1/5

 

Ep.812 – ดวลกระบวนท่าวรยุทธขั้นสูง

 

ทักษะหมื่นคมดาบ เป็นหนึ่งในวรยุทธโบราณของพันธมิตรหัวเซี่ย ที่สามารถฝึกฝนไปเรื่อยๆจนเข้าถึงเลเวล S ได้

 

ต่อให้เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณระดับต่ำ ก็ยังสามารถเรียนรู้ทักษะหมื่นคมดาบได้เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่คือวิชาดาบที่สามารถก้าวหน้า พัฒนาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันสามารถปลดปล่อยเงาดาบได้ นอกจากนี้ ท่าอื่นๆในชุดทักษะหมื่นคมดาบ สามารถเรียกเงาดาบ 100 เล่มหรือ 1,000 เล่มก็ได้เช่นกัน

 

แต่ถ้าผู้ฝึกต้องการเข้าถึงเลเวล S ของกระบวนท่าวรยุทธทักษะหมื่นคมดาบ พวกเขาจำเป็นต้องเรียกใช้เงาดาบทั้งสิ้น 10,000 เล่ม

 

กระบวนท่าวรยุทธนี้ เป็นกระบวนท่าที่ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะในกลุ่มพันธมิตรหัวเซี่ย ว่ากันว่าคนที่สามารถฝึกฝนมันจนไปถึงเลเวล S มีทั้งสิ้นหกคน หนึ่งในนั้นคือ เจ้าเมืองเมืองหลวงมังกร ผู้นำของทั้งพันธมิตรหัวเซี่ย –หลงถิง

 

ในทำนองเดียวกัน เหอเทียนสิง เจ้าเมืองเมืองหลวงแห่งความมืด เจ้าของดาบอสูรฟ้าก็สามารถใช้งานทักษะนี้ได้เช่นกัน

 

ส่วยรุ่ยฉง ในฐานะผู้ติดตามของผู้ใช้พลังเลเวล S เขาย่อมรู้จักทักษะหมื่นคมดาบ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการถ่ายทอดมาอย่างถูกต้อง แม้ยังไปไม่ถึงส่วนของเลเวล S แต่อย่างน้อยก็สามารถระเบิดอำนาจของทักษะหมื่นคมดาบในเลเวล A ได้

 

ช่วงเวลานี้ ผู้คนนับไม่ถ้วนจ้องมองตาไม่กระพริบ เตรียมรับชมกระบวนท่าวรยุทธอันทรงพลังนี้ ในหัวใจของพวกเขาเดือดพล่าน บังเกิดความรู้สึกว่าการดวลในครั้งนี้ จะต้องทำให้พวกเขาเข้าใจอะไรบางอย่างเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

 

เพราะยังไงซะ นี่คือทักษะหมื่นคมดาบในเลเวล A !

 

เวลานี้ ดาบยาวเบื้องหน้ารุ่ยฉงลอยล่องในอากาศ ตัวดาบสั่นไหวเล็กน้อย ส่งเสียงฉวัดเฉวียน จากนั้นกวาดออกเป็นทรงพัด สร้างเงาร่างขึ้น โดยภายในทรงพัดนี้ ปรากฏเงาดาบอย่างน้อย 7 – 8 เล่ม

 

จากนั้น มันก็เริ่มโคลนตัวเอง แตกตัวไปตามทิศทางปลายแหลมที่ชี้ไปของตน

 

หึ่ง หึ่ง!

 

ทักษะหมื่นคมดาบส่งเสียงพร้อมเพรียง แรงสั่นสะเทือนถูกถ่ายทอดออกมา ชวนให้ผู้คนรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว

 

ภายในช่วงเวลาไม่กี่ลมหายใจ เบื้องหน้าของรุ่ยฉงปรากฏเงาดาบนับพันในอากาศที่ว่างเปล่า สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างจากกำลังภายใน กลายมาเป็นวัตถุทางกายภาพของจริง ครอบครองพลังโจมตีรุนแรงสุดแสน

 

“ไปเลย!”

 

เงาดาบท่วมทับผืนฟ้า บดบังวิสัยทัศน์ จำนวนเท่านี้นับว่าเพียงพอแล้วที่จะบดขยี้เนินเขาของอีกฝ่าย ถึงเวลานั้นฉินเฟิงย่อมไม่มีทางเลือก นอกจากล่าถอยลงจากเขา ยอมรับความพ่ายแพ้ไป

 

เมื่อได้รับการขับหนุนจากกำลังภายในมหาศาล ดาบนับพันในชั้นอากาศถลาลง ระเบิดอำนาจกระบวนท่าวรยุทธที่เกิดจากมหาสมุทรกำลังภายในออกมา

 

คลื่นอัดอากาศกวาดกระจายเป็นวงกว้าง แม้อยู่ห่างนับ 1,000 เมตรผู้คนยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

 

ทุกคนต่างเกิดความกังวลแทนฉินเฟิง

 

ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงเริ่มยกมีดกษัตริย์ครามขึ้น

 

มีดกษัตริย์ครามในมือเขา ช่วงจังหวะที่เตรียมโจมตี บังเกิดเสียงวึ้ง วึ้ง คล้ายอะไรบางอย่างพยายามดิ้นรนต้องการหลุดพ้นจากตัวมีด

 

ภายในมิติทับซ้อน มีดกษัตริย์ครามไม่เกิดเคยการตอบสนองเช่นนี้ แต่อาจเป็นเพราะกฎเกณฑ์ของที่นั่นก็ได้ เลยทำให้ไม่สามารถรับรู้ถึงพลังงานใดๆ

 

อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ไหมว่าสัตว์ร้ายในมิตินั้น เมื่อจบชีวิตลง ก็ไม่เหลือพลังวิญญาณใดๆอีกเลย?

 

ไม่! คิดว่ายังคงมีอยู่บ้าง และทั้งหมดถูกดูดซับเข้ามาแล้วในมีดกษัตริย์คราม!!

 

ด้วยอำนาจของศิลาตรึงวิญญาณในมีดกษัตริย์คราม ผูกมัดจิตวิญญาณเหล่านั้นเอาไว้ และขณะนี้ จิตวิญญาณเหล่านั้นต้องการหลุดพ้น ทั้งหิวโหย อยากกัดแทะทุกสิ่งอย่าง

 

“ทักษะหมื่นวิญญาณสะบั้น : สะบั้นแรก!”

 

กำลังภายในของฉินเฟิง อัดฉีดเข้าไปในมีดกษัตริย์คราม นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาระเบิดกระบวนท่าวรยุทธเลเวล S ต่อหน้าสาธารณชน

 

อีกทั้งครั้งนี้เขาไม่ได้ควบคุมจำนวนวิญญาณภายในศิลาตรึงวิญญาณ พวกมันทั้งหมดถูกเรียกใช้งานในคราเดียว

 

กำลังภายในของฉินเฟิงท่วมทะลักดั่งเขื่อนแตก กระหน่ำซัดจากร่างกาย เขารู้สึกได้ว่าเมื่ออัดฉีดลงบนมีด กำลังภายในของเขากระจายเป็นเศษเสี้ยว แยกเข้าไปในจิตวิญญาณแต่ละดวงภายในนั้น

 

ว่าแต่ตอนนี้ ในศิลาตรึงวิญญาณ มันกักเก็บจิตวิญญาณไว้มากมายเท่าใดน่ะหรือ?

 

ในมิติทับซ้อน แม้เขาอาจสังหารสัตว์ร้ายได้ไม่ถึง 10,000 ตัว แต่อย่างน้อยก็มากกว่า 8,000 ตัว!!!

 

ในชั่วพริบตา สวรรค์และปฐพีคล้ายสูญสิ้นรัศมีของตนไป รังสีแสงสีเทาน่าหวาดกลัวปะทุจากใบมีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิง แต่หากเพ่งมองอย่างระมัดระวัง จะพบว่าพวกมันเป็นเงาร่างโปร่งใสของสัตว์ร้ายหลากสายพันธุ์

 

–นี่คือจิตวิญญาณของสัตว์ร้าย!

 

ทะเลสาบกำลังภายในในตันเถียนของฉินเฟิง แห้งเหือดไปกว่าครึ่งในพริบตา

 

10 ทะเลสาบกำลังภายใน …

 

100 ทะเลสาบ …

 

300 …

 

“โฮก โฮก โฮกกกก!”

 

เงาร่างโปร่งใสทรงพลังยิ่งขึ้น ท้องฟ้าและผืนดินเปลี่ยนสีไปพร้อมกัน ก่อกำเนิดพายุคลั่งบนพื้นดิน ช่วงเวลานี้ ผู้คนที่รับชมอยู่รอบๆ สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบคืบคลานเข้ามา ขนลุกไปทั้งแผ่นหลัง

 

กระบวนท่าวรยุทธนี้ช่างน่าพรั่นพรึงนัก!

 

ผู้คนที่เคยกังวลเกี่ยวกับฉินเฟิง ณ ขณะนี้จ้องมองจากระยะไกลด้วยความตกตะลึง

 

การดวลระหว่างทั้งสอง ได้เปิดฉากอย่างสมบูรณ์แล้ว

 

เสียงหึ่ง หึ่งของเงาดาบ และเสียงคำรามของสัตว์ร้ายโถมเข้าปะทะกัน

 

ท่ามกลางช่วงเวลาเดือดพล่าน เงาดาบฟาดฟันวิญญาณ , จิตวิญญาณกัดกลืนปราณดาบ ทั้งสองห้ำหั่น หักล้างอำนาจกันและกันอย่างรวดเร็ว ผลพวงกระทั่งก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ แรงปะทะกวาดวูบ กระจายกลืนพืชพรรณทั้งยอดเขา ต้นไม้ใหญ่ลอยขึ้นจากพื้นดิน ดอกไม้ใบหญ้าถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

ผลกระทบจากแรงปะทะช่างน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

 

ฉากทำลายล้างเสมือนดั่งโลกกำลังดับสูญเช่นนี้ เป็นอะไรที่น่าตกใจมากสำหรับคนที่ไม่เคยพบเคยเห็นมันมาก่อน

 

กระนั้น ฉากการต่อสู้ที่คล้ายต้องการทุบทำลายโลกให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ในเวลาเพียงสั้นๆ ผลแพ้ชนะก็ปรากฏออกมา

 

โดยไร้ซึ่งข้อกังขา เงาวิญญาณสัตว์ร้ายของฉินเฟิง มีจำนวนมากเกินไป น่าหวาดกลัวยิ่งนัก จิตวิญญาณเหล่านั้นกู่คำราม กดดันปราณดาบ โถมทะยานเข้าหารุ่ยฉง

 

รุ่ยฉงถูกเงาเสมือนของสัตว์ร้ายผลักกระเด็นในพริบตา

 

พรวดดด!

 

รุ่ยฉงกระอักเลือดคำโต ทั้งคนทั้งร่างปลิวตามแรงปะทะ กลิ้งไหลลงตามไหล่เขา ส่วนเงาจิตวิญญาณที่เหลืออยู่ภายใต้การควบคุมของฉินเฟิง บัดนี้ยึดยอดเขาทั้งลูกได้อย่างสิ้นเชิง เริ่มทุบทำลายมัน

 

ครืน ครืน ครืนนนน!

 

ขุนเขาสะเทือนแผ่นดินสั่นไหว ยอดเขาทั้งลูกถูกบดทำลายอย่างต่อเนื่อง ก้อนหินดินโคลนร่วงกราว ไม่ต่างจากภูเขาถล่ม

 

หลังจากฝุ่นคละคลุ้งถูกสายลมพัดพาผ่านไป ก็ปรากฏให้เห็นร่างของผู้ประลอง ฝั่งฉินเฟิงยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ทว่าภูเขาลูกตรงข้าม บัดนี้ถูกบดขยี้จนความสูงลดลงกว่า 10 เมตร

 

บริเวณยอดเขาทั้งลูกไม่ได้เป็นสีเขียวมรกตอีกต่อไป แต่กลายเป็นสีดำด่างและเหลืองของดินแทน ชัดเจนว่านี่เกิดจากการกดทับแผ่นดินเบื้องบน บีบอัดลงไปรวมกับแผ่นดินเบื้องล่าง

 

ขณะเดียวกัน ณ ตำแหน่งครึ่งทางระหว่างภูเขา เงาร่างหนึ่งลอยขึ้นจากพื้น รอบตัวเขาปกคลุมไปด้วยโล่ปราณกำลังภายใน อย่างไรก็ตาม ตรงบริเวณมุมปาก ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา

 

มิใช่ใครอื่น เป็นรุ่ยฉง

 

“ท่านผู้ใหญ่รุ่ย คุณแพ้แล้ว!”

 

วาจาสั้นๆ กระจายออกไป เรียกสติทุกคนให้กลับคืนมา จากนั้นความโกลาหลก็บังเกิดขึ้น!

 

เป็นรุ่ยฉงที่พ่ายแพ้อย่างไม่คาดฝัน!!

 

ผู้ใช้พลังเลเวล A , ผู้ฝึกฝนทักษะหมื่นคมดาบ และได้เรียนรู้ถึงแก่นแท้ของมันจากหนึ่งในตัวตนทรงอำนาจที่สุดในโลก ยามเผชิญหน้ากับฉินเฟิงกลับพ่ายแพ้ย่อยยับ!

 

ในแววตาของรุ่ยฉง ฟุ้งไปด้วยประกายอันซับซ้อน สีหน้าของเขาบัดเดี๋ยวดำบัดเดี๋ยวขาว และมีอาการเจ็บปวดจากภายใน

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ รุ่ยฉงก็เปิดปากของเขา

 

“เมื่อเลือกเดิมพัน ก็ย่อมยินดีรับความพ่ายแพ้!”

 

รุ่ยฉงกัดฟันแน่น พยายามกลืนเลือดที่ย้อนลำคอขึ้นมา เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกไป เขาตระหนักดี ว่าการดวลในวันนี้ ไม่เพียงพ่ายแพ้ แต่ยังสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างใหญ่หลวงแก่ตนเอง

 

สถานการณ์เช่นนี้ เปรียบดั่งสรวงสวรรค์สำหรับผู้มีชัย เสมือนดั่งนรกสำหรับผู้ปราชัย!

 

รุ่ยฉงวาดมือ เปิดใช้งานตัวเชื่อมมิติ เขาไม่สนใจอีกแล้วว่ามีใครต้องการอยู่ต่อหรือจะสร้างเมืองฉงโหลวขึ้นใหม่หรือไม่ เจ้าตัวก้าวเข้าไปในช่องว่างมิติอย่างไม่ลังเล และหลบลี้จากสถานที่แห่งนี้ทันที

 

เมื่อเขาจากไป สมาชิกกลุ่มเฟิงหลีต่างส่งเสียงโห่ร้องออกมา

 

“เฟิงหลีได้รับชัยชนะ!”

 

“ประธานฉินชนะแล้ว!”

 

“ประธานฉินจงเจริญ!”

 

ผู้คนที่เลือกติดตามฉินเฟิงแต่แรก ตอนนี้ต่างยิ้มยินดี นั่นเพราะพวกเขาเลือกคนไม่ผิด วางเดิมพันได้ถูกต้อง

 

ในอนาคต ชายผู้คนจักกลายเป็นตัวตนทรงอำนาจอีกคนหนึ่งอย่างแน่นอน และที่พวกเขาต้องทำ ก็แค่เดินตามรอยเท้าของฉินเฟิง

 

ร่างที่โชกไปด้วยเลือด บัดนี้ติดตรา ตรึงอยู่ในหัวใจของทุกผู้คน เสมือนยอดเขาสูงที่มิอาจแตะต้อง

 

ในเวลาเดียวกัน บนเครือข่ายนักสู้ การดวลในครั้งนี้ ได้สั่นคลอนผู้ใช้พลังทั้งหมดในพันธมิตรหัวเซี่ย สร้างความวุ่นวาย เกิดข้อถกเถียงขึ้นในเวลาเดียวกัน