GOS ตอนที่ 59 – ขัดแย้ง
“ในเมื่อรู้แล้ว พวกแกคิดจะทำยังไงต่อ?”
ลุจจิเหลือบไปมองเหล่าเล่าบิงตรงหน้าด้วยท่าทีไม่แยแส ก่อนที่จะกล่าวว่า
“ฉันมีเพียงแค่คำถามเดียว เล่าบิงคนไหนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายชั้นยอด?”
อย่างไรก็ตาม คำถามของลุจจิกลับไม่ได้รับคำตอบ และด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่งของเขา ทำให้เหล่าเล่าบิงเกิดความไม่พอใจขึ้น
เมื่อได้ยินคำกล่าวของลุจจิ ทุกคนในค่ายชั้นยอดต่างก็แสยะยิ้มออกมา
ทันทีที่ลุจจิพ่นคำพวกนั้นออกมา มันก็ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลโลกต้องการจะทำอะไร — รัฐบาลโลกส่งพวกมันมาเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขา!
เวรี่ กู๊ด ก้าวเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าหน่วย CP ก่อนที่จะจ้องมองพวกเขาด้วยความเย็นชา แล้วกล่าวว่า
“ดูเหมือนว่าพวกแกต้องการจะมาสร้างปัญหาที่นี่อย่างงั้นสินะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
จาบราที่ยืนอยู่ข้างๆลุจจิได้หัวเราะออกมา พร้อมกับกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า
“แกเดาได้ถูกต้องแล้ว พวกเรามาเพื่อสร้างปัญหา!!”
…
ณ ชั้นบนสุดของป้อมปราการยักษ์
ภายในห้องโถงอันกว้างขวาง เจ้าหน้าที่อาวุโสของศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ทั้งจอมพลเรือเซนโงคุ สามพลเรือเอก รวมไปถึงซึรุ การ์ป และแม้แต่เซเฟอร์ก็อยู่ที่นี่
นอกจากเจ้าหน้าที่อาวุโสของศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาสวมเครื่องแบบที่แตกต่างจากกองทัพเรือ และเป็นเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลโลก
“นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้น”
“เข้าใจแล้ว”
เซนโงคุจ้องมองไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลโลกก่อนที่จะพยักหน้าอย่างช้าๆ
เซนโงคุเป็นถึงจอมพลเรือซึ่งมีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในมารีนฟอร์ด แต่ตำแหน่งของเขาก็ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ 5ผู้คุมกฏจากรัฐบาลโลก และนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมายังได้รับคำสั่งโดยตรงจาก 5 ผู้คุมกฏ เซนโงคุในตอนนี้จึงค่อนข้างที่จะสุภาพ
อีกด้านหนึ่ง
คิซารุไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขากำลังนั่งดื่มชาอย่างเงียบๆเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ส่วนอาโอคิยิก็นั่งเท้าคางอยู่ราวกับว่าจะหลับลงได้ทุกเมื่อ
ทางด้านอาคาอินุ เขากำลังยืนกอดอกอยู่ด้านหลังของเซนโงคุ และกำลังตั้งใจฟังเจ้าหน้าที่รัฐบาลโลกอย่างสงบ โดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆออกมา
หลังจากที่เซนโงคุและเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลโลกพูดคุยกันซักพัก พวกเขาก็แลกเปลี่ยนข้อมูลกันอีกนิดหน่อย และในที่สุดการสนทนาระหว่างสองฝ่ายก็ได้จบลง
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลโลกทุกคนลุกขึ้นยืนและเตรียมที่จะจากไป
ในตอนนั้นเอง หนึ่งในพวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่าลืมบอกอะไรบางอย่าง จึงหันไปหาเซเฟอร์แล้วกล่าวว่า
“จริงสิ เซเฟอร์ พวกเด็กๆหน่วยCPของพวกเราได้ไปเยี่ยมพวกเล่าบิงในค่ายชั้นยอดของคุณและกำลังจะ ‘พูดคุย’ กับพวกเขา”
“อะไรนะ?”
คิ้วของเซเฟอร์ขมวดเข้าหากัน ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า
“พวกเขาไปแล้ว? แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกฉันตั้งแต่แรก?”
“เพราะถ้าพวกเราอยู่ที่นั่น พวกเด็กๆจะไม่สามารถ ‘พูดคุย’ กันได้อย่างสนิทสนม แต่ไม่ต้องกังวล ฉันได้สั่งพวกเด็กๆเอาไว้แล้วว่าอย่าหนักมือจนเกินไป”
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลโลกคนหนึ่งกล่าวออกมาพร้อมกับมุมปากที่ยกสูงขึ้น
“เซเฟอร์ คุณดูกังวลมากเกินไปหรือเปล่า? นี่คือเวลาที่เหล่าเล่าบิงในค่ายชั้นยอดของคุณจะได้แสดงความสามารถ คุณไม่เชื่อใจพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
เซเฟอร์จ้องมองเจ้าหน้าที่รัฐบาลโลกด้วยความเย็นชา แล้วกล่าวว่า
“คุณสั่งไม่ให้พวกเขาหนักมือจนเกินไป แต่ฉันก็ไม่ได้สั่งเหล่าเล่าบิงของฉันเช่นกัน! ถ้าเด็กๆของคุณตายนั่นก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะตัวของคุณเอง!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า …”
เจ้าหน้าที่รัฐบาลโลกไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่เขาเพียงแค่หัวเราะ ก่อนที่จะพากันเดินออกจากห้องไป จากนั้นเซเฟอร์ก็เดินตามออกไปเช่นกัน
ในตอนนี้เหลือเพียงเซนโงคุและคนอื่นๆ
“หืม … การ ‘พูดคุย’กันระหว่างหน่วย CP กับ เล่าบิงของศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ด … นี่มันน่าสนใจจริงๆ!”
ดวงตาของอาโอคิยิเป็นประกายเผยให้เห็นถึงความสนอกสนใจ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป
ในเวลาเดียวกัน การ์ปผู้ซึ่งกำลังยืนกัดขนมเซมเบ้อยู่ ก็ได้โยนขนมเซมเบ้ที่เหลืออยู่เข้าไปในปาก ก่อนที่จะเคี้ยวกร้วมๆแล้วกล่าวว่า
“ฉันก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีสิ่งที่ต้องทำเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคงต้องขอตัวก่อน”
เซนโงคุจ้องมองการ์ปและอาโคคิยิที่เดินออกไป ก่อนที่จะส่ายหัว แต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
“ฉันได้ยินมาว่าเซเฟอร์ได้ฝึกฝนเล่าบิงคนหนึ่งอย่างหนัก นอกจากนี้เล่าบิงคนนั้นยังเป็นญาติของการ์ปอีกด้วย บางทีการพูดคุย … โอ โย โย ฉันเกลียดคำนี้แฮะ บางทีการต่อสู้กันในครั้งนี้อาจจะคุ้มค่าพอที่ให้ความสนใจก็ได้ เซนโงคุ คุณไม่อยากไปดูอย่างงั้นหรือ?”
คิซารุกล่าวทั้งๆที่ยังดื่มชาอยู่ ก่อนที่จะยืนขึ้นแล้วยิ้มออกมาด้วยความขี้เกียจ ท่าทีและน้ำเสียงของช่างไม่มีราศีของพลเรือเอกเอาเสียเลย
เซนโงคุปวดหัวกับปัญหาในครั้งนี้จริงๆ
5ผู้คุมกฏนั้นมีสถานะสูงส่ง สิ่งที่พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่! ถึงแม้ว่าหน่วย CP กับกองทัพเรือทั้งสองจะขึ้นตรงกับรัฐบาลโลก แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ดูได้จากท่าทีที่ไม่มีความสุขของเซเฟอร์ แถมหนึ่งในเล่าบิง — โรจายังเป็นญาติของการ์ปอีก หากโรจาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในครั้งนี้ การ์ปคงจะไม่นั่งอยู่เฉยๆอย่างแน่นอน
สำหรับเซเฟอร์นั้น เซนโงคุคิดว่าเขาพอจะห้ามปรามได้ แต่สำหรับการ์ปแล้ว … มันยากที่จะห้ามเขา บางทีถ้าหากการ์ปเผลอทำอะไรรุนแรงจนเกินไป อาจจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้นก็เป็นได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เส้นเลือดก็เริ่มปูดบวมขึ้นบนใบหน้าของเซนโงคุ ก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึกแล้วกล่าวว่า
“ประเสริฐจริงๆ งั้นฉันไปดูด้วยก็ได้”
…
ณ ชั้น 2 ภายในป้อมปราการยักษ์
สนามฝึกซ้อม
“นี่น่ะเหรอความสามารถทั้งหมดที่แกมี?”
จาบรายืนอยู่กลางสนามฝึกขณะที่ในมือของเขากำลังถือลูกบอลที่ดูบู้บี้ลูกหนึ่ง และจ้องมองไปยังลูกบอลลูกนั้นด้วยท่าทีเยาะเย้ย ซึ่งบอลลูกนั้นก็คือหัวของเวรี่ กู๊ด
ร่างกายส่วนอื่นๆของเวรี่ กู๊ดก็กลายเป็นลูกบอลและกลิ้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“แข็งแกร่ง …”
“เวรี่ กู๊ดไม่สามารถทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้เลย …”
ทุกคนในค่ายชั้นยอดต่างจ้องมองฉากตรงหน้าอย่างโง่งม และในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงในความแข็งแกร่งของจาบรา!
ถึงแม้เวรี่ กู๊ดจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในค่ายชั้นยอด แต่เขาก็นับว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจาบรา เขากลับถูกบดขยี้ และพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
เมื่อต้องพบกับความแข็งแกร่งระดับนี้ เล่าบิงในค่ายชั้นยอดต่างไม่มีใครยอมเผชิญหน้ากับจาบรา ยกเว้นสโมคเกอร์
“จุดประสงค์ของพวกแกคืออะไร?”
สโมคเกอร์เดินออกมาจากฝูงชนพร้อมกับคาบซิการ์สองมวนอยู่ในปาก ก่อนที่เขาจะสูดซิการ์ทั้งสองลึกลงไปจนเต็มปอด แล้วพ่นควันซิการ์ออกไปยังร็อบ ลุจจิและพวก CP คนอื่นๆ
แต่ลุจจิก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเขาเพียงแค่ยกมือขึ้นแล้วปัดควันซิการ์ที่ลอยอยู่เต็มหน้าเขาเท่านั้น จาบราที่ยืนอยู่ในสนามฝึกจึงแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวว่า
“ถ้าแกสามารถเอาชนะฉันได้ ฉันจะยอมบอกแก!”
หึ!
ใบหน้าของสโมคเกอร์หม่นลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา พร้อมกับปรี่เข้าหาจาบราทันที
จาบราโยนลูกบอลซึ่งเป็นหัวของเวรี่ กู๊ดทิ้งไปราวกับเป็นเพียงแค่ขยะ ก่อนที่จะโจมตีออกไปในเวลาเดียวกัน
ปัง—!
จาบราโจมตีออกไปอย่างรุนแรงเพราะเขาต้องการที่จะเอาชนะสโมคเกอร์ด้วยการโจมตีเพียงกระบวนท่าเดียว อย่างไรก็ตาม หมัดของเขากลับทะลุผ่านร่างของสโมคเกอร์ ซึ่งจาบราไม่คาดคิดเลยว่าจู่ๆร่างกายของสโมคเกอร์จะเปลี่ยนเป็นควันอย่างกระทันหัน
เหตุการณ์นี้ทำให้จาบราชะงักไปชั่วครู และสโมคเกอร์ก็อาศัยโอกาสนั้นใช้อาวุธพลองของเขาหวดเสยจาบราจนกระเด็นลอยออกไป
ตูม—!
ในช่วงเวลาที่ถูกโจมตี จาบราก็ได้ใช้เทคไค(กายาเหล็ก)หนึ่งในหกวิชาโรคุชิกิเพื่อป้องกันทันที แต่ความแข็งแกร่งของสโมคเกอร์ก็ไม่ได้อ่อนแอ ถึงแม้ว่ากายาเหล็กจะสามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็ยังถูกแรงปะทะส่งผลให้ลอยกระเด็นออกไปพร้อมกับรู้สึกเจ็บปวดตรงบริเวณที่ถูกโจมตี
“บัดซบ!”
“ผู้ใช้พลังจากผลปีศาจสายโลเกีย?”
หลังจากที่จาบราได้เผชิญหน้ากับสโมคเกอร์เพียงระยะเวลาสั้นๆ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสโมคเกอร์ ดังนั้นเขาจึงไม่ก้าวขึ้นไปบนสนามฝึก และทำแค่เพียงจ้องมองไปยังสโมคเกอร์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
สโมคเกอร์ยักไหล่ แต่เขาก็ไม่ได้ไล่ตามจาบราไป เขายังคงคาบซิการ์ทั้งสองไว้ในปาก ก่อนที่จะจ้องมองไปยังจาบราแล้วเอ่ยถามอีกครั้งว่า
“จุดประสงค์ของพวกแกคืออะไร?”
“แกคิดจริงๆหรอว่าฉันจะบอกแก?”
สายตาของจาบราเผยให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ในขณะที่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความยั่วยุ
คิ้วของสโมคเกอร์กระตุกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังจาบราด้วยความเย็นชา และในตอนนั้นเอง ร็อบ ลุจจิก็ได้เดินออกมา ก่อนที่จะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของสโมคเกอร์
“จุดประสงค์ของพวกเราก็คือทดสอบความแข็งแกร่งของเหล่าเล่าบิง”
ลุจจิตอบคำถามของสโมคเกอร์ พร้อมกับจ้องมองไปยังเขาและกล่าวอย่างสงบว่า
“ทีนี้แกก็ควรจะตอบคำถามของพวกเราบ้าง … แกใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายชั้นยอดหรือเปล่า?”