GOS ตอนที่ 40 – วิชาโซลและเก็ปโป
หลังจากที่ใช้วิชาเฉือนนภาที่หลอมรวมเข้ากับเปลวเพลิงจากวิชาผลาญจัดการเวรี่ กู๊ด โรจาก็เดินออกจากห้องโถงทันทีโดยไม่สนใจเสียงพูดคุยและสายตาของเหล่าเล่าบิงที่อยู่รอบๆ
ค่ายชั้นยอดนั้นแตกต่างจากค่ายสามัญ เพราะค่ายชั้นยอดจะไม่มีการบังคับให้ฝึกฝนใดๆทั้งสิ้น ทุกคนในค่ายล้วนได้รับอิสระ สามารถทำอะไรก็ได้ ยกเว้นเพียงเดียว เมื่อได้รับภารกิจ ทุกคนจะต้องออกไปทำทันที โดยไม่สำคัญว่าพวกเขาจะพร้อมหรือไม่
ณ บ้านของการ์ป
โรจายังคงคุ้นเคยอยู่กับการฝึกฝนเพียงคนเดียวในลานฝึกเล็กๆ
ส่วนการ์ปนั้นไม่ได้อยู่บ้าน ซึ่งโรจาก็ชินแล้ว และไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืด โรจาจึงกลับเข้าบ้านไปอาบน้ำนอน
เช้าวันรุ่งขึ้น
โรจาดีดตัวขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะทำธุระส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ แล้วตรงไปยังลานฝึก
ลานฝึกนี้จะว่าเล็กก็ไม่ใช่ จะว่าใหญ่ก็ไม่เชิง เพราะนี่คือลานฝึกของการ์ปที่เป็นถึงวีรบุรุษกองทัพเรือ ถ้าหากบริเวณบ้านของเขามีขนาดเท่ากับทหารเรือคนอื่นๆ มันก็คงจะดูไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่
หลังจากที่ชั่งน้ำหนักตัวเสร็จแล้ว เขาก็ตรงไปยังลานฝึกเพื่อฝึกฝนวิชาโรคุชิกิ ‘โซล’
“โซลนั้นเป็นวิชาที่ฝืนบังคับร่างกายให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง … ส่วนเก็ปโปนั้นเป็นวิชาที่ใช้เดินบนอากาศ …”
“งั้นเริ่มจากฝึกวิชาโซลก่อนก็แล้วกัน”
โรจาเดินไปยังมุมๆหนึ่งของลานฝึก ก่อนที่จะระรึกถึงจุดสำคัญของวิธีฝึกฝนที่เซเฟอร์ได้ให้คำแนะนำแก่เขาเมื่อวานนี้
ความจริงแล้ววิธีฝึกโซลนั้นง่ายมาก ตราบใดที่เรารู้รายละเอียดวิธีการฝึกฝนที่แน่นอน ไม่ว่าใครก็สามารถฝึกได้ แต่มันกลับเป็นเรื่องยากตรงที่ เงื่อนไขในการฝึกฝนวิชาโซล — ผู้ฝึกจะต้องมีพละกำลังเหนือมนุษย์!
ตราบใดที่ร่างกายมีความแข็งแกร่งเพียงพอ ก็จะสามารถฝึกฝนวิชานี้ได้โดยง่าย
ปัง—!
หลังจากที่นึกย้อนไปถึงจุดสำคัญของวิธีฝึกฝนที่เซเฟอร์เป็นคนแนะนำแล้ว โรจาก็เหยียบพื้นอย่างแรงทันที พร้อมกับสร้างรอยร้าวเป็นใยแมงมุมโดยมีเท้าของเขาเป็นจุดศูนย์กลาง และในเวลาเดียวกันร่างกายของโรจาก็พุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่ นี่ยังไม่ถูกต้อง พละกำลังไม่ได้กระจุกอยู่ที่จุดเดียว แต่กลับกระจายไปทั่ว”
“อีกครั้ง!”
ปัง—!
พื้นดินตรงจุดที่โรจาย่ำไปแตกเป็นรอยใยแมงมุมอีกครั้ง และก็เช่นเดิม ร่างของโรจาถูกส่งพุ่งออกไปยังข้างหน้า อย่างไรก็ตามโรจารู้สึกเหมือนกับว่ามันจะดีกว่าครั้งก่อนเล็กน้อย แต่ก็ยังคงห่างไกลจากมาตรฐานของวิชาโซลอยู่มากโข
“อีกครั้ง!”
เดิมทีแล้วโรจาไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถใช้โซลได้ในทันทีอยู่แล้ว เขาจึงฝึกต่อไปเรื่อยๆโดยไม่แยแสว่ามันจะพลาดสักกี่ครั้ง
สิ่งที่โรจาไม่อาจจิตนาการได้ก็คือ การใช้วิชาโซลแต่ละครั้งนั้นกินพลังงานร่างกายเป็นอย่างมาก เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทหารเรือจำนวนมากถึงไม่สามารถฝึกฝนวิชาโรคุชิกิได้
ไม่เพียงแต่ต้องใช้พละกำลังและความว่องไวที่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่มันยังกินพลังงานร่างกายเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับไหว
ฝึกฝนวิชาโซลไปได้ไม่นาน ขาของโรจาก็ชาโดยสมบูรณ์ และแทบจะไร้ความรู้สึก
เมื่อรับรู้ได้ถึงขีดจำกัดร่างกายของตัวเอง สีหน้าของโรจาก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเล็กน้อย ต้องรู้นะว่า ตัวโรจาในตอนนี้ สามารถสควอตต่อเนื่องได้มากกว่า 10000 ครั้ง และนั่นยังแทบจะไม่ทำให้เขาเข้าถึงขีดจำกัดของร่างกายได้เลย
แต่การฝึกฝนโซลเพียงครู่เดียว กลับสามารถทำให้เขาเข้าถึงขีดจำกัดร่างกาย!
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย ตรงกันข้าม มันกลับเป็นเรื่องที่ดีมากๆด้วยซ้ำ เพราะนั่นหมายความว่าโรจาจะสามารถเข้าถึงขีดจำกัดของร่างกายได้ง่ายๆ — จากนั้นเขาก็จะทะลวงขีดกำจัด และสามารถสัมผัสศักยภาพแฝงในร่างกายได้ตลอดเวลา!
การฝึกโซล ไม่เพียงแค่ช่วยให้เขาเข้าถึงขีดจำกัดร่างกายได้ง่ายได้พียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้เขาสามารถสัมผัสลึกลงไปในศักภาพแฝงในร่างกายอีกด้วย!
ตัวของโรจาในตอนนี้ การที่จะเข้าถึงขีดจำกัดร่างกายนั้นนับว่าเป็นเรื่องยากมากๆ เขาต้องใช้เวลายาวนานเกือบทั้งวันจึงจะสามารถเข้าถึงขีดจำกัดของร่างกายได้ในแต่ละครั้ง!
แต่! แต่ด้วยการฝึกโซล กลับสามารถทำให้เขาเข้าถึงขีดจำกัดร่างกายได้อย่างง่ายดาย! — นี้จึงเป็นโอกาสทองครั้งใหญ่ที่จะช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว!
…
ครึ่งเดือนผ่านไป
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา โรจาได้ฝึกฝนโซลและเก็ปโปเพื่อใช้มันทะลวงขีดจำกัดร่างกายส่วนขา และฝึกซ้อมวิชาดาบตามปกติเพื่อทะลวงขีดจำกัดร่างกายช่วงบน ไม่ว่าจะเป็น ไหล่ สะโพก เอว และจุดอื่นๆที่เกิดจากการเคลื่อนไหวเวลาใช้ดาบ
สำหรับคนทั่วไปการที่สามารถทะลวงขีดจำกัดร่างกายหนึ่งครั้งหรือสองครั้งติดต่อกันก็นับว่าเป็นคนที่โชคดีมากๆแล้ว แต่โรจาในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาเขากลับสามารถทะลวงขีดจำกัดร่างกายได้ราวๆ 8 ถึง 10 ครั้ง!!
ครึ่งเดือนที่ผ่านมาพละกำลังของโรจาพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่สามารถควบคุมวิชาโซลได้ดั่งใจนึก
ในตอนนี้โรจาสามารถทิ้งร่างเงาไว้ได้ทันทีเมื่อเขาใช้โซล แต่เขายังไม่สามารถควบคุมระยะทางที่จะไปได้ บางครั้งก็ไปไกลเกินกว่าเป้าที่กำหนด ในขณะที่บางครั้งก็ไปไม่ถึงเป้า
“การฝึกน่ะง่าย แต่การนำมาใช้จริงน่ะยาก”
ตูม–!
โรจาใช้วิชาโซลอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นตรงขอบลานฝึก แล้วพุ่งเข้ากระแทกกับกำแพงเสียงดังสนั่น
การฝึกฝนจนสามารถเรียนรู้โซล และอีก 5 วิชาโรคุชิกิได้ ก็เพียงพอที่จะทำให้คุณมีชื่อเสียงใหญ่โตในท้องทะเลแห่งนี้ เช่นเดียวกับเซเฟอร์และการ์ปที่สามารถฝึกฝนและควบคุมโรคุชิกิทั้ง 6 ได้
“ฝึกโซลแล้ว … ขั้นต่อไปก็ฝึกเก็ปโป”
นอกจากโซลแล้ว โรจายังฝึกเก็ปโปเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าขนาดใช้วิชาโซลบนพื้นดิน เขายังแทบจะควบคุมมันไม่ได้ ยิ่งเป็นเก็ปโปที่เดินบนอากาศยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ครั้งก่อนที่โรจาฝึกเก็ปโป เขาเกือบพุ่งเข้าไปกระแทกกับหน้าต่างชั้นสอง ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหยุดได้ทัน แต่แรงลมที่อัดกระแทกในตอนนั้นก็ทำให้กระจกหน้าต่างแตกเป็นชิ้นๆ
หลังจากนั้นโรจาก็ลองฝึกดูอีกนิดๆหน่อย แต่เขาก็ไม่สามารถรักษาสมดุลได้ และร่วงตกลงมา
หลังจากนั้นโรจาก็ไม่หวังสูงจนเกินไป เขาตัดสินใจที่จะฝึกโซลให้ชำนาญก่อนจากนั้นค่อยไปฝึกเก็ปโป
ความจริงแล้วบนชั้นสองของป้อมปราการยักษ์ซึ่งเป็นพื้นที่ของค่ายชั้นยอด ก็มีสนามฝึกขนาดเล็กไว้ให้ใช้เป็นพื้นที่ฝึกฝนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม โรจาไม่เลือกที่จะไปฝึกฝนที่นั่น เพราะถึงแม้ว่าสนามฝึกฝนของค่ายชั้นยอดจะสามารถใช้ฝึกโซลได้ แต่มันไม่สามารถใช้ฝึกเก็ปโป
ใครจะรู้ว่าแม้จะผ่านมาครึ่งเดือนแล้วเขาก็ยังไม่สามารถใช้โซลได้อย่างชำนาญ
เดิมทีโรจาต้องการจะฝึกฝนโซลและเก็ปโปให้ชำนาญโดยใช้เวลาครึ่งเดือน จากนั้นเขาก็จะไปฝึกฝนฮาคิต่อ เขาไม่คาดคิดเลยว่าแผนการฝึกฝนของเขาจะล่าช้าออกไป
แต่แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
เพราะการฝึกฝนฮาคินั้นเกี่ยวพันธ์กับความแข็งแกร่งของร่างกาย ซึ่งการฝึกโซลและเก็ปโปนั้นจะช่วยให้โรจาสามารถทะลวงขีดจำกัดร่างกายได้มากขึ้น — นั่นทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น! และเมื่อร่างกายแข็งแกร่งขึ้นก็จะทำให้สามารถฝึกฝนฮาคิได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้
โรจายังสามารถฟัน หนึ่งดาบซ้อนทับกันได้ห้าครั้งอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว และในตอนนี้เขากำลังฝึก หนึ่งดาบซ้อนทับกันหกครั้งอยู่ ซึงโรจาสามารถสัมผัสได้เลยว่ามันยากกว่าการฝึกซ้อนทับกันห้าครั้ง มากๆ
นอกจากนี้ในช่วงระยะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมาโรจายังสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบจิตวิญญาณแห่งดาบได้อีกด้วย
ขั้นสาม :จิตวิญญาณดาบแห่งความรอบรู้ +1
สถานะ: พลังโจมตี +150, พละกำลัง +45, ว่องไว +45
สกิลพิเศษ : บันโช อิซไซ ไคจิน โตะ นาเสะ จงเผาสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน — การโจมตีด้วยดาบจะเสริมความเสียหายด้วยไฟ (ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการวิวัฒนาการ)
สกิลพิเศษ : เก็ทสึงะ เท็นโช (เขี้ยวจันทรา ทะลวงสวรรค์) — เมื่อใช้สกิลนี้ จะเกิดคลื่นพลังเป็นรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงไปยังทิศทางที่ฟาดฟันดาบออกไป
สเตมิน่า: 47/130
หลังจากที่วิวัฒนาการเป็นขั้นสาม ทุกครั้งที่เสริมความแข็งแกร่งให้ระบบจิตวิญญาณแห่งดาบ แต้มคุณสมบัติเสริม(พวกแต้มพละกำลัง , ว่องไว) ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
และโรจาคิดว่าเมื่อวิวัฒนาการเป็นขั้นที่ 4 หรือขั้น ที่ 5 ทุกๆการเสริมความแข็งแกร่ง แต้มคุณสมบัติเสริมก็คงจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมตามลำดับ
“แต้มสเตมิน่าแต่ละแต้มนั้นได้มาจากการต่อสู้และการฝึกฝน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่แต้มคุณสมบัติเสริมจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”
ในตอนนั้นเองจู่ๆโรจาก็คิดพึ่งคิดอะไรบางอย่างออก
“ใช่แล้ว! ดูเหมือนว่าอีกครึ่งเดือนต่อจากนี้จะมีภารกิจต่อสู้กับพวกโจรสลัด …”
เมื่อคิดได้ มุมปากของโรจาก็ยกสูงขึ้น ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า
“มีเวลาอีกตั้งครึ่งเดือน ก็น่าจะเพียงพอให้ฉันฝึกวิชาโซลจนชำนาญได้!”