1/6

Ep.781 – พื้นที่ต้องห้าม

เจ้าสิ่งที่เรียกว่ามิติทับซ้อน เคยเกิดขึ้นมาแล้วสองครั้ง

ครั้งแรกเกิดขึ้นบนถนนเส้นหลักที่ใช้มุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผลคือยานพาหนะที่เดินทางผ่านไปผ่านมาสูญหายบ่อยครั้ง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยกว่าหนึ่งเดือน มีผู้ใช้พลังเลเวล A คนหนึ่งพร้อมทีมของเขาได้อาสาเข้าไป แต่สุดท้ายก็ขาดการติดต่อ ผู้คนจึงเริ่มตื่นตระหนก และสิ่งที่น่ากลัวก็คือ ในมิติทับซ้อน อักษรรูนจะถูกสกัดกั้น ไม่สามารถเรียกใช้ได้

สถานที่แห่งนั้นถูกจัดให้เป็นพื้นที่ต้องห้าม จนกระทั่งห้าปีให้หลัง เลเวล A ที่ขาดการติดต่อไปนานก็ได้กลับออกมา

จากคำบอกเล่า คนๆนั้น ดิ้นรนต่อสู้ในมิติทับซ้อนเป็นเวลาหลายปี ความแข็งแกร่งพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด แต่คนอื่นๆที่เคยติดตามเข้าไปพร้อมเขา ทั้งหมดล้วนเสียชีวิต

ครั้งที่สองเกิดขึ้นในเทือกเขาท่ามกลางทุ่งล่า แต่มิติทับซ้อนคงอยู่แค่สามวันก็หายไป อย่างไรก็ตาม ระหว่างเกิดขึ้น มันได้ทิ้งนายพลสัตว์ร้ายเลเวล B ฝูงหนึ่งเอาไว้ ในขณะที่สถานชุมชนเล็กๆหรือเมืองบริเวณใกล้เคียง มีผู้ใช้พลังแข็งแกร่งที่สุดอยู่แค่เลเวล C เท่านั้น ผลลัพธ์เลยกลายเป็นว่าทั้งหมดถูกฆ่าตาย พวกนายพลสัตว์ร้ายไล่สังหารชาวเมืองจนหมดสิ้น สร้างความเสียหายใหญ่หลวง

และเหตุการณ์ในปัจจุบัน นี่คือครั้งที่สาม!

ไม่ใช่แค่นั้น ครั้งนี้มันเลวร้ายกว่าครั้งก่อนๆอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมิติทับซ้อนนี้ ดันมาเกิดขึ้นใจกลางเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองมาก

ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่ามนุษย์จะอยู่เฉย พวกเขาได้ทำการศึกษา ค้นคว้าว่าเหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้น

ก่อนยุครอยแยกมิติครั้งใหญ่ ผู้คนมักได้รับคำตอบทุกอย่างด้วยเทคโนโลยี แต่เมื่อพบบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ แนวคิดใหม่ๆก็เริ่มเกิดขึ้น

เกี่ยวกับมิติทับซ้อน นักทฤษฎีคนหนึ่งที่รอบรู้ที่สุดในยุครอยแยกมิติ ได้ข้อสรุปว่า รอยแยกมิติที่เกิดจากมิติทับซ้อนมีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง หากสองมิติอยู่ในระนาบเดียวกัน ด้านหนึ่งจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ตรงกันข้าม อีกด้านหนึ่งจะอ่อนแออย่างสิ้นเชิง จากนั้นก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดปรากฏการณ์กลืนกินกันและกัน

ปัจจุบัน ในมิติโลกมนุษย์ ผู้คนก็ใช้ชีวิตลำบากอยู่แล้ว หากมีอีกมิติหนึ่งทับซ้อนเข้ามา สิ่งที่ต้องทำคืออะไรน่ะหรือ?

เนื่องจากไม่มีใครอยากให้มิติของตัวเองถูกกลืนหายไป ดังนั้นต้องบุกเข้าไปอาณาเขตดังกล่าวเพื่อต่อสู้กับสัตว์ร้าย ฟันฝ่าวิกฤตนับไม่ถ้วน และชิงมันกลับมา!

ไป๋หลีรับฟังคำอธิบายเป็นจริงเป็นจังของซางฮัน สีหน้าของเธอค่อยๆกลายเป็นเคร่งขรึม จากนั้นหันไปมองฉินเฟิง

แต่กลับพบว่าสายตาของฉินเฟิงกำลังเผยถึงความสงสัย อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้สึกตัวว่าไป๋หลีกำลังมองมา เขาก็พยักหน้าให้เธอ

“จ้าวพรมแดนซาง ฉันจะไปที่นั่นทันที” ไป๋หลีกล่าว

ได้ยินแบบนั้น ซางฮันค่อยผ่อนคลายลง ขณะเดียวกันไม่ลืมเตือนว่า “สถานการณ์ในเมืองฉงโหลวตอนนี้แปลกมาก ไม่สามารถเปิดใช้งานตัวเชื่อมมิติได้ แต่ต่อให้มันใช้ได้ ฉันก็ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนั้นเข้าไปในเมืองโดยตรงอยู่ดี ต้องขอโทษจริงๆ แต่คุณคงต้องหาทางไปเอง”

ฉินเฟิงเดินมาข้างๆไป๋หลี ก้าวเข้ามาอยู่ในกล้องอุปกรณ์สื่อสารและพูดตรงๆว่า “นี่ไม่ใช่งานยากสำหรับพวกเรา ท่านจ้าวพรมแดนโปรดวางใจ”

“ ‘พวกเรา?’ ฉินเฟิง อย่าบอกนะว่าคุณจะไปด้วย?”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” ฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่ลังเล

ซางฮันขัดทันที “แต่ภารกิจนี้ไม่ธรรมดา ตามข่าวที่ได้มา มีหลายทีมถูกส่งเข้าไป สุดท้ายทั้งหมดขาดการติดต่อไปอย่างลึกลับ ไม่ได้ออกมาอีกเลย ไม่เพียงเท่านั้น แต่หลังจากที่พวกเขาเข้าไปแล้ว ทุกคนต่างสูญเสียพลังในการต่อสู้ สามารถพึ่งพาได้แค่พละกำลังเท่านั้น”

ยิ่งฉินเฟิงได้ฟังเขาก็ยิ่งสงสัย แต่ขณะเดียวกันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเล็กน้อย ยังคงกล่าวยืนยันว่า “ถ้าที่นั่นสามารถใช้ได้แค่ความแข็งแกร่งทางกายภาพ ผมก็น่าจะไหว เพราะผมมีอาวุธเทวะอยู่ในมือ นอกจากนี้ยังได้ฝึกฝนเทคนิคคู่ขนานบางแขนงมาบ้าง อย่าลืมสิว่าอย่างน้อยผมก็ครอบครองร่างกายของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B4!”

ฉินเฟิงพูดแบบนี้ ซางฮันก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องลอบถอนหายใจ

ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธโบราณหรืออบิลิตี้ ฉินเฟิงคนนี้สามารถฝึกควบคู่ไปด้วยกันได้ ดังนั้นเรื่องความแข็งแกร่งทางกายภาพคงไม่ต้องกล่าวถึง

“เข้าใจแล้ว ฉันจะรอฟังข่าวดีจากคุณ”

“ครับ”

ฉินเฟิงพยักหน้า ทั้งสามไม่มัวโอ้เอ้เสียเวลา พอวางสายสนทนา ฉินเฟิงกับไป๋หลี ก็อ่านข้อมูลจากซางฮันทันที

ข้อมูลชุดนี้ ระบุถึงที่ตั้งของเมืองฉงโหลว

พอได้เห็นมัน ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาก็หายไปทันที แต่สองคิ้วบนหน้าผากฉินเฟิงกลับขมวดมุ่น

“อย่างที่คิดจริงๆ มันคือพื้นที่ต้องห้าม!”

สถานที่แห่งนี้ ในชีวิตก่อน ฉินเฟิงไม่เคยไปที่นั่น เอาจริงๆเขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเมืองฉงโหลวเคยเป็นหนึ่งในภูมิภาคเหนือและมีผู้นำเป็นถึงเลเวล A !

เพราะในชีวิตก่อน ในยุครอยแยกมิติครั้งใหญ่ปี 219 หรือก็คือช่วงเวลาปัจจุบันในชีวิตนี้ ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงยังอยู่แค่เลเวล E7 เท่านั้น ทั้งยังเพิ่งเริ่มออกเดินทาง

ตลอดการเดินทางอันวุ่นวายและยาวนาน ในที่สุดเขาก็มาถึงปราการชาตงแห่งใหม่ เมื่ออาศัยอยู่ที่นั่น เขาถึงค่อยรู้จักรัฐทะเลเหนือเป็นครั้งแรก ได้รู้ว่าภูมิภาคเหนือมีทั้งสิ้น 16 รัฐ ส่วนรายละเอียดเชิงลึกอย่างรัฐฮุยหลูในครั้งอดีตเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาจะไปทราบได้อย่างไร?

กว่าเขาจะรู้เรื่องรู้ราว เมืองฉงโหลวก็หายไปแล้ว สิ่งเดียวที่ฉินเฟิงทราบ คือที่นั่นกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม

ครั้งนี้ฉินเฟิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดหายนะเช่นนี้ขึ้น ในชีวิตก่อนแม้แต่ข่าวหลังเกิดเรื่องราว ก็ไม่มีใครพูดถึงมัน

เนื่องจากที่นี่ได้กลายเป็นดินแดนรกร้างและน่าหวาดกลัว

พลังงานทั้งหมดเป็นสิ่งต้องห้ามที่นี่ ไม่ว่าจะกำลังภายใน , พลังสมาธิ , อักษรรูน กระทั่งปืนพลังงานก็ไม่สามารถยิงได้ เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นอาวุธดินปืนระดับต่ำ

ภายในสถานที่แห่งนี้ มีเพียงพลังจากความแข็งแกร่งทางกายภาพเท่านั้น จึงจะสามารถเดินเหินอย่างอิสระ ยังไงก็ตาม สัตว์ร้ายที่อยู่ข้างใน เลเวลต่ำสุดคือ D แต่สูงสุดคือ B

ซึ่งเท่ากับว่า ต่อให้เป็นผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล A ก็อาจถูกกินโดยสัตว์ร้ายเลเวล D ได้ เพราะไม่อาจปลดปล่อยพลังของพวกเขา

สำหรับฉินเฟิง นี่ถือเป็นวิกฤตเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้ว เขาดีกว่ามากนัก

“พวกเราควรไปที่ตำแหน่งนี้ แน่นอน อย่าเข้าใกล้จนเกินไป … ” ฉินเฟิงกำลังเอ่ยแผนการ แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบ เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยสายเรียกเข้า

และเมื่อยกมือขึ้นมอง ปรากฏกว่าเป็นแซดโทรมา!

คิ้วของฉินเฟิงขมวดเข้าหากัน แต่ก็ยอมกดรับสาย

“ฉินเฟิง ฉันมีบางอย่างต้องการให้นายทำ ถ้าจบเรื่องแล้ว พวกหัวใจต้นไม้ที่ยังเหลือ ไม่ต้องเอามาให้แล้วก็ได้!”

ฉินเฟิงเลิกคิ้ว กล่าวน้ำเสียงสับสน “อะไร?”

ขณะนี้ สภาพของแซดดูน่าอนาถนัก แต่รองเท้าทั้งสองข้างดูใหม่เอี่ยม คาดว่าเพิ่งเปลี่ยนมา อย่างไรก็ตาม บนขาข้างหนึ่งของเขา ขากางเกงกลับหายไป

ก่อนหน้านี้พลังมิติได้ตัดขาข้างหนึ่งของแซด สำหรับเลเวล S บาดเจ็บถึงขนาดนั้นนับว่าสาหัสแน่นอน

แต่ในกรณีของแซดมันไม่ใช่!

ในฐานะนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง เขาเคยทำการทดลองกับตัวเอง สร้างจิตวิญญาณนักรบโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ไม่ทราบเลยว่าเขาทดลองกับตัวเองมากี่ครั้งแล้ว

แต่สิ่งที่โชคดีก็คือ การทดลองเหล่านั้นดันประสบความสำเร็จ เขาแตกต่างจากคนปกติทั่วไป กระทั่งร่างกายก็สามารถเปลี่ยนแปลงมันด้วยพลังงานได้ เป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง

เวลานี้ แซดเติมเต็มพลังงานให้กับขาของเขา แปลงสภาพมันให้กลายเป็นเนื้อหนังอีกครั้ง  ในขณะที่คนอื่นๆต้องใช้สมบัติฟ้าดินมากมายเพื่อสร้างเนื้อพวกนี้ขึ้นใหม่ … แซดช่างแตกต่าง ไม่เหมือนใครจริงๆ

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่า แซดจะไม่สนใจทุกสิ่งที่ขวางหน้า

สำหรับสิ่งที่เรียกว่ามิติทับซ้อน แน่นอนแซดย่อมมีความรู้เกี่ยวกับมัน

ยิ่งไปกว่านั้น แซดเพิ่งหนีออกมาจากข้างใน แม้เขาจะเป็นเลเวล S แต่ในเวลานี้ยังไม่กล้าเข้าไปในมิติอันแสนประหลาดนี้ อย่างไรก็ตาม สัตว์ร้ายจอมเขมือบยังจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ

ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจโทรสายนี้

ฉินเฟิงฟังคำอธิบายของแซด และพบว่าเป็นเมืองฉงโหลวพอดี เนื่องจากมีเป้าหมายเป็นสถานที่เดียวกัน ทั้งยังสามารถล้างหนี้บุญคุณได้ ฉินเฟิงเลยตอบตกลงทันที

ก่อนไปฉินเฟิงแจ้งเรื่องต่อผู้บริหารระดับสูงของเฟิงหลี จากนั้นไป๋หลีฉีกช่องว่างมิติและจากไป

เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง สภาพแวดล้อมมิใช่ภายในวิลล่าอีกต่อไป แต่มาโผล่ในทุ่งล่าแทน

ฉินเฟิงกับไป๋หลีมองไปยังอุปกรณ์สื่อสารพร้อมๆกัน

“ยังไม่ถึงที่หมาย แต่นับว่าใกล้มากแล้ว เพิ่มความระมัดระวังด้วย” ฉินเฟิงเตือน

“อื้ม เข้าใจแล้ว!”