GOS ตอนที่ 43 – ลอบทดสอบ

 

หลังจากที่เซเฟอร์แนะนำสั้นๆเกี่ยวกับภารกิจต่อสู้ เขาก็เดินหายเข้าไปในห้องโดยสารเรือ

 

และในตอนนั้นเอง เรือรบของค่ายชั้นยอดก็ได้ออกจากท่า

 

“อย่ากลัวไปเลย ยิ่งกลัวจะยิ่งทำให้สู้ได้แย่ลง”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องกลัวนะเจ้าพวกเด็กใหม่ พวกเราเหล่าเล่าบิงจะปกป้องพวกแกเอง”

 

“แต่ถ้าพวกแกกลัวจนสู้ไม่ไหว ก็ยืนดูเราจัดการพวกโจรสลัดอยู่ห่างๆก็พอ”

 

หลังจากที่เซเฟอร์จากไป เหล่าเล่าบิงต่างก็เริ่มหันไปมองโรจากับเดรคและเด็กใหม่คนอื่นๆ ก่อนที่จะทยอยกันพูดเตือน

 

บางคนก็พูดเตือนด้วยความจริงใจ ในขณะที่บางคนพูดก็พูดราวกับมันเป็นเรื่องน่าขำ

 

แต่แน่นอนว่าเหล่าเด็กใหม่ไม่ขำด้วย แววตาของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความตึงเครียดจนไม่สามารถปกปิดได้ … เพราะพวกเขากำลังจะไปเผชิญหน้าต่อสู้กับโจรสลัดจริงๆ!

 

“กล้าๆหน่อยเจ้าพวกเด็กใหม่”

 

เวรี่ กู๊ดผู้ที่เคยถูกโรจาตบคว่ำจนโยนผ้าขาวขอยอมแพ้ได้กล่าวขึ้น ก่อนที่เขาจะมองไปยังเหล่าเด็กใหม่แล้วกล่าวแบบติดตลกว่า

 

“พวกแกฝึกตามคำแนะนำของเซเฟอร์เซนเซย์มาตั้งเดือนนึงแล้ว หัดกล้าๆหน่อยพวกเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดการพวกลูกน้องโจรสลัดกระจอกๆแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกแก  …”

 

เมื่อเวรี่ กู๊ดเห็นโรจาอยู่ในกลุ่มเด็กใหม่ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ

 

ตัวตนของโรจาได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ว่าแท้จริงแล้วโรจาคือญาติของการ์ป และเรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปในหมู่ค่ายชั้นยอดอย่างรวดเร็ว

 

แต่เหล่าเล่าบิงส่วนใหญ่ในค่ายชั้นยอดรวมไปถึงเวรี่ กู๊ดก็ไม่ได้ใส่ใจกับข่าวนี้มากมายนัก อย่างไรก็ตาม ที่นี่คือศูนใหญ่กองทัพเรือมารีนฟอร์ด และมีทหารเรืออยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นตัวตนของโรจาที่เป็นถึงญาติของการ์ปจึงเป็นตัวตนที่ค่อนข้างพิเศษ

 

เวรี่ กู๊ดแค้นโรจาแบบฝังลึก เขาได้แต่ก่นด่าตัวเองเมื่อคิดถึงช่วงเวลาในตอนนั้น หากเขาสามารถหลบเปลวเพลิงของโรจาได้และโต้กลับไป แม้ว่าผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดในตอนนั้นคือทำร้ายโรจาจนบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็จะไม่พ่ายแพ้จนกลายเป็นคนน่าสังเวชแบบนี้

 

เวรี่ กู๊ด กำลังหาโอกาสขอท้าประลองกับโรจาอีกครั้ง

 

เมื่อเขารู้ว่าโรจาไม่ใช่ผู้ใช้พลังจากผลปีศาจ เขาก็ต้องการที่จะต่อสู้กับโรจาอีกครั้งให้เร็วที่สุด

 

เวรี่ กู๊ดคิดว่าพวกที่ไม่ได้กินผลปีศาจเข้าไปแบบโรจา คงสามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาได้แค่เพียง‘ครั้งเดียว’เท่านั้น! แต่ครั้งก่อนเขาดันโดนเปลวเพลิงที่ปลดปล่อยออกมาได้เพียงครั้งเดียวโจมตี จนกลายเป็นตัวตลก!

 

ตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา เวรี่ กู๊ด พยายามตามหาตัวโรจาแทบพลิกแผ่นดิน แต่โรจาที่แสนจะไร้ยางอายกลับไม่ยอมปรากฏตัวออกมาเลยตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน

 

อย่างไรก็ตาม

 

เนื่องจากในตอนนี้พวกเขาได้รับภารกิจต่อสู้กับโจรสลัด เวรี่ กู๊ดจึงไม่สามารถขอท้าประลองกับโรจาได้ จนกว่าภารกิจจะสิ้นสุดลง

 

เวรี่ กู๊ดจึงได้แต่หวังว่าภารกิจในครั้งนี้โรจาจะพ่ายแพ้พวกโจรสลัดจนย่อยยับ และบาดเจ็บสาหัส จนเซเฟอร์เซนเซย์ต้องเข้ามาช่วย … ซึ่งมันคงจะพอที่จะลบล้างความเจ็บปวดที่เขาพ่ายแพ้แก่โรจาได้ในระดับนึง

 

ดังนั้นเมื่อเวรี่ กู๊ดมองไปยังโรจา ใบหน้าของเขาจึงเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ

 

ในมุมมองของเวรี่ กู๊ด เปลวเพลิงของโรจานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่มันก็ไม่ใช่พลังจากผลปีศาจสายโลเกีย การเผชิญหน้ากับโจรสลัดกลุ่มใหญ่ ไม่สามารถใช้การโจมตีเพียงครั้งเดียวแล้วจะเอาชนะได้ นอกจากนี้ พวกโจรสลัดนั้นจะต่อสู้ในรูปแบบกองโจร พวกมันจะตะลุมบอลและฉวยโอกาสโจมตีเวลาเผลอ เพราะฉะนั้นการต่อสู้กับโจรสลัดจะต้องอาศัยประสบการณ์อย่างมาก

 

ทางด้านโรจา เขาไม่สนใจสายตาอันเคียดแค้นของเวรี่ กู๊ดที่จ้องมองมา แต่กำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อให้การออกไปทำภารกิจต่อสู้ในครั้งนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับการฝึกฝนฮาคิ — โรจาพบว่ายังคงมีอยู่หลายจุดที่เขายังไม่เข้าใจ

 

ดังนั้น

 

โรจาจึงออกจากดาดฟ้าไปหาเซเฟอร์ที่อยู่ในห้องโดยสารเรือ

 

 

จากศูนย์บัญชาการใหญ่มารีนฟอร์ด ไปยังเซาท์บลูนั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในแกรนไลน์ เพียงแค่ล่องเรือไปตามแผ่นดินใหญ่บนเส้นเรดไลน์และข้ามทะเลคาล์มเบลก็จะสามารถไปถึงเซาท์บลูได้อย่างง่ายดาย

 

ในส่วนท้ายของครึ่งแรกในแกรนไลน์นั้นค่อนข้างสงบ และแทบจะไม่มีโจรสลัดเข้ามายังบริเวณนี้ แต่หากจะมา พวกเขาก็มาเพราะต้องการไปยังเกาะชาบอนดี้*เท่านั้น

 

*(เกาะชาบอนดี้เป็นจุดที่ใช้เคลือบเรือลงไปเกาะเงือก)

 

มีเพียงโจรสลัดจำนวนน้อยเท่านั้นที่ต้องการมาที่นี่ เพราะบริเวณนี้อยู่ใกล้กับศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ด หากต้องปะทะกับพวกทหารเรือที่นี่ก็คงมีแต่ตายกับตายเท่านั้น

 

 

ณ ห้องโดยสารส่วนบนของเรือรบ

 

ภายในห้องที่โอ่อ่ากว้างขวางมีคนสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่

 

“เธอกำลังจะบอกว่าเพียงแค่เดือนเดียวเธอก็สามารถใช้โซลได้อย่างชำนาญ และยังสามารถใช้เก็ปโปได้แล้วอีกด้วย?”

 

เซเฟอร์จ้องมองโรจาที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างโง่งม

 

ในตอนแรกเซเฟอร์ไม่เชื่อในสิ่งที่โรจากล่าว เขาคิดว่าสงสัยโรจาคงเมาเรือเลยพูดอะไรเพี้ยนๆออกมา แต่ตอนนี้หลังจากที่โรจาแสดงให้เขาดู เซเฟอร์ก็พบว่าโรจาสามารถทำได้อย่างที่พูดจริงๆ!

 

ถึงแม้เซเฟอร์จะแนะนำให้โรจาฝึกโซลและเก็ปโป แต่เขาก็คิดว่าโรจาคงต้องใช้เวลาฝึกฝนซักสองสามเดือน … หรือบางทีอาจจะสี่เดือน เขาไม่คาดคิดเลยว่าโรจาจะสามารถฝึกฝนโซลจนชำนาญได้ด้วยระยะเวลาเพียงเดือนเดียว

 

ความจริงแล้ว

 

เซเฟอร์ไม่ได้สนใจเลยว่าเดือนนึงที่ผ่านมาโรจาจะฝึกฝนไปได้มากมายขนาดไหน เขาเพียงแค่ให้คำแนะนำที่จำเป็นเท่านั้น

 

นั่นก็เพราะจู่ๆโรจาก็ต้องการที่จะฝึกฝนฮาคิ เซเฟอร์จึงต้องการที่จะทดสอบโรจาโดยให้เขาไปฝึกฝนโซรุกับเก็ปโปให้ได้เสียก่อน

 

แต่ผลลัพธ์ของการทดสอบในครั้งนี้ทำให้เซเฟอร์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก!

 

ต้องรู้นะว่า การฝึกวิชาโซลนั้นเกี่ยวพันธ์โดยตรงกับร่างกาย หากร่างกายแข็งแกร่ง พวกเขาจะสามารถฝึกโซลได้เร็วกว่าพวกที่มีพรสวรรค์เสียอีก! แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการฝึกหกวิชาโรคุชิกินั้นคือ ‘ความพยายาม’

 

ด้วยเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนโรจากลับชำนาญวิชาโซลและสามารถใช้วิชาเก็ปโปได้??

 

นั่นหมายความหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โรจาต้องฝึกนรกทุกๆวัน เขาจะต้อง‘พยายาม’อย่างหนัก ถึงจะสามารถฝึกวิชาโซลจนใช้ได้อย่างชำนาญภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน!

 

ก่อนหน้านี้เซเฟอร์ไม่รู้ว่าโรจาฝึกฝนด้วยวิธีไหน แต่เขาก็ไม่เคยไปถามการ์ป

 

แต่ในเวลานี้

 

ในที่สุดเซเฟอร์ก็ค้นพบว่าแท้จริงแล้ว เหตุผลที่ความแข็งแกร่งของโรจาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับที่น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะเขาไม่ได้มีเพียงแค่มีพรสวรรค์เท่านั้น แต่โรจายังมีความพยายามมากกว่าผู้อื่นอีกด้วย!

 

แม้แต่คนที่ทรงพลังมากที่สุดในมารีนฟอร์ด เหล่าพลเรือเอกที่เป็นลูกศิษย์ของเซเฟอร์ก็ไม่ได้มีเพียงแค่พรสวรรค์เท่านั้น ตัวอย่างเช่น คิซารุ แม้ว่าเขาจะอาศัยพลังของผลปีศาจมากเกินไป แต่การที่เขาแข็งแกร่งขึ้นมาได้ขนาดนี้ก็เนื่องจาก ‘ความพยายาม’

 

ไม่ว่าพรสวรรค์จะดีแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้หากปราศจากความพยายาม! และหากใช้ทั้งพรสวรรค์และความพยายามควบคู่กันแล้วล่ะก็ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก!!

 

ซึ่งการที่โรจาเติบโตได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ไม่ใช่เพียงแค่เพราะเขามีพรสวรรค์

 

การแนะนำให้โรจาฝึกฝนโซลและเก็ปโปความจริงแล้วเป็นการ‘ทดสอบ’ของเซเฟอร์

 

จริงอยู่ว่าโรจาในตอนนี้นั้นแข็งแกร่งพอที่จะฝึกฝนฮาคิแล้ว แต่ในมุมมองของเซเฟอร์ ร่างกายของโรจายังคงอ่อนแออยู่มาก

 

เมื่อร่างกายอ่อนแอ พลังของฮาคิก็จะอ่อนแอตามไปด้วย ในทางตรงกันข้าม หากร่างกายแข็งแกร่ง ฮาคิก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

 

ถ้าโรจาไม่ฟังเขา และเลือกยืนกรานที่จะฝึกฝนฮาคิ มันก็เปรียบดั่งการให้รถลากไปอยู่ข้างหน้าม้า*(สำนวน) ถึงแม้จะใช้เวลาฝึกฝนนานถึง 2 – 3 เดือนมันก็แทบจะไร้ประโยชน์! และถ้าหากโรจาเลือกที่จะไม่สนใจคำแนะนำ เซเฟอร์ก็จะลงโทษและตำหนิโรจาอย่างไร้ความปราณี! เพื่อที่จะสั่งสอนไม่ให้เขาเดินทางผิด

 

แต่เซเฟอร์ไม่คาดคิดเลยว่า นอกจากโรจาจะเชื่อฟังในสิ่งที่เขาพูดแล้ว โรจายังสามารถฝึกฝนมันจนชำนาญและเกินความคาดหวังของเขาได้อีกด้วย!!