Ep.968 – ประมือ

 

สองเท้าของฉินเฟิงสลับย่ำลงบนพื้นอย่างดุเดือด ขณะวิ่ง พลังงานรอบกายยิ่งนานยิ่งเพิ่มสูงขึ้น สภาพแวดล้อมโหดร้ายรุนแรงจนคนอื่นไม่สามารถทานทนได้ แต่ฉินเฟิงพุ่งผ่านพวกมันราวกับไม่มีสิ่งใดขวางกั้น

 

ไม่นาน ฉินเฟิงก็สามารถมองเห็นอุกกาบาตที่ตกลงมา หลุมขนาดใหญ่ยุบตัวบนพื้นดิน เนื่องจากแรงระเบิดก่อนหน้านี้ อุกกาบาตก้อนใหญ่จึงแตกกระจายออกเป็นสิบส่วน หล่นกระแทกกับพื้น ผืนดินกลายสภาพเช่นเดียวกับผิวของดวงจันทร์

 

เนื่องจากแรงเสียดทานระหว่างร่วงหล่น ขณะนี้อุกกาบาตจึงยังมีอุณหภูมิสูงอยู่ แต่หินดาราที่อยู่ข้างใน ผู้คนยังคงสามารถรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน

 

ฉินเฟิงกระโดดลงหลุม รีบกวาดพวกมันเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว

 

แต่ในเวลานั้นเอง กลิ่นอายอันแข็งแกร่งอีกสายปรากฏขึ้น –มีใครบางคนกำลังมา!

 

ฉินเฟิงกวาดสายตามอง และพบว่าผู้มาเยือนมิใช่มนุษย์ แต่เป็นลูกครึ่งสัตว์ร้าย

 

ลูกครึ่งสัตว์ร้ายนับเป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาเช่นกัน ครึ่งสัตว์ร้ายตนนี้มีวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบมาก หากไม่ใช่เพราะสองหูของมันเหมือนหมาป่า และมีหางอยู่ด้านหลัง เกรงว่าผู้คนคงมองมันเป็นมนุษย์ทั่วๆไปที่มีเขี้ยวยื่นออกมา

 

อีกฝ่ายพอเห็นว่าฉินเฟิงสูงเพียง 1.9 เมตร ก็พาลคิดว่าง่ายต่อการรังแก ทันใดนั้นกระโจนเข้าใส่ทันที

 

“ไสหัวไปให้พ้น!!”

 

พลังสมาธิถ่ายทอดเสียงคำรามประโยคหนึ่ง มนุษย์หมาป่ากางกรงเล็บอันแหลมคมของมัน ฉกคว้าฉินเฟิง

 

แม้ปากบอกให้ไสหัว แต่การกระทำกลับแสดงออกชัดว่าต้องการสังหารฉินเฟิง

 

เพียงแต่ว่าฉินเฟิงไวกว่ามัน

 

ในตอนที่มนุษย์หมาป่ากระโจนเข้ามาถึงขอบหลุม ฉินเฟิงก็เคลื่อนไหวแล้ว

 

“ทักษะหมื่นภูติ!”

 

ทันทีที่ปลดปล่อยวิชาตัวเบา ฉินเฟิงเกิดความรู้สึกว่าทักษะหมื่นภูติใช้งานได้สะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง นั่นเพราะสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เหมาะสมสำหรับทักษะลวงตาธาตุมืด

 

ทักษะหมื่นภูติถูกปลดปล่อย มนุษย์หมาป่าไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของฉินเฟิงได้อย่างชัดเจน และถึงขั้นตกใจกลัว ทราบหรือไม่ว่า บนทวีปบาฮามุท สิ่งที่สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้คน คือเงาแห่งความตาย

 

มนุษย์หมาป่ายกมือสัมผัสสร้อยบนคอ ต่อมา กระดูกขาสีทองปรากฏขึ้นบนมือมัน

 

กระดูกนี้ย่อมมิใช่กระดูกธรรมดา แค่มองกลิ่นอายก็สามารถบอกได้ ว่านี่คือกระดูกของสัตว์เทวะเลเวล S เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง

 

มนุษย์หมาป่าเหวี่ยงกระดูกขาทองคำ ตัดกวาดเงาที่อยู่เบื้องหน้ามัน ร่างเงาภูติถูกบดขยี้ทันที

 

เมื่อเห็นว่าสามารถกำจัดเงาได้อย่างง่ายดาย หัวใจของมนุษย์หมาป่าก็โล่งอย่างบอกไม่ถูก มันเข้าใจแล้วว่านี่เป็นเพียงกลลวงที่ฉินเฟิงเรียกมาเท่านั้น

 

แต่ในตอนนั้นเอง มนุษย์หมาป่าพลันขนลุกซู่ มันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง หันขวับทันใด วินาทีต่อมา เส้นแสงสองสายของคู่กริซฟาดฟันเข้าใส่มัน

 

เป็นฉินเฟิง!

 

“ตาย!!”

 

มนุษย์หมาป่ากวัดแกว่งกระดูกขาทองคำเข้าสวน ตวัดสับลง ในความคิดของมัน กริซสองเล่มของศัตรูมีขนาดเล็กมาก ฉากนี้ไม่ต่างจากการใช้ไข่กระทบหิน เป็นแค่การดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนมันจะไม่ทันคิด ว่าคู่กริซของฉินเฟิงก็มีวัสดุของสัตว์เทวะเลเวล S ประกอบอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่แตกหักโดยง่าย ประจวบกับความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ทำให้กริซนี้ทรงอานุภาพมาก ต่อให้มนุษย์หมาป่าตัวนี้จะเป็นเลเวล S ที่ครอบครองสายเลือดลูกครึ่งอยู่ก็ตาม แต่มันยังไม่ถึงขั้นเป็นคู่ต่อสู้ของฉินเฟิง

 

กึ้งงงง!

 

อาวุธของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน มนุษย์หมาป่าสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่แผ่ออกมา กดดันมันให้ถอยร่นแม้ไม่ยินยอม

 

“ได้โอกาสล่ะ!” กริซในมือขยับเปลี่ยนเป็นท่วงท่าประหลาดตา เพิกเฉยต่อกระดูกขาทองคำ พุ่งผ่านมิติจากด้านหน้า ตรงเข้าตัดหัวมนุษย์หมาป่าทันที

 

ดวงตาของมนุษย์หมาป่าเบิกกว้าง การแสดงออกทางสีหน้าเผยถึงความตื่นตระหนก มันเอี้ยวศีรษะอย่างรวดเร็ว

 

ฉัวะ!

 

แม้สามารถหลบเลี่ยงจุดสำคัญได้ แต่หูของมนุษย์หมาป่า ถูกฉินเฟิงสะบั้นขาดไป

 

น่ากลัวว่านี่จะเป็นครั้งแรกเลย ที่หลังจากมนุษย์หมาป่ายกระดับสู่เลเวล S แล้วได้รับบาดเจ็บเช่นนี้

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงตระหนักได้เช่นกัน ว่ามนุษย์หมาป่าตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายดาย ความแข็งแกร่งของมัน ไม่สามารถดูถูกได้ อย่างน้อยน่าจะอยู่ในระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล S เมื่อเทียบกับเทพไร้ลักษณ์ที่เพิ่งถูกฆ่าไปแล้ว มันแกร่งกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า

 

ดังนั้น หากไป๋หลีไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ การสังหารศัตรูผู้นี้ คงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

 

ยังไงก็ตาม ระหว่างนั้นเอง กลิ่นอายของผู้ใช้พลังเลเวล S กว่าห้าคนกวาดเข้ามาในสนามรบ

 

หากยังสู้อุตลุดเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงได้กำไรไม่คุ้มเสีย

 

ฉินเฟิงกับมนุษย์หมาป่าจ้องหน้ากัน ฝ่ายหลังกล่าวอย่างโหดเหี้ยม “มนุษย์เอ๋ย ฝากไว้ก่อนเถิด มีโอกาสเมื่อไหร่ ฉันจะหั่นแกเป็นชิ้นๆ!”

 

“ฝากแล้วก็อย่าปล่อยให้รอนาน ฉันพร้อมมอบคืนเสมอ!”

 

ฉินเฟิงกับมนุษย์หมาป่าบรรลุข้อตกลง พุ่งแยกไปคนละทิศทาง และเริ่มขุดหาหินดาราบนพื้นดิน

 

ถึงจุดนี้ ฉินเฟิงค้นพบว่าจำนวนของหินดารา ดูเหมือนจะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ จู่ๆเขาฉุกคิดบางอย่างได้ ติดต่อไป๋หลีผ่านพันธสัญญา

 

“เธอแอบเก็บพวกมันไปหรือ?”

 

“ก็ใช่น่ะสิ เสียดายที่คุณถ่วงเวลาเจ้าตัวใหญ่น่าโง่นั่นได้ครู่เดียว ไม่งั้นฉันคงเก็บได้มากกว่านี้!”

 

“เกรงว่าคงไม่มีเวลาแล้วน่ะสิ”

 

เพราะผู้ใช้พลังอีกห้าคน ได้มาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน

 

เมื่อเห็นฉินเฟิงกำลังถือหินดารา คนเหล่านี้ก็เตรียมลงมือโดยไม่เสียเวลาคิด ทว่าก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น ฉินเฟิงปลดปล่อยทักษะหมื่นภูติออกมาอย่างรวดเร็ว

 

แต่ในครั้งนี้ ทักษะหมื่นภูติมิได้ถูกใช้ออกเพื่อต่อกรกับผู้คน แต่มันถูกสั่งการ ว่าให้กระจายกันไปเก็บรวบรวมหินดาราบนพื้นดิน

 

ภายใต้การปล้นสะดมอย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงรวบรวมหินดาราส่วนใหญ่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ส่วนที่ยังเหลืออยู่ มีแต่ขนาดเท่าเล็บมือ

 

แม้พวกมันจะมีค่ามากก็ตาม แต่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้พลังเลเวล S เหล่านี้ได้

 

“ฆ่าเจ้ามนุษย์นั่นซะ! เขามาที่นี่เป็นคนแรก หินดาราส่วนใหญ่จะต้องอยู่กับเขาแน่ๆ!” มนุษย์หมาป่าอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นรอยยิ้มดุร้ายน่าหวาดกลัว คล้ายกับต้องการเห็นว่าคราวนี้ฉินเฟิงจะหลบหนีไปได้อย่างไร

 

“อย่าไปหลงกล! ความแข็งแกร่งของฉันไม่สามารถเอาชนะมนุษย์หมาป่าได้ เป็นเขาที่ได้หินดาราไป!” ฉินเฟิงเปล่งวาจาตอบโต้เล็กน้อย

 

ผู้คนของพันธมิตรองค์กรมืดเดิมก็เกิดความสงสัยอยู่ก่อนแล้ว ในบรรดาห้าคนที่มา มีมนุษย์รวมอยู่ถึงสามคน แม้คนเหล่านี้จะไม่รู้จักฉินเฟิง แต่พวกเขาตระหนักดี ว่ามนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอมาก เมื่อเทียบกับฉินเฟิงแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นฝ่ายมนุษย์หมาป่าที่เก็บเกี่ยวสมบัติได้มากกว่า

 

ในพริบตา มนุษย์สามคนพุ่งเข้าหามนุษย์หมาป่าทันที หมายสกัดกั้นทางหนีและสังหารอีกฝ่าย

 

“นี่พวกแกตาบอดหรือ? เห็นนี่ไหมหูของฉันเพิ่งถูกมันตัดไป!”

 

ดวงตาของมนุษย์หมาป่ากลายเป็นสีแดงก่ำ มันโกรธแล้วจริงๆ

 

ถึงจุดนี้ แม้มนุษย์ทั้งสามจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่จะให้วกกลับไปโจมตีฉินเฟิงก็ใช่ที่ พวกเขาสามารถยั่วยุศัตรูได้เพียงคนเดียวเท่านั้น มันจะเป็นการดีกว่าหากร่วมมือกันสังหารมนุษย์หมาป่าตัวนี้ก่อน แล้วค่อยมาฆ่าฉินเฟิง

 

แน่นอน พวกเขาทั้งสามเองก็ไม่รู้จักกัน ยามโจรแบ่งสมบัติหากข้อตกลงไม่ลงตัว เกรงว่าต้องสู้กันอีกรอบ

 

อย่างไรก็ตามฉินเฟิงใช้โอกาสนี้ หันหลังและวิ่งหนีไป

 

อีกสองเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาที่เหลือไล่ตามทันที

 

หนึ่งในเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาคือเผ่านกปีกดำ พวกมันแตกต่างจากเผ่านกปีกที่เคยคิดสะกดจิตฉินเฟิงในดินแดนล่มสลายของเผ่าวิญญาณ ฝ่ายแรกเกิดมาพร้อมความสามารถในการใช้งานอบิลิตี้มืด มิใช่อบิลิตี้แสงเหมือนเผ่านกปีก ซึ่งสามารถพบได้ตามปกติในทวีปบาฮามุท

 

อีกเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา คือเผ่ามนุษย์กินคน แม้สูงแค่สองเมตร แต่เฉพาะศีรษะกลับใหญ่ถึงหนึ่งเมตร คล้ายทารกในสภาพถูกขยายส่วน

 

“เผ่ามนุษย์ .. น่าอร่อย!”

 

อีกฝ่ายแลบลิ้นออกมา ลามเลียทั่วใบหน้า น้ำลายสีเหลืองคาวเกรอะกรังไปทั่ว ดูน่าขยะแขยงยิ่ง

 

ปรากฏหัวกระโหลกของสัตว์ร้ายไม่ทราบชนิดในมือของอีกฝ่าย เมื่ออัดฉีดพลังงานลงไป ฟันบนและล่างของหัวกะโหลกเริ่มกระทบกันกึกๆ จากนั้นทารกสามตนบินออกมาจากข้างใน และความแข็งแกร่งของแต่ละตน อยู่ในระดับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล S ! และดูเหมือนว่าความว่องไวของมัน ยังเร็วกว่าเผ่านกปีกดำที่บินอยู่ซะอีก

 

“นั่นทารกปีศาจ!”

 

ความรังเกียจและเจตนาฆ่าสะท้อนออกมาจากดวงตาของฉินเฟิง