2/5

 

Ep.857 – หลงถิงมาเยือน

 

ความโกรธของหลงถิง เล่นเอาหลงหยุนอี้กับหลงเยว่เกิดความสำนึก เริ่มรู้สึกผิดในการกระทำของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งฉินเฟิง เขาไม่ได้คิดมากอะไร

 

เพราะฉินเฟิงไม่มีความคิดที่จะพึ่งพาเลเวล S ตั้งแต่แรกแล้ว

 

ในชีวิตก่อน ฉินเฟิงเดินตามเส้นทางของตัวเอง เป็นราชาทหารรับจ้างไร้สังกัด

 

ดังนั้น ฉินเฟิงเลยคิดอยู่เสมอ ว่าพันธมิตรหัวเซี่ยกับเขา ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบนายบ่าว

 

ไม่ต้องกล่าวถึง เรื่องที่ว่าฉินเฟิงได้รู้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมแล้ว!

 

ระหว่างเลเวล S ด้วยกัน พวกเขาจะไม่ลงมือ ไม่เคลื่อนไหว ไม่สู้กันถึงขั้นพลิกแผ่นดิน

 

ในมิติธารโลหิตเอง เลเวล S สู้กันแค่ไม่กี่ครั้ง รอยแยกมิติก็ปรากฏขึ้น หากสู้กันอีกหลายกระบวนท่า มิติแห่งนี้ไม่ระเบิดเลยหรือ?

 

ดังนั้น ฉินเฟิงจึงพอเข้าใจความคิดของหลงเยว่และคนอื่นๆ

 

อย่างไรก็ตาม หลงถิงกลัวว่าฉินเฟิงจะคิดมาก นี่คือเหตุผลที่เธอตัดสินใจออกมา

 

 

ในสุสานเทพสงคราม ฉินเฟิงนั่งขวาทับซ้าย รูบิควิเศษลอยอยู่ตรงหน้าเขา ขณะเดียวกัน ในมือของฉินเฟิง ค่อยๆยื่นบางสิ่ง ส่งมันเข้าไปหลอมรวมข้างใน

 

นี่คือสมบัติเลเวล S ที่หลงเยว่กับหูซานมอบให้ก่อนหน้านี้ พวกมันถูกใช้เป็นวัตถุหลัก

 

ภายในรูบิควิเศษ รองเท้าบู๊ตคู่หนึ่งปรากฏขึ้น

 

เนื่องจากมันถูกสร้างจากโลหะพิเศษ ส่งผลลให้รองเท้าบู๊ตมีสีสันสดใส แสงไฟพรั่งพราวสว่างไสวเหมือนกับว่าสามารถนำพาผู้คนบินได้ตลอดเวลา

 

นี่คือรองเท้าเกราะสมบัติเลเวล S หากสวมใส่ มันสามารถช่วยเพิ่มความเร็วให้แก่ฉินเฟิงได้เป็นอย่างมาก

 

กระนั้น สีสันนี้สะดุดตาเกินไป แม้ฉินเฟิงจะเติมวัตถุอีกหลายชิ้นลงไปเพื่อกลบสี แต่เมื่ออัดฉีดพลังงาน มันก็ยังเปล่งแสงอยู่ดี ไม่มีทางปกปิดได้

 

ขณะที่หากฉินเฟิงต้องการลอบสังหารเหอเทียนสิง วิธีที่ดีที่สุด คือการสร้างเกราะที่สามารถช่วยเร้นกายตนเอง

 

ฉินเฟิงหยิบหนังของเขมือบฟ้าออกมา

 

เขมือบฟ้าเป็นสิ่งมีชีวิตเลเวล A ที่เกือบก้าวไปถึงระดับเทวะ ความแข็งแกร่งไม่ต่ำต้อย พลังป้องกันของเนื้อหนังของมันเปี่ยมล้นยิ่ง หากฉินเฟิงทำการหลอมรวมหนังเขมือบฟ้า เขาสามารถสร้างชุดต่อสู้ในระดับจักรพรรดิได้เลยทันที แต่สำหรับเกราะสมบัติระดับเทวะ ยังมีช่องว่างอีกมากเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม ได้แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!

 

ระหว่างฉินเฟิงกำลังรักษาตัวอยู่ในเมืองเฟิงหลี ภายนอกปรากฏข่าวลือหนาหู ดูเหมือนว่าทุกคน เริ่มมองกลุ่มเฟิงหลีในแง่ร้าย

 

สร้างความขุ่นเคืองแก่เลเวล S แม้สมาชิกกลุ่มไม่พูด แต่เกิดความวิตกกังวลไม่น้อย ขณะเดียวกัน ภายนอกมีหลายคนกำลังคิดลงมือกับเฟิงหลี

 

ไม่ต่างจากฝูงฉลาม ที่กำลังมองเรือใหญ่อย่างเฟิงหลีจากก้นทะเล เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่พวกมันจะอับปาง จากนั้นจะได้แหวกว่ายเข้ากัดกินจนอิ่มท้อง

 

วันที่สามหลังจากฉินเฟิงกลับมา

 

ห่างออกไปจากเมืองเฟิงหลีราวๆ 20 กิโลเมตร ณ ตำแหน่งตัวเชื่อมมิติที่ถูกสร้างขึ้น ปรากฏช่องว่างมิติทรงกลมโผล่ออกมา

 

กองทหารที่ประจำการที่นี่ ไม่รู้สึกแปลกใจใดๆ เพราะนี่คือเมืองเฟิงหลี เป็นที่ตั้งของกลุ่มที่ทำการวิจัยการจั๊มป์ผ่านมิติด้วยเรือเหาะ ประตูมิติเช่นนี้ เขาพวกเคยเห็นจนชินตา

 

แต่ไม่นาน พวกเขาก็รู้สึกแปลกไป เพราะประตูมิติในครั้งนี้ สิ่งที่โผล่ออกมามีรูปลักษณ์ไม่เหมือนเรือเหาะ ไม่เพียงแค่นั้น ท่ามกลางช่องว่างสีดำ เรือมังกรโผล่หัวออกมา

 

กลุ่มเฟิงหลีของฉินเฟิง เป็นกลุ่มผู้นำในการศึกษาเรื่องการจั๊มป์ผ่านมิติอย่างแน่นอน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มเดียวที่ครอบครองมัน

 

แต่มีบางคนสามารถวิจัยเรื่องนี้จนลุล่วงได้แล้วตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีก่อน

 

นี่คือสัญลักษณ์ของหัวเซี่ย ผู้คนมากมายต่างรู้จักกันดี

 

บนเรือมังกร สลักอักษรดั่งหงส์ร่อนมังกรรำเอาไว้ว่า ‘หลง’

 

บ่งบอกว่าเป็นคนจากตระกูลหลงแห่งเมืองหลวงมังกร!

 

ในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งของหัวเซี่ย ตระกูลนี้ เนื่องจากมีเลเวล S อยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงมีมิติเป็นของตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครบางคนคิดแก้แค้นหรือปองร้าย

 

ดังนั้น หากตระกูลหลงคนใดปรากฏตัวขึ้นในโลกภายนอก ผู้มาเยือนทุกคน คงไม่พ้นมีความแข็งแกร่งในเลเวล S

 

เรือมังกรคือตัวแทนของตระกูลหลง เมื่อปรากฏขึ้น มาแนวโน้มที่จะมีตัวตนทรงอำนาจอยู่ข้างใน

 

การมาเยือนของเรือมังกร ทหารรักษาการณ์ได้ส่งข่าวออกไปทันที ฉินเฟิงเดิมทีกำลังพักฟื้น พกพาความสงสัยออกมาต้อนรับ

 

เมื่อฉินเฟิงมาถึง เขาพบว่าซูซิงฝูกำลังคอยรับหน้าสุภาพสตรีในชุดทหารเป็นการส่วนตัว เขาแสดงความเคารพอย่างถึงที่สุด ทั้งยังดูลุกลี้ลุกลนอย่างบอกไม่ถูก

 

ซึ่งในฐานะนักธุรกิจอันดับต้นๆของประเทศ เป็นเรื่องยากนักที่จะเห็นซูซิงฝูไม่เป็นมืออาชีพเช่นนี้

 

ในเวลานั้นเอง ผู้มาเยือนคล้ายตระหนักถึงการปรากฏตัวของฉินเฟิง ยิ้มเล็กน้อยให้เขา

 

“นายพลฉิน พบกันครั้งแรก ถือวิสาสะรบกวนคุณแล้ว”

 

ผู้หญิงคนนี้แม้เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรี แต่ก็ยังเอ่ยทักทายฉินเฟิงอย่างเป็นกันเองพยายามเผยทัศนคติที่ดูอ่อนโยน หันมาเผชิญหน้ากับฉินเฟิง

 

พริบตานั้น ฉินเฟิงสามารถจดจำอีกฝ่ายได้ทันที

 

ไม่นึกฝันเลยว่าแขกในครั้งนี้คือหลงถิง

 

“น้อมรับท่านผู้นำสูงสุดหลง!” ฉินเฟิงกล่าว “ท่านผู้นำสูงสุดมาเยือนทั้งที ถือเป็นการรบกวนได้อย่างไร กลุ่มเฟิงหลีของผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก”

 

หลงถิงยิ้ม ไม่ใส่ใจคำพูดสุภาพที่ดูเป็นพิธีการของฉินเฟิง

 

“ฉันมาที่นี่ในครั้งนี้ หลักๆแล้วก็เพื่อขอให้กลุ่มเฟิงหลีของคุณ อัพเกรดเรือมังกร”

 

ฉินเฟิงเลิกคิ้ว แค่อัพเกรดเรือมังกร ถึงขั้นให้หลงถิงต้องมาด้วยตัวเองเชียวหรือ? ใครๆก็รู้ ว่าหลงถิงไม่ได้ออกจากเมืองหลวงมังกรมาหลายปีแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่คิดเปิดโปงอีกฝ่าย ซูซิงฝูถอยออกมาเป็นผู้ตาม ฉินเฟิงก้าวเข้ามานำหลงถิงไปตรวจสอบเทคโนโลยีที่อยากเติมแต่งให้เรือมังกรด้วยตัวเอง

 

ส่วนเรื่องที่ว่าอาจมีเทคโนโลยีอะไรรั่วไหลหรือไม่ แต่อีกฝ่ายเป็นผู้ใช้พลังที่สามารถไปถึงเลเวล S แล้วแบบนี้ฉินเฟิงยังจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องเหล่านี้อีกหรือ?

 

เอาจริงๆถ้าอีกฝ่ายเอ่ยปากร้องขอ เกรงว่าพวกเขาย่อมยินดีประเคนให้!

 

“ไม่คาดฝันเลยว่าท่านผู้นำสูงสุดหลงจะมาด้วยตัวเอง ในเรื่องการรายละเอียดต่างๆ ผมจะให้ผู้จัดการซูอธิบายให้ฟัง” ฉินเฟิงกล่าว

 

“ได้จังหวะพอดี พวกเราตั้งใจทำธุรกิจนี้มาสักพักแล้ว แผนกปรับแต่งเพิ่งสร้างเสร็จพอดี พวกเราสามารถนำเรือมังกรเข้าโรงงานได้เลย!” ซูซิงฝูกล่าว

 

เขาเริ่มก่อตั้งแผนกนี้เมื่อสองเดือนก่อน การได้ร่วมมือกับเมืองหลวงมังกร เท่ากับเป็นการสร้างชื่อเสียงแก่กลุ่มเฟิงหลีให้สูงไปอีกขั้น

 

แต่ไม่นึกฝันเลย ว่าหลงถิงจะมาด้วยตัวเอง

 

ซูซิงฝูแน่นอนไม่เชื่อ ว่าอีกฝ่ายมาเพราะให้ความสำคัญกับเรือมังกร เกรงว่าประเด็นที่มาในครั้งนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะฉินเฟิงมากกว่า

 

หลงถิงยังคงกล่าวกับทั้งสองโดยไม่ทิ้งทัศนคติอ่อนโยน

 

“เทคโนโลยีของเรือมังกรประสบความสำเร็จอย่างมากในปีนั้น ทว่านั่นมันนานมาแล้ว ในแต่ละการจั๊มป์ ยังคงบริโถคพลังงานเยอะมากๆ แถมต้องมีความแข็งแกร่งทางกายภาพและกำลังภายในที่สูงมาก ถึงจะผ่านเงื่อนไขในการขับขี่ หากไม่ใช่ผู้ใช้พลังเลเวล C ขึ้นไป ไม่สามารถขับได้ ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมา หากไม่เกิดสงคราม พวกเราแทบไม่ได้ใช้งานมัน”

 

“ในขณะที่เทคโนโลยีของเฟิงหลีดีมาก มันค่อนข้างมีเสถียรภาพทีเดียว!”

 

“โอ้ นั่นปืนใหญ่พลังงานที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ใช่ไหม? มันดูทรงพลังจริงๆ ของดี ของดี!”

 

ซูซิงฝูฉีกยิ้มรับคำชม พยายามแนะนำอย่างขยันขันแข็ง หลงถิงไม่ใส่ใจเรื่องความแข็งแกร่งต่ำต้อยของซูซิงฝู ทั้งสองสนทนากันอย่างเป็นกันเอง การปรับแต่งเรือมังกรจะใช้เวลาราวๆ 2 วันถึงจะเสร็จสิ้น

 

หลังจากเยี่ยมชม เนื่องจากไม่รู้ว่าหลงถิงมีความคิดอะไร ซูซิงฝูเลยไม่ได้ชักชวนหรือเอ่ยอะไรให้ต่อ แต่เห็นได้ชัดว่า หลงถิงมีแผนอยู่ในใจแล้ว

 

“อาการบาดเจ็บของนายพลฉิน ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” หลงถิงสอบถาม

 

อาการบาดเจ็บของฉินเฟิงหายดีแล้วตั้งแต่เขากลับมา เมื่อหลงถิงถาม ฉินเฟิงไม่คิดปกปิด

 

“หายดีแล้วครับ”

 

“งั้นก็ดี เรื่องคราวนี้ในมิติธารโลหิต เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากรใหม่ แต่ในมือของหลงเยว่กับหลงหยุนอี้มีคนอยู่ไม่มากนัก ถ้ากลุ่มเฟิงหลียินดีร่วมมือ ฉันจะช่วยสนับสนุนเอง!”

 

ถึงจุดนี้ ฉินเฟิงมองไปยังหลงถิง และพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองตอบกลับมาอย่างสงบ ในแววตาของแต่ละฝ่าย คล้ายมีบางอย่างกระเพื่อมไหว ราวกับสามารถสื่อสาร เข้าใจกันและกัน!