GOS ตอนที่ 4 – ลาออก?
หลังจากที่โรจา ทดลองใช้พลังเสริมการโจมตีด้วยไฟ เขาก็ได้ใช้มันอีกครั้ง เขาใช้มันจนลานฝึกกลายเป็นทะเลเพลิง เมื่อเห็นแบบนั้นเขาจึงหยุด
ในระหว่างการทดลอง ทำให้โรจาสามารถเลือกที่จะกำหนดความรุนแรงของเปลวเพลิงได้อย่างสมบูรณ์ หรืออีกความหมายนึงก็คือ เขาสามารถเลือกที่จะปลดปล่อยเปลวเพลิง หรือไม่ปลดปล่อยมันออกมาก็ได้ เพียงแค่คิดในใจ
อีกอย่างก็คือ เปลวเพลิงที่ปล่อยออกไปนั้น จะดับลงในทันที เพียงแค่เขาสั่งให้หยุดจากในความคิด
นอกจากนี้พลังไฟนี้แตกต่างจากพลังของผลปีศาจสายโรเกีย เพราะถึงแม้ตัวของโรจาจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันไฟให้กับร่างกายตัวเองได้ แต่ร่างกายของเขาก็ไม่เป็นหนึ่งเดียวกับไฟเหมือนกับเหล่าผู้ใช้ผลปีศาจที่สามารถทำให้ไฟลุกติดตัวได้โดยตรง
และในระหว่างที่กำลังจะทดลองต่อนั้นเอง เขาก็พบว่าการ์ปได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
“นี่มันกลิ่นบ้าอะไร?”
การ์ปที่กำลังงัวเงีย ทำจมูกฟุดฟิดอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่จะขมวดคิ้วและเดินไปยังลานฝึกอย่างรวดเร็ว — แล้วเขาก็เห็นว่าโรจากำลังถือดาบอยู่
‘โอ้ เจ้าเด็กเหลือขอ มารออยู่ก่อนแล้วหรือนี่’
แต่ในวินาทีต่อมา ความงัวเงียของการ์ปก็หายไปอย่างฉับพลัน! เขาอ้าปากค้าง ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังลานฝึกที่ถูกเผาจนวอดวาย!
นี่มัน …
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
การ์ปประมวลผลจากภาพทั้งหมดอยู่ไม่กี่วินาที ก่อนจะคำรามออกมาด้วยเสียงอันดังสนั่นว่า
“โรรรรร จาาา!!!!!!!”
เสียงคำรามนี้ดังสนั่นไปทั้งศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ด ทั้งไก่ ทั้งสุนัข ต่างกระโดดโหยงด้วยความตกใจ แม้แต่เหล่าพลเรือเอกก็ยังได้ยินมัน
แต่เมื่อพวกเขารู้ว่าเป็นเสียงของการ์ป เส้นเลือดก็เริ่มปูดบวมขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา ก่อนที่เหล่าพลเรือเอกจะส่ายหัว แล้วคิดในใจว่า ‘เจ้าบ้านี่เอาอีกแล้ว …’
…
เสียงคำรามของการ์ปดังราวกับว่าทำให้โลกทั้งใบสั่นไหว
โชคดีที่ในลานฝึกไม่ได้มีอะไรวางอยู่นอกจากขยะเล็กๆน้อยๆ ความจริงแล้วโรจานั้นค่อนข้างรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับการ์ปอย่างไรดี แต่เมื่อเห็นว่าการ์ปดูจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากมายนัก โรจาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ลานฝึกที่ถูกเผาจนไหม้ ถูกซ่อมแซมโดยโรจาและการ์ป
แต่ถึงแม้พวกเขาจะช่วยกันซ่อมมันจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ยังคงมีกลิ่นไหม้โชยมาแตะจมูกบ้างเป็นครั้งคราว
ณ กลางลานฝึก
การ์ปจ้องมองไปยังโรจา ส่วนโรจาก็ยิ้มตอบให้เขา
“เอาล่ะเจ้าเด็กเหลือขอ เดือนนี้ฉันจะฝึกแกเอง แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันเป็นคนที่เข้มงวดมากๆ! และถ้าแกขี้เกียจ ก็เตรียมรับหมัดเหล็กแห่งความรักจากชายชราคนนี้ได้เลย — ฉันจะไม่เมตตาแกแม้แต่น้อย!”
การ์ปจ้องมองโรจาอย่างเคร่งขรึม พร้อมกับปล่อยกลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมา ซึ่งแค่กลิ่นอายนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เด็กตกใจกลัวจนร้องไห้!
แต่โรจาไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย การ์ปอาจจะดูเข้มงวด แต่มันก็ไม่ทำให้โรจาท้อถอย กลับกัน มันกลับช่วยกระตุ้นให้เขามีพลังใจของเขาเพิ่มมากขึ้น
“เริ่มกันเลย”
โรจากล่าวด้วยความสงบ แม้คำพูดของเขาจะดูเรียบง่าย แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความปรารถนาที่จะแข็งแกร่ง
การ์ปสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของโรจาได้อย่างชัดเจน ถึงแม้เขาจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็โล่งใจมากกว่า เพราะความจริงแล้วเขากลัวว่าโรจาจะขาดจิตวิญญาณในการฝึกฝน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นแล้ว
…
ณ ลานฝึก
เนื่องจากโรจานั้นอายุได้ 18 ปีแล้ว เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไป การ์ปจึงไม่ได้เริ่มสอนเขาโดยการฝึกซ้อมแต่แรก แต่เขาอธิบายถึงหลักสำคัญของการฝึกฝนให้โรจาเข้าใจเสียก่อน
“ร่างกายของทุกคนนั้นมีศักยภาพอันมหาศาลแฝงอยู่ หากเราสามารถสัมผัสถึงมันได้ เราก็จะล้มศัตรูนับร้อยได้”
“บางคนก็สามารถสัมผัสศักยภาพอันมหาศาลได้ตั้งแต่เกิด จึงมีอยู่บ่อยครั้งที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนเหมือนกับคนอื่นๆ พวกเขาจะทรงพลังตั้งแต่ยังเด็ก และพวกทหารเรือฝึกหัดที่อยู่ภายในค่ายมารีนฟอร์ดก็เป็นพวกนั้น! พวกเขาจะมี ‘พละกำลัง’ มากตั้งแต่เกิด และไม่อาจนำไปเปรียบกับทหารเรือทั่วไปได้!”
เพียงแค่คำพูดเพียงสองประโยคของการ์ป ก็มากพอที่จะอธิบายเกี่ยวกับโลกวันพีชได้เลย ว่าทำไมบางคนถึงเป็นเพียงแค่คนธรรมดา และทำไมบางคนที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่เกิดและมีร่างกายที่เกือบจะคงกระพัน!
เมื่อได้ยินคำกล่าวของการ์ป ใบหน้าของโรจาก็บ่งบอกได้ถึงความเข้าใจอย่างชัดเจน
แม้แต่โรจาผู้ถูกส่งเข้ามายังโลกวันพีช ก็ยังสามารถเข้าใจที่การ์ปอธิบายได้อย่างง่ายดาย
“หรือในอีกความหมายนึงก็คือ ร่างกายที่ทรงพลังนั้นมีพื้นฐานมาจากศักยภาพของร่างกาย … ใช่ไหมลุงการ์ป”
“ใช่!”
เมื่อเห็นว่า โรจาไม่เพียงแต่จะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเท่านั้น แต่ยังสามารถสรุปออกมาได้ด้วย การ์ปก็พยักหน้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
แม้ว่าโรจาจะไม่ใช่คนประเภทที่สามารถสัมผัสศักยภาพได้ตั้งแต่เกิด แต่เขาก็ยังเป็นคนที่มีพรสวรรค์ และมีความคิดความเข้าใจที่ค่อนข้างดี
หัวใจของการ์ปเต็มไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจ ก่อนที่เขาจะอธิบายถึงวิธีการสัมผัสศักยภาพที่แฝงอยู่ในร่างกาย โดยอธิบายสั้นๆว่า เมื่อสามารถดึงศักยภาพอันมหาศาลของร่างกายมาได้ระดับหนึ่ง มันจะแสดงผลออกมาในรูปแบบที่มีชื่อว่า ‘ฮาคิ’
แน่นอนว่าการ์ปไม่มีทางสอน ‘ฮาคิ’ ให้โรจาใช้ตั้งแต่แรก เพราะนั่นจะเปรียบดั่งการจับเขาโยนใส่ในรถลากทั้งๆที่ยังไม่มีม้า ดังนั้นการ์ปจึงกล่าวถึงเรื่องฮาคิเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะเริ่มอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสัมผัสศักยภาพแฝงในร่างกาย
วิธีการสัมผัสศักยภาพแฝงออกมานั้นง่ายมาก นั่นคือการทะลวงขีดจำกัดของร่างกายไปเรื่อยๆ
ตัวอย่างเช่น ขีดจำกัดการวิดพื้นของคนๆหนึ่งคือ 100 ครั้ง พวกเขาก็แค่ทะลวงขีดจำกัดนั้น แค่นี้ก็เท่ากับเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพร่างกาย
การทะลวงขีดจำกัดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่การ์ปก็สามารถอธิบายวิธีการทะลวงให้กลายเป็นเรื่องง่าย
ไม่นานนัก โรจาก็เริ่มการฝึกฝนอย่างเป็นทางการภายใต้คำแนะนำของการ์ป
…
…
ในขณะเดียวกัน ณ ศูนย์ฝึกมารีนฟอร์ด
การที่โรจาไม่ได้มาที่นี่ ทำให้เหล่าทหารเรือฝึกหัดพูดคุยกันในเรื่องนี้ บางคนก็บอกว่าโรจานั้นอยู่ในช่วงลาพักร้อน
“ลาพักร้อนนั้นคงเพียงเป็นข้ออ้าง — ฝึกได้เพียงแค่เดือนเดียวเขาก็ลาออกเสียแล้ว กระจอกจริงๆ”
“จากคนทั้งหมดที่ร่วมฝึก เขานั้นอยู่ในอันดับล่างๆเลยนี่นา การที่เขาลาออก ก็อาจจะเป็นเพราะเขาสูญสิ้นความหวังไปแล้วก็ได้ล่ะมั้ง”
“ทำไมคนกระจอกอย่างมันถึงเป็นญาติของพลเรือโทการ์ป?”
ทหารเรือฝึกหัดหลายคนกำลังพูดคุยกันในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
และในตอนนั้นเอง ได้มีใครบางคนตะโกนขึ้น
“หุบปาก!”
เมื่อมองไปยังทิศทางของเสียง ก็ได้ปรากฏร่างๆหนึ่งที่สูงใหญ่และงดงามเดินเข้ามา และกล่าวว่า
“พวกคุณไม่ควรว่าร้ายพลเรือโทการ์ปลับหลังแบบนี้!”
“เอ่อ …”
ทหารเรือฝึกหัดที่กำลังพูดคุยกัน ต่างเหลือบมองกันและกัน แล้วหันไปมองทหารเรือหญิงฝึกหัดที่พึ่งเดินเข้ามาด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะกล่าวว่า
“ฮินะ พวกเราผิดไปแล้ว อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับครูฝึกนะ ”
ฮินะแสะยิ้มออกมา แล้วกล่าวว่า
“แม้ว่าประสิทธิภาพของโรจาจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงเป็นญาติของพลเรือโทการ์ป ถ้าพวกคุณกล้าพูดแบบนั้นอีกล่ะก็ เราจะได้เห็นดีกัน!”
“โอเค โอเค …”
แม้ว่าหลายๆคนคนจะไม่ยอมรับ แต่พวกเขาต่างก็ชื่นชมการ์ป และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะเถียงกับฮินะ
ฮินะนั้นเป็นหทารเรือหญิงที่แข็งแกร่ง และผลการจัดอันดับของเธอในเหล่าทหารเรือฝึกหัดนั้นสูงมาก! ซึ่งภายในมารีนฟอร์ดแห่งนี้ความแข็งแกร่งนั้นก็เปรียบดั่งสถานะ! ยิ่งแข็งแกร่งก็จะยิ่งได้รับความเคารพยำเกรง!
เมื่อเห็นว่าทุกคนยอมตกลง ฮินะก็ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะเดินกลับไปฝึกซ้อมต่อ