Ep.993 – เทพบุปผา
เมื่อเรื่องราวดำเนินถึงจุดนี้ ฉินเฟิงไม่ต้องการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายเพียงลำพังอีกต่อไป
“จอมพลเย่ฮุน ถึงตาคุณลงมือบ้างแล้ว! มัวยืนบื้ออะไรอยู่?” ฉินเฟิงตะโกน
เย่ฮุนพอได้ยิน ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในฐานะผู้รับผิดชอบ ต่อให้ยากลำบากเขาก็ต้องแบกรับมันไว้
“เตรียมรับมือศัตรู!”เย่ฮุนประกาศเสียงดัง
“จอมพลเย่ฮุน เรื่องพวกลูกน้องสัตว์ร้ายตัวอื่นๆปล่อยให้ผมรับมือเอง เชื่อใจได้เลย จะไม่มีแมลงตัวไหนมารบกวนการต่อสู้ระหว่างคุณกับแม่แมลง!” ฉินเฟิงกล่าว
“ถ้าได้อย่างนั้นจริงๆฉันก็ขอบคุณ!” พลังสมาธิของเย่ฮุน ถ่ายทอดน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอารมณ์ของเขา
ฉินเฟิงไม่สนใจอีกฝ่าย ภายใต้แรงสั่นสะเทือนของพลังสมาธิ น้ำแข็งที่แช่แข็งพรมเชื้อราไกลออกไปเป็นพันไมล์ แตกเป็นเสี่ยงๆทันที เก็บเกี่ยวชีวิตสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนในพรมเชื้อรา
ท่ามกลางเขตแดนแห่งความตาย สัตว์ร้ายเลเวล S เริ่มดิ้นรนเอาชีวิตรอด พยายามขัดขืนเป็นครั้งสุดท้าย
เทคนิคแห่งความมืดของฉินเฟิง ดูดซับพลังงานจากทุกชีวิต หลอมรวมเข้าสู่ร่างกายของเขา วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
ปังงงง!
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิง ในที่สุดก็สามารถยกระดับไปอีกขั้น
ก้าวขึ้นสู่เลเวล A6 !
แต่นี่เป็นแค่น้ำจิ้มในงานเลี้ยงอาหารเลิศรสของฉินเฟิงเท่านั้น
ณ ขณะนี้ แม่แมลงถูกเย่ฮุนเข้าพัวพัน พรมเชื้อราซึ่งเป็นพาหะของกองทัพแมลงสัตว์ร้าย โถมโอบล้อมกองทัพมนุษย์คนอื่นๆ
ฉินเฟิงหยิบมีดกษัตริย์คราม ถอดมันออกจากฝักอาวุธระดับสุดยอดเทวะ ปลดปล่อยอำนาจที่โลกต้องสะพรึงออกมา
“สะบั้น!”
วิญญาณนับล้านส่งเสียงคำรามหวิว ฉินเฟิงสับลงเพียงมีดเดียว พรมเชื้อราที่ยืดยาวออกไปไม่รู้กี่หมื่นไมล์ ถูกเปิดรูแหวกเป็นทางยาว กระแสกำลังภายในอันทรงพลังได้ผ่าแยกพรมเชื้อรา ออกเป็นสองซีก เป้าหมายเพื่อตัดขาด แยกสนามรบของพวกเขาออกจากการสู้รบระหว่างเย่ฮุนกับแม่แมลง
ฉินเฟิงทำในสิ่งที่เขากล่าว เจ้าแมลงพวกนี้ เขาจะไม่ยอมให้พวกมันแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างทั้งสองเด็ดขาด
ฉินเฟิงไล่สังหารดุเดือดบ้าคลั่ง ทั้งเทคนิคเงาหมื่นอสูรและเทคนิคยุคเยือกแข็ง ล้วนถูกปลดปล่อยออกมาเต็มกำลัง
แมลงจำนวนมหาศาลถูกฆ่าตาย เขาเพียงคนเดียว เทียบเท่ากับกำลังรบหลายพันนาย
ในขณะที่คนอื่นๆต่างหวาดกลัว แต่ฉินเฟิงเฝ้าเก็บเกี่ยว ได้รับผลประโยชน์มากมาย!
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาถูกเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง พลังงานเพิ่มพูน จนสุดท้ายตัดผ่านไปอีกขั้น
ก้าวขึ้นสู่เลเวล A7!
สู่เลเวล A8!
A9 ..!
ฉินเฟิงจำไม่ได้แล้วว่าเขาสังหารตะขาบกระหายเลือดไปกี่ตัว แต่ไม่ต้องสงสัยเลย พลังงานจากเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ กระทั่งแก่นสัตว์ร้าย ทั้งหมดถูกดูดซับโดยฉินเฟิง
ขีดสุดอายุขัยของฉินเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกรงว่ามันไปถึงจุดที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากการสังหารหมู่อย่างบ้าคลั่ง กองทัพตะขาบกระหายเลือด ก็มิใช่กองทัพอันเกรียงไกรอีกต่อไป แต่เหลือเพียงพวกทหารกุ้งปูปลาเท่านั้น
ฉินเฟิงสังหารเลเวล S ไปหลายพันตัว แมลงเลเวล A อีกนับหมื่นตัว กองทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่นำทัพโดยแม่แมลง ล้วนถูกสังหารสิ้น
แต่มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่งั้นฉินเฟิงจะยกระดับได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?
ส่วนที่เหลือ เป็นฝูงแมลงจำนวนแสนตัว และพยุหะแมลงเลเวล C อีกนับล้านตัว
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีจำนวนมหาศาลก็จริง แต่พวกมันไม่ถึงขั้นเป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้พลังเลเวล A ที่อยู่เบื้องหน้า
ฉินเฟิงไม่คิดเก็บเกี่ยวพลังงานจากสัตว์ร้ายเหล่านั้น เพราะพลังงานที่เขาต้องใช้ในการยกระดับสู่เลเวล S มันมหาศาลเกินไป เกรงว่าต่อให้สังหารแมลงที่เหลือทั้งหมดคงไม่เพียงพอ!
แต่ตอนนี้ มีอยู่เป้าหมายนึงที่ควรค่าแก่การล่า
มิใช่อื่นใด เป็นแม่แมลงตะขาบกระหายเลือด!
การสังหารหมู่ของฉินเฟิงกินเวลาแค่สามชั่วโมง ส่วนทางฝั่งเย่ฮุน เขาไม่สามารถยื้อไหวอีกต่อไป!
อันที่จริงแล้วระหว่างสามชั่วโมงนี้ มีกำลังเสริมระลอกสองมาถึง เย่ฮุนไม่ใช่ผู้ใช้พลังเลเวล SS คนเดียวอีกต่อไป แต่ยังมีอีก 7 – 8 คนเข้าร่วม มิฉะนั้นเย่ฮุนคงตายไปตั้งนานแล้ว
ช่วงเวลานี้ เถาวัลย์นับไม่ถ้วนงอกเงยขึ้นกลางอวกาศ แม่แมลงอาละวาดชนไปทั่ว ยานอวกาศหลายลำโดนลูกหลง ปลิดชีวิตผู้ใช้พลังเลเวล S ที่หนีไม่ทันไปหลายคน
การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ กองทัพมนุษย์ได้สูญเสียสมาชิกไปแล้วมากกว่า 300 คน แม้ยอดจะฟังดูน้อย แต่ในหมู่พวกเขามีผู้ใช้พลังเลเวล S รวมอยู่ด้วยมากถึง 50 คน!!
การบาดเจ็บล้มตายนี้ นับว่าสร้างความเสียหายร้ายแรง
“ดูเหมือนพวกเราต้องเข้าไปช่วยแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงกับไป๋หลีเป็นแค่เลเวล S เท่านั้น ในอดีตตอนอยู่เลเวล B ฉินเฟิงเคยท้าทายสัตว์ยักษ์เลเวล A มาแล้วก็จริง แต่ในเวลานั้น ไป๋หลีข้างกายเขาได้ไปหยุดอยู่ในเลเวล A แล้ว ฉะนั้นการต่อสู้ในปัจจุบัน ถือว่าแตกต่างจากในครั้งก่อน
“เทคนิคหนึ่งดรรชนีแห่งความตาย!”
ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้เลเวล S อักษรรูนมืดของดรรชนีแห่งความตาย ยิงลงบนเปลือกนอกของแม่แมลงทันที พริบตานั้นเอง เปลือกนอกของแม่แมลงกลายเป็นสีดำสนิท สูญสิ้นชีวิตชีวาของมันไป แต่สภาวะดังกล่าว เกิดขึ้นกับปล้องเดียวเท่านั้น
ขณะที่ร่างของแม่แมลงตะขาบกระหายเลือด มีมากมายหลายหมื่นปล้อง เว้นเสียแต่ว่าฉินเฟิงจะปลดปล่อยการโจมตีได้นับหมื่นครั้ง มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารแม่แมลงตะขาบกระหายเลือด!
อย่างไรก็ตาม ในใจของฉินเฟิงทราบดี ตัวเขาไม่มีทางปลดปล่อยทักษะเดียวโจมตีนับหมื่นครั้งในได้ –แต่เขาสามารถสลับกับท่าอื่นแล้วค่อยๆทยอยโจมตีได้!
วิธีการนี้ของฉินเฟิง แม้ดูฮาร์ทคอร์เกินไปแน่ก็น่าติดตามชม!
“ไปเลย!”
เทคนิคเสียงเพรียกแห่งความตายและหัวใจเพลิงมรณะ ถูกปลดปล่อยออกมาทีละอบิลิตี้ ระหว่างอบิลิตี้เหล่านั้นทำงาน อักษรรูนสำหรับใช้ปลดปล่อยเทคนิคหนึ่งดรรชนีสู่ความตายก็กลับมา ฉินเฟิงยิงมันไปอีกครั้ง ใช้เทคนิคเลเวล S ท่าต่างๆ สลับกันโจมตี ทำให้สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างต่อเนื่อง
หากกระบวนการนี้เกิดขึ้นเพียงสองหรือสามระลอก มันก็คงไม่ส่งผลอะไรมากมาย แต่นี่ฉินเฟิงเล่นใช้กลยุทธ์ดังกล่าว วนมาจนถึงระลอกที่สิบ ร่างของแม่แมลงตะขาบกระหายเลือด ถูกทำลายไปหลายสิบปล้อง สร้างความเจ็บปวดแต่ขณะเดียวกันเกิดความรู้สึกพิสดารไม่เหมือนใคร
มองไปยังร่างอันใหญ่ยักษ์ของมัน เวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง , น้ำแข็ง และความมืด มองไกลๆเหมือนลูกโป่งหลากสีที่วางเรียงกันในงานวัด ความโกรธในใจมันลุกโชนทันที
แม่แมลงตะขาบกระหายเลือด พุ่งเข้าหาฉินเฟิง
เกรงว่านี่จะเป็นการโจมตีที่เต็มไปด้วยแรงกดดันมากที่สุดที่ฉินเฟิงเคยประสบมา ท่ามกลางจักรวาล ร่างใหญ่โตของแม่แมลงตะขาบกระหายเลือดน่าหวาดกลัวมาก หากโถมทั้งตัวเข้าโจมตี ย่อมไม่มีใครสามารถหลบพ้น
นี่เองเป็นสาเหตุให้หลายคนเสียชีวิต
สำหรับผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ครอบครองวิชาตัวเบาล้ำเลิศก็รอดไป ทว่าหากเป็นผู้ใช้อบิลิตี้หรือมือปืนที่ถูกโจมตี คงได้แต่รอความตาย
และแน่นอนว่าฉินเฟิงไม่ได้อยู่ในคนกลุ่มนั้น
ไป๋หลีที่นับแต่ต้นไม่ได้เข้าร่วมสนุกใดๆเลย เวลานี้นำตัวฉินเฟิงเทเลพอร์ตห่างออกมาพันเมตรทันที ทว่าระยะทางเท่านี้ สำหรับแม่แมลงตะขาบแล้ว แค่ขยับเท้าข้างเดียวก็ถึง
ระยะเพียงเท่านี้ นับว่าเพียงพอแล้ว!
ฉินเฟิงสามารถหลบเลี่ยงภัยคุกคามร้ายแรง และทำการโจมตีต่อไป
ขณะนี้เองฉินเฟิงได้ดึงดูดความสนใจของแม่แมลง แม่แมลงไม่สนใจเย่ฮุนอีกต่อไป นั่นช่วยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาพักหายใจบ้าง
การที่เย่ฮุนสามารถรับหน้าที่เป็นจอมพลแห่งดาวทะเลดอกไม้ แน่นอนว่าคงไม่ใช่ผู้ใช้พลังธรรมดา เจ้าตัวเกือบจะเป็นการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกับจักรพรรดิ มิฉะนั้น เขาคงไม่สามารถถ่วงเวลาแม่แมลงเลเวล SS ได้นานถึงขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม เย่ฮุนทำได้เพียงสกัดกั้นเท่านั้น เขากำลังเฝ้ารอความช่วยเหลือ แต่ด้วยการแทรกแซงของฉินเฟิง ทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป
ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้เลเวล S ของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อให้เป็นเย่ฮุนก็คาดเดาไม่ได้ ว่าอีกฝ่ายครอบครองพลังสมาธิมากมายขนาดไหน เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป แม่แมลงก็ค่อยๆได้รับบาดเจ็บมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
นับตั้งแต่เริ่มสงครามกับเผ่าแมลง เวลาได้ล่วงเลยไปกว่า 6 ชั่วโมงแล้ว
ณ จุดนี้ บนดาวทะเลดอกไม้ ทันใดนั้นวัตถุทรงดอกไม้ได้โบยบินออกมา มองไปคล้ายกับเป็นฐานดอกบัว แต่ไม่ใช่ดอกบัวธรรมดา เป็นดอกบัวห้ากลีบ แม้มันจะมีขนาดปกติ ทว่ากลิ่นอายที่แฝงมากับมัน ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง แผ่กระจายปกคลุมไปทั้งผืนฟ้า
เจ้าสิ่งนี้เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า ในที่สุดผู้แข็งแกร่งเช่นเดียวกับแก่นอบิลิตี้ของจ้าวเหนือหัวได้ปรากฏกายแล้ว กลิ่นอายแม้ไม่ค่อยรุนแรงอะไร แต่เมื่อมองจากระยะไกล เสมือนดั่งดาราขนาดยักษ์!
“เทพบุปผามาถึงแล้ว!” ทุกคนสั่นสะท้าน มองไปยังตำแหน่งฐานดอกบัว ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
ผู้มาเยือนเป็นผู้หญิงแต่งกายในชุดสีชมพู รูปลักษณ์งดงามเป็นพิเศษ ด้อยกว่าไป๋หลีเพียงเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น เทพบุปผามิได้ปิดบังรูปลักษณ์ของเธอ จึงดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเหลือบมองเธอเพียงแวบเดียว ก่อนหันกลับมาจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ตรงหน้าดังเดิม จังหวะนี้เป็นช่วงชี้เป็นชี้ตาย เขาจะประมาทไม่ได้!