GOS ตอนที่ 156 – ความแข็งแกร่งของพลเรือเอก
ระยะโจมตีของปืนใหญ่ขนาดยักษ์ที่ถูกติดตั้งไว้ในฐานG-6นั้นมีพิสัยกว้างกว่าปืนใหญ่ขนาดธรรมดาที่ถูกติดตั้งไว้บนเรือโจรสลัดเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ระยะที่ยิงได้ไกลกว่าเท่านั้น แต่พลังทำลายของมันยังรุนแรงยิ่งกว่าอีกด้วย!
หากไม่ใช้ฮาคิหรือพลังปีศาจป้องกัน ก็ยังยากที่จะต้านทานพลังโจมตีอันรุนแรงของกระสุนปืนใหญ่จากปืนใหญ่ขนาดยักษ์ได้
ตูม ตูม ตูม—!
ท่ามกลางกระสุนปืนใหญ่ที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า ทางด้านกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ต่างพากันโบกสะบัดอาวุธในมือที่แวววาวและสะท้อนแสงสีดำหมึกของพวกเขา เข้าสกัดกั้นกระสุนปืนใหญ่ไม่ให้ตกถึงเรือ และยังคงแล่นตรงมายังฐานG-6ด้วยความเร็วเต็มพิกัดอย่างต่อเนื่อง
พริบตาเดียว
เรือโจรสลัดร้อยอสูรก็ได้แล่นมาจนถึงระยะที่พวกเขาสามารถใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้แล้วเช่นกัน
“บรรจุกระสุน — ยิงได้!”
ทางด้านกองทัพเรือก็ได้ส่งคำสั่งไปยังเรือรบขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆฐานG-6 ให้ระดมยิงสนับสนุนจากบนเรือรบจนเกิดประกายไฟ และควันโขมงเต็มเรือรบพร้อมกับกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกไปจนเต็มท้องฟ้าราวกับห่าฝน
เวลานี้
ทางด้านกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ก็เริ่มเปิดฉากระดมยิงปืนใหญ่แล้วเช่นกัน พวกเขาไม่สามารถตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป จึงยิงปืนใหญ่เพื่อสวนโจมตีกลับ
ตูม ตูม ตูม—!
แม้เรือของทั้งสองฝ่ายจะยังไม่ถึงระยะที่เทียบท่าเพื่อต่อสู้ระยะประชิด แต่ภายใต้ห่ากระสุนปืนใหญ่อันบ้าคลั่ง ทั้งสองฝ่ายต่างก็เริ่มมีคนบาดเจ็บล้มตายบ้างแล้ว เซนโงคุที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้มองออกไปยังท้องทะเลที่บัดนี้กลายเป็นสนามรบด้วยความหนาวเหน็บ
“สงครามทำลายล้างเต็มรูปแบบ … ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!”
นี่คือสงครามทำลายล้าง! ตามแผนที่ได้วางไว้ คือการสังหารกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าพวกมันจะบาดเจ็บหรือล้มตายไปสักแค่ไหน และไม่จำเป็นที่จะต้องทำการจับกุม
ร้อยอสูรไคโดนั้นเป็นพวกฆ่าไม่ตาย เพราะพลังปีศาจของเขา แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของไคโดนั้นไม่ได้เป็นอมตะเฉกเช่นเดียวกันกับเขา ดังนั้นแม้ว่ากองทัพเรือจะไม่สามารถกำจัดไคโดได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถกำจัดผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้ก็ยังดี
เมื่อกองกำลังของไคโดอ่อนแอลง การที่เขาจะยังคงรักษาตำแหน่งสี่จักพรรดิต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องยาก
และจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อกองทัพเรือ … อย่างน้อยก็ในระยะเวลาสั้นๆ
“ระยะแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
ผู้ที่ยืนอยู่ทางซ้ายจากแถวหน้าสุดของขบวนรบ หนึ่งในสามพลเรือเอกคุซัน — อาโอคิยิ เมื่อเห็นว่าพวกกองเรือโจรสลัดร้อยอสูรได้เข้ามาถึงระยะโจมตีของเขา ดวงตาของเขาก็พลันเป็นประกาย พร้อมกับร่างทั้งร่างที่หายวับไป
วิซ—!
อาโอคิยิกระโดดลงไปบนผิวทะเล ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งค่อยๆทาบลงไป
“ไอซ์ เอจ!”
ฟุ่บ–!
ครู่ต่อมา ผิวทะเลรอบๆอาโอคิยิก็พลันถูกแช่ให้กลายเป็นพื้นน้ำแข็งโดยมีมือของเขาที่ทาบลงไปเป็นจุดศูนย์กลาง
อากาศเย็นเยียบอันน่าหวาดหวั่นได้แพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง น้ำทะเลรอบๆพลันเกิดการแข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง และแพร่กระจายไปยังเรือของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร จนเรือไม่สามารถแล่นต่อไปได้!
“พวกพลเรือเอกเริ่มลงมือแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าอาโอคิยิเริ่มลงมือ เหล่าทหารเรือที่กำลังเฝ้ามองอยู่ต่างเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นในแววตาของพวกเขา
เบื้องหน้าของอาโอคิยิ
บนเรือกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ร่างๆหนึ่งที่ใหญ่ยักษ์ราวกับภูเขาและกำลังยืนอยู่แถวหน้าสุดบนดาดฟ้าเรือ ได้จ้องมองไปยังทะเลที่กลายเป็นพื้นน้ำแข็ง และอาโอคิยิ อย่างสงบ
“อาโอคิยิ … ”
ร่างอันใหญ่ยักษ์นั่นคือไคโด ทหารธรรมดาๆทั่วไปนั้นไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่สำหรับอาโอคิยิแล้ว ทั้งสองเคยต่อสู้กันมาแล้วมากกว่า 1 ครั้ง และเกือบทุกครั้งที่ไคโดจะพุ่งเข้าโจมตีทหารเรือคนอื่นๆ เขาจะถูกขัดขวางโดยอาโอคิยิ
“โวโรโรโร! เหล่าลูกน้องทั้งหลาย จงร่วมมือกับพ่อคนนี้ … ทำลายล้างพวกกองทัพเรือ!”
เมื่อเห็นว่าเรือทั้งลำถูกน้ำแข็งหยุดเอาไว้ได้โดยสมบูรณ์ ดวงตาของไคโดก็เผยให้เห็นถึงประกายแห่งความบ้าคลั่ง และแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาได้คำรามก้อง พร้อมกับกระโดดลงไปบนพื้นน้ำแข็ง
ตูม .. กราว กราว–!
เมื่อเท้าของไคโดกระทบลงกับพื้นน้ำแข็ง ก็พลันเกิดเสียงดังสนั่นตามมาด้วยรอยแตกร้าวกวาดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง หากอาโอคิยิไม่ได้ทำให้น้ำทะเลที่อยู่ลึกลงไปแข็งตัวแล้วล่ะก็ เกรงว่าพื้นน้ำแข็งคงจะถูกทำลายลงโดยไคโดไปแล้ว
เมื่อไคโดกระโดดลงจากเรือ เหล่าโจรสลัดร้อยอสูรก็เผยให้เห็นถึงสีหน้าดุร้าย ก่อนที่จะพากันกระโดดลงจากเรือตามไคโดไป ด้วยกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า!
หากแรงกดดันจากทางกองทัพเรือนั้นเปรียบดั่งความสงบ แรงกดดันของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรก็น่าจะเป็นแรงกดดันอันแสนบ้าคลั่ง ราวกับต้องการฉีกกระชากผืนฟ้า!
แจ็คแห่งภัยแล้งผู้ซึ่งถูกโรจาอัดจนจมลงสู่ก้นทะเล ได้ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติแล้ว เวลานี้ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด!
แจ็คคำรามก้อง พร้อมกับกระโดดตามไคโดลงไป วิ่งนำหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาแล้วตะโกนออกมาว่า
“ฆ่าพวกทหารเรือให้หมด!”
ตูม ตูม ตูม—!
ทุกย่างก้าวของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรนั้นทำให้ผืนดินสั่นสะเทือน ร่างของไคโดนั้นดูราวกับเป็นยอดเขาขนาดยักษ์ ที่กำลังมุ่งตรงไปยังฐานสาขาG-6
“ไอซ์ บล็อก … พาร์ทิสัน!”
ใบหน้าของอาโอคิยิเปลี่ยนเป็นเย็นชา ขณะที่เขาวาดมือทั้งสองข้างออกไป ทันใดนั้นก็พลันปรากฏแท่งน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีรูปร่างคล้ายกับหอกขึ้นกลางอากาศ และพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร
อย่างไรก็ตาม เมื่อไคโดที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากองรบ ตามมาด้วยเหล่าสามภัยพิบัติ ทำให้หอกน้ำแข็งของอาโอคิยไม่อาจเข้าถึงตัวเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา และถูกทำลายจนสิ้น
“ช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร … ”
คิซารุที่ยืนอยู่หน้าขบวนรบได้จ้องมองไปยังอาโอคิยิ ที่กำลังพยายามหยุดกลุ่มโจรสลัดร้อยอสููร แต่กลับไร้ผล คิ้วของเขาพลันยกสูงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เผยท่าทีเยาะเย้ยออกมา แล้วเปลี่ยนร่างตัวเองกลายเป็นลำแสงทันที
จุดประสงค์ของสงครามในครั้งนี้ก็คือ การมุ่งโจมตีไปยังเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าไคโด แต่หากทำให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาลดน้อยลง ก็จะเพิ่มโอกาสชนะให้แก่ทางกองทัพเรือได้มากขึ้น ดังนั้น คิซารุจึงได้เลือกที่จะพุ่งโจมตีออกไปโดยตรง!
วิซ—!
ร่างของคิซารุที่เปลี่ยนเป็นลำแสงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้า ก่อนที่จะเปล่งแสงสีทองแพรวพราวราวกับดวงอาทิตย์ออกมา ขณะที่นิ้วมือทั้งสองของเขางอลงและทาบไขว้กันบนหน้าอก แล้วมองลงไปยังกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรที่อยู่เบื้องล่างด้วยความเหยียดหยาม
“ยาสะคาตะ โนะ มากัตทามะ!” (แสงระย้าห่าฝนกระหน่ำ)
วิซ วิซ วิซ–!
กระสุนแสงสีทอง ได้ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าอย่างบ้าคลั่งราวกับห่าฝน
ทุกกระสุนสีทองเหล่านี้ เมื่อกระทบลงบนเป้าหมาย มันจะก่อให้เกิดแรงระเบิดที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่ากระสุนปืนใหญ่ขนาดยักษ์เสียอีก!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับห่ากระสุนสีทอง ร้อยอสูรไคโดจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลบเลี่ยง เขาปล่อยให้ห่ากระสุนพวกนั้นปะทะกับร่างของเขาจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น .. ราวกับว่าตัวเขานั้นไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกคันแม้แต่น้อย!
“หึ!”
หลังจากแสยะยิ้มเย็นออกมา พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของไคโดก็พลันเกิดรอยแตกร้าว และในเวลาเดียวกัน ร่างของร้อยอสูรไคโดก็กระโดดขึ้นไปอย่างฉับพลัน และบดบังห่ากระสุนสีทองจนมันแทบจะไม่หลุดรอดลงไปยังเบื้องล่าง! — เมื่อกระโดดมาถึงเบื้องหน้าของคิซารุ ไคโดก็เหวี่ยงกำปั้นออกไป
“แสบตาโว้ย! ไปให้พ้น!”
“โอโยโย”
ห่ากระสุนสีทองพลันต้องหยุดชะงัก — คิซารุจะใช้มือทั้งสองข้างวางซ้อนกันบนอก เพื่อป้องกันกำปั้นของไคโด แต่เขาก็ไม่อาจป้องกันมันได้โดยสมบูรณ์และถูกอัดกระเด็นตกลงมาจากฟากฟ้า!
ตูม–!
ร่างของคิซารุแปรเปลี่ยนเป็นลำแสง ก่อนที่จะตกลงบนพื้นน้ำแข็งของอาโอคิยิ — พื้นน้ำแข็งโดยรอบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนเป็นหลุมลึก! อย่างไรก็ตาม คิซารุก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เส้นแสงสีทองได้พุ่งขึ้นจากหลุมน้ำแข็งก่อนที่ร่างของคิซารุจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง มาหยุดยืนอยู่ข้างๆอาโอคิยิ
“กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร … ”
พลเรือเอกคนสุดท้าย อาคาอินุ ไม่ได้กระโดดเข้าโจมตีเหมือนกับคนอื่นๆ เขาเพียงแค่จ้องมองฉากนี้จากระยะไกล ก่อนที่ร่างกายของเขาพลันปลดปล่อยความร้อนอัดน่าสยดสยองออกมา แล้วตามมาด้วยแขนทั้งสองข้างของเขาที่แปรเปลี่ยนเป็นแม็กม่าและมีหยดลาวาไหลย้อยลงมาบนพื้น พร้อมกับส่งเสียง ชี่ ชี่
“พวกโจรสลัดทั้งหมดจะต้องถูกกวาดล้างให้หายไปขากโลกใบนี้โดยสมบูรณ์!”
อาคาอินุคำรามออกมา พร้อมกับเกร็งกำปั้นแน่นแล้วชูมันขึ้นไปบนอากาศ และระเบิดแม็ก พวยพุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้าอย่างต่อเนื่อง
“ริวเซย์ คะซัน!”
ตูม ตูม ตูม–!
กำปั้นของอาคาอินุ ได้แปรเปลี่ยนเป็นกำปั้นแม็กม่าจำนวนนับไม่ถ้วน ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ราวกับอุกกาบาตขนาดย่อม
กำปั้นแม็กม่าขนาดยักษ์ที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง และปลดปล่อยอุณหภูมิอันน่าสยดสยองออกมา ได้ร่วงตกลงไปเหนือหัวกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร!
เมื่อถึงจุดนี้
สามพลเรือเอกก็ได้ก้าวเข้าสู่สนามรบอย่างเต็มรูปแบบแล้ว!
เพียงแค่การโจมตีของพวกเขาทั้งสามคน ก็เพียงพอที่จะสั่นคลอนเหล่าผู้ชมนับไม่ถ้วนให้อยู่ในความตกตะลึง!
“นี่น่ะเหรอ … ความแข็งแกร่งของพลเรือเอก!”
“ทรงพลังอะไรขนาดนี้”
เหล่าผู้ชมทั้งทางฟากฝั่งกองทัพเรือและฝั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรที่กำลังถูกโจมตี ต่างอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!!