเรือฝึดหัดหลายคนเริ่มปรากฏความไม่พอใจขึ้นมา ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกัน
และในตอนนั้นเอง
ได้มีคนๆหนึ่งวิ่งมาจากระยะไกล และคนๆนั้นก็รีบตรงดิ่งขึ้นมายังเรือรบทันที
คนคนนั้นคือโรจา
“ขอโทษที่มาสาย”
หลังจากกล่าวจบ โรจาก็เดินตรงไปยังมุมๆหนึ่งโดยที่ไม่คิดจะอธิบายเหตุผลที่เขามาสายแม้แต่น้อย เขานั้นไม่ใช่คนช่างพูด และเขาก็ไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับทหารเรือฝึกหัดคนอื่นๆอยู่แล้ว
แม้ว่าร่างกายของโรจาจะเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่คนที่ตัวเล็กผอมแห้งเหมือนแต่ก่อน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังจำเขาได้ในทันที หลังจากที่เขาหายตัวไปเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน
เสียงพูดคุยของทหารเรือฝึกหัดทุกคนได้หยุดลงทันที เมื่อโรจามาถึง และทุกๆสายตาได้จ้องมองไปยังเขาด้วยความงุนงง
ที่เรือรบยังไม่ออกจากท่าก็เพราะรอโรจาที่มาสาย?
หลังจากที่เงียบไปสักพัก ก็ได้มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า
“นี่มันหมายความว่ายังไง”
“ที่พวกเรายังไม่ออกเรือเป็นเพราะว่าต้องรอเขา? ไม่ใช่ว่าเขาลาออกไปแล้วงั้นหรอ?”
“ถึงแม้เขาจะเป็นญาติของพลเรือโทการ์ป แต่ทำแบบนี้มันก็มากเกินไป!”
ทหารเรือฝึกหัดส่วนใหญ่จ้องมองไปยังโรจาด้วยความรังเกียจ และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เดิมทีแล้วพวกเขาค่อนข้างกังวลเรื่องการเข้าร่วมการประเมินผลการต่อสู้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นอารมณ์ของพวกเขาจึงเดือดได้ง่ายๆ
มีเพียงไม่กี่คนในกลุ่มที่ยังคงสงบอยู่ หนึ่งในนั้นคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายสามัญ เดียซ เดรค แต่เมื่อเขาเห็นโรจา ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย!
‘เจ้าหมอนี่ … มันแข็งแกร่งขึ้น’
เมื่อก่อน โรจานั้นไม่เคยอยู่ในสายตาของเดรค แต่เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เดรครู้สึกได้ว่าโรจานั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก ราวกับเป็นคนละคน
อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าโรจาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ เดรคก็ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขา
เพราะเดิมทีแล้วโรจานั้นกระจอกกที่สุดในค่ายทหารเรือฝึกหัด ต่อให้เขาแข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็พึ่งผ่านไปแค่ 1 เดือน แล้วเขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้สักแค่ไหนกันเชียว?
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ เดียซเดรค นั้นคืออันดับหนึ่งของค่ายสามัญ ไม่ใช่เพียงอันดับหนึ่งของกลุ่ม
หลังจากที่จ้องมองโรจาอยู่สักพัก เดรคก็เบนสายตาออกไปแล้วไม่สนใจโรจาอีกต่อไป
เมื่อเสียงของทหารเรือฝึกหัดเริ่มดังขึ้น พลเรือโท ก็เดินเข้ามา พร้อมกับกระแทกเสียงด้วยความเย็นชาว่า
“เงียบ!!”
เรือรบทั้งลำพลันเงียบกริบลงทันที แต่ถึงแม้เหล่าทหารเรือฝึกหัดจะเงียบลง แต่ใบหน้าของพวกเขาก็ยังแสดงออกถึงความไม่พอใจอยู่ดี
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังโรจา แต่ในวินาทีต่อมาใบหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจของพวกเขาก็พลันหายไปทันที
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกคนบนเรือรบรวมไปถึงพลเรือโท ต่างก็โค้งคำนับและทักทายคนสองคนที่กำลังเดินมาจากระยะไกล ในตอนนี้สายตาของเหล่าทหารเรือฝึกหัดพลันเปลี่ยนเป็นเคารพและเทิดทูนทันที
หนึ่งในคนที่กำลังเดินมาคือการ์ป
ในขณะที่อีกคนหนึ่งที่เดินมาด้วยนั้นมีผมสีม่วงและเต็มไปด้วยความสง่างามในทุกย่างก้าว
“เขาคือครูฝึกค่ายชั้นยอด — อดีตพลเรือเอกเซเฟอร์!!”
“ที่แท้เรือรบของพวกเราก็รอ อดีตพลเรือเอกเซเฟอร์กับพลเรือโทการ์ปนี่เอง! พวกเราก็หลงนึกว่ารอเจ้าบ้าโรจาเสียอีก!”
เมื่อทหารเรือฝึกหัดเห็นการ์ปและเซเฟอร์ ความไม่พอใจบนใบหน้าของพวกเขาก็หายไป และจ้องมองการ์ปและเซเฟอร์ด้วยความเคารพ
และในตอนนี้ไม่มีใครสนใจโรจาอีกต่อไป
พวกเขาต่างจ้องมองไปยังการ์ปและเซเฟอร์
ขณะที่การ์ปกำลังเดินขึ้นเรือ สายตาของเขาก็กวาดไปยังโรจา ก่อนที่จะยิ้มออกมาจนเห็นฟันขาว จากนั้นก็ตรงไปยังชั้นดาดฟ้าเรือพร้อมกับเซเฟอร์
หลังจากเดินมาถึง การ์ปและเซเฟอร์ก็จ้องมองไปยังพลเรือโท และเหล่าทหารเรือฝึกหัด แล้วกล่าวว่า
“ฉัน พลเรือโทการ์ป และหัวหน้าครูฝึกเซเฟอร์ หวังว่าจะได้เห็นผลงานที่ดีของพวกเธอทุกคน!”
“ครับ!!/ค่ะ!!”
ทหารเรือฝึกหัดที่ยืนอยู่ในแถวอย่างเป็นระเบียบได้กล่าวออกมาอย่างพร้อมเพียง พวกเขาในตอนนี้รู้สึกตื่เต้นมากเมื่อรู้ว่าการ์ปและเซเฟอร์จะมาดูการประเมินในครั้งนี้ด้วย
มีเพียงโรจาเท่านั้นที่ไม่ได้แสดงความตื่นเต้นออกมา เขาบิดขี้เกียจก่อนที่จะนั่งลงแถวๆปืนใหญ่ จากนั้นก็เหลือบมองไปยังกลุ่มทหารเรือฝึกหัด
โรจาจ้องมองไปยัง เดียซเดรค ความจริงแล้วโรจานั้นค่อนข้างสนใจในตัวเดรค
ไม่ใช่เพราะว่าเดรคเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มห้า แต่เพราะโรจานั้นรู้ดีว่าในอนาคต ในช่วงยุคของลูฟี่นั้น ‘ธงแดง เดียซ เดรค’ นั้นจะเป็นถึง 1 ใน 11 ซุปเปอร์โนวา — ลุคกี้แห่งยุคสมัยใหม่!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เดรคนั้นเป็นเพียงทหารเรือฝึกหัดเท่านั้น
เดิมทีแล้วเดรคนั้นเป็นพลเรือตรี แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้เขาต่อต้านมารีนฟอร์ดและกลายมาเป็นโจรสลัด
“ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนี้ เดรคได้กินผลปีศาจสายโซออนแล้วหรือยัง (ผลทีเร็กซ์)”
แต่แล้วโรจาก็ส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะเลิกสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
…
หลังจากที่ออกจากท่าเรือ เรือรบก็ใช้ความเร็วเต็มที่ ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้มาถึงเขตที่ไร้ซึ่งลมทะเล ‘คาล์มเบล’
ที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของจ้าวแห่งท้องทะเล และบางครั้งจะสามารถเห็นจ้าวแห่งท้องทะเลที่มีดวงตาใหญ่กว่าเรือรบทั้งลำโผล่ออกมาจากระยะไกลได้
เรือรบขาดใหญ่ลำนี้ติดตั้งกังหันไฟฟ้า ดังนั้นมันจึงสามารถแล่นเรือต่อไปได้ แม้จะไม่มีลมทะเลคอยหนุน และต่อให้ไม่มีกังหันไฟฟ้าแต่พวกเขาจะต้องกลัวอะไรอีกในเมื่อบนเรือการ์ปและอดีตพลเรือเอกเซเฟอร์อยู่บนเรือลำนี้
ตลอดทางพวกเขาไม่ได้พบเจอกับอันตรายใดๆ และในตอนนี้เรือก็ได้แล่นมาจนถึงเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง
บริเวณเกาะเต็มไปด้วยหมู่เกาะขนาดเล็กมากมายนับไปถ้วน พีชพรรณบนเกาะมีสีเขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยเสียงคำรามลึกลับดังออกมาจากส่วนหนึ่งของเกาะตลอดเวลา
มันช่างน่าทึ่งและน่าหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
เรือรบอีกเก้าลำได้มาถึงก่อนแล้ว พวกเขาได้จอดเทียบท่าในหมู่เกาะเล็กๆตามจุดต่างๆ และในขณะนี้เรือรบของโรจาก็ได้จอดลงบนหมู่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง
“นี่คือสถานที่การประเมินผลการต่อสู้!”
พลเรือโทได้กล่าวกับเหล่าทหารเรือฝึกหัด ส่วนการ์ปและเซเฟอร์นั้นไม่ได้ปรากฏตัวออกมา