5/5

 

Ep.752 – ยกระดับ

 

【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! โปรดทราบ เกาะนรกกำลังเปิดขึ้นแล้ว มีเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง โปรดเตรียมตัวให้พร้อม!】

 

ภายในอาคารใต้ดินขนาดใหญ่ ผู้คนเกือบทั้งหมดต่างสวมชุดคลุมดำ ไม่ก็หน้ากาก พยายามปกปิดหน้าตาหรือรูปลักษณ์ของตนให้ออกมาน้อยที่สุด คอยเหลียวซ้ายแลขวา สังเกตผู้คนรอบข้างอย่างระมัดระวัง

 

ผู้คนในที่แห่งนี้ เทียบกับในตอนงานประมูลของคลับมังกรดำแล้ว มันมากกว่าซะอีก!

 

ฉินเฟิงสวมหมวกเกราะศักดิ์สิทธิ์ ตามด้วยหน้ากากขาวที่ไม่มีลวดลายหรือการตกแต่งใดๆ กลิ่นอายก็ปิดซ่อนเอาไว้อยู่ใต้รูนมืด

 

อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆรอบข้างเขา สามารถระบุได้ว่าฉินเฟิงเป็นแค่เลเวล B เท่านั้น ดังนั้นเลยมีผู้ใช้พลังเลเวล A หลายคนแกล้งเดินชน ทำเป็นมองไม่เห็นเขา บางส่วนก็มองฉินเฟิงด้วยสายตาดุร้าย ช่างแตกต่างกับก่อนหน้านี้นัก

 

เพราะพวกเขา คือกลุ่มคนที่เคยหวาดกลัวฉินเฟิงจนแทบฉี่ราดมาก่อนทั้งสิ้น!

 

ฉินเฟิงใช้รูนมืดกลบซ่อนกลิ่นอาย คนอื่นๆก็ทราบถึงเรื่องนี้ แต่ยังมีคนอีกมากใช้งานมันเช่นกัน ดังนั้นไม่มีใครทันนึกว่าเป็นฉินเฟิง ในขณะที่บางคนที่ทรงพลังมากๆ ก็ไม่คิดปิดซ่อนตัว แต่เลือกแสดงความแข็งแกร่งของตนให้คนอื่นๆหวาดกลัวแทน

 

ฉินเฟิงเดินตามกระแสของผู้คน เดิมเขาซื้อตั๋วไว้สองใบ แต่วันนี้พอลองใช้พลังสมาธิกวาดเข้าไปตรวจสอบในเขตแดนลับ เขาก็ตระหนักว่าคงมีแค่ตนเท่านั้นที่ต้องใช้ตั๋ว–

 

–เพราะไป๋หลีจำศีลไปแล้ว!

 

ตั้งแต่ซื้อเขตแดนลับแห่งเวลามา สิ่งแรกที่ไป๋หลีทำ ก็คือจัดการซ่อมแซม รักษาเสถียรภาพของรอยแยกมิติในเขตแดนลับ จากนั้นก็เริ่มกลืนกินแก่นสัตว์ร้ายทั้งหมด รวมไปถึงแก่นอบิลิตี้สัตว์เทวะเลเวล A ที่ฉินเฟิงประมูลมา

 

จากนั้น ไป๋หลีก็เปลี่ยนร่างกลับเป็นจิ้งจอก และผล็อยหลับไป

 

การหลับในครั้งนี้ คล้ายเป็นการจำศีล ในความคิดของฉินเฟิง เดิมเดาว่าน่าจะแค่ 3 – 4 วันหรือทันตอนเปิดเกาะนรกพอดี แต่ภายในนั้นใช้เวลามากถึง 3 – 4 ปี!

 

ร่างจิ้งจอกของไป๋หลีเกิดการเปลี่ยนแปลงทุกวัน ขนยาวสีเงินเปล่งปลั่งมากขึ้น มองไปไม่ต่างจากดวงดารา หากแต่ร่างกายไม่ใหญ่โตขึ้น สาเหตุอาจเป็นเพราะใช้เทคนิคเปลี่ยนรูปตลอดเวลา เพราะทุกครั้งในการต่อสู้ แทบนับครั้งได้เลยที่ไป๋หลีใช้ร่างจริงของตัวเอง เกรงว่าครั้งนี้เธอเลยเลือกที่จะวิวัฒนาการในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมากกว่า

 

ดังนั้นในระหว่างหลับใหล ร่างของเธอจึงไม่ใหญ่ขึ้น ทั้งยังมีแนวโน้มว่ากำลังหดเล็กลง แต่เรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ ความแข็งแกร่งของเธอ กำลังพุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่ง

 

วันแรกในเขตแดนลับที่ฉินเฟิงตรวจสอบดู ไป๋หลีสามารถยกระดับไปเลเวล B6 , วันที่สองเลเวล B7 และวันที่สาม B8

 

ส่วนในวันนี้ เธอได้ไปถึงเลเวล B9 แล้ว

 

บางทีในวันถัดมา ไป๋หลีอาจสามารถยกระดับขึ้นเป็นสัตว์เทวะเลเวล A !

 

“เร็วเข้า ใกล้ถึงตาพวกเราแล้ว!”

 

เสียงของบุคคลหนึ่งดังมาจากข้างหลังฉินเฟิง เขาถอนพลังสมาธิจากเขตแดนลับ และเริ่มมุ่งหน้าต่อ

 

ในอาคารใต้ดินทั้งหลัง ส่วนที่แปลกประหลาดที่สุดคือบริเวณตรงกลาง ปรากฏกระแสวังวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตร พร้อมอักษรรูนมิติรอบๆที่กำลังส่องแสงสีเงิน ด้านในของกระแสวังวนเป็นสีเงินและดำ

 

–นี่คือช่องทางวังวนสู่นรก!

 

ในสถานที่แห่งนี้ มีเพียงช่วงเวลานี้ของปีเท่านั้น ที่มันจะปลอดภัย คุณสามารถเข้าไปในวันธรรมดาก็ได้เหมือนกัน แต่ค่าใช้จ่ายแพงมาก และในกรณีนั้นมีเพียงคนของคลับมังกรดำเท่านั้นถึงสามารถเข้าได้

 

กระนั้น เกาะนรกยังถือว่าอันตรายอยู่ดี ถ้าไม่ปล่อยให้คนอื่นๆเข้ามาเก็บกวาดมัน เกรงว่าต่อให้เป็นคลับมังกรดำ ก็คงไม่สามารถควบคุมมันได้ และอาจถึงขั้นพบเจอกับวิกฤตครั้งใหญ่

 

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงวางแผนขว้างหินก้อนเดียวได้นกสองตัว ผลเลยกลายมาเป็นดั่งเช่นปัจจุบัน

 

ไม่นาน คนข้างหน้าได้กระโดดลงไปในกระแสวังวน และแล้วก็ถึงคราวของฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงกระโดดลงไปในอึดใจเดียว ถูกกลืนหายเข้าไปในช่องวังวนอันมืดมิด

 

ฉินเฟิงสัมผัสได้เพียงวิสัยทัศน์ของเขากลายเป็นมืดมิด ต่อมา กฏเกณฑ์ของมิติก็เริ่มทำการขับไล่ เหวี่ยงตัวเขาออกจากมิติเดิม ผ่านไปเพียงพริบตา แต่กลับให้ความรู้สึกนับหมื่นปี สภาพแวดล้อมโดยรอบ ในที่สุดก็เปลี่ยนแปลงไป

 

ดวงอาทิตย์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า อุณหภูมิร้อนระอุ คาดว่าน่าจะมากกว่า 40 องศา!

 

ตำแหน่งที่ฉินเฟิงปรากฏตัว คือกลางอากาศ รอบๆเป็นป่าอันไพศาล และเนื่องจากไม่ทันได้ปลดปล่อยการรับรู้ ดังนั้นเขาเลยไม่ทราบถึงสถานการณ์โดยรอบว่าเป็นอย่างไร!

 

ร่างของฉินเฟิงร่วงลงอย่างไม่อาจควบคุม แต่ไม่นานเขาก็เหยียบกิ่งไม้ได้

 

ทว่าในจังหวะนั้นเอง เท้าข้างหนึ่งของฉินเฟิง พลันถูกเถาวัลย์รัดพันอย่างกะทันหัน เขาไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกพละกำลังมหาศาลฉุดลากลงมา

 

ต้องไม่ลืมนะว่า ปัจจุบันความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงน่ะมหาศาลมาก ฉะนั้นพละกำลังที่สามารถฉุดลากเขาได้ ย่อมน่าสะพรึงอย่างหาที่ใดเปรียบ

 

ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมาทันที บิดลำตัวตัดเถาวัลย์

 

แต่ในเวลานั้นเอง เถาวัลย์อีกกว่า 7 – 8 เส้นพลันฉกเข้ามา ม้วนพันทั้งตัวฉินเฟิง!

 

ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงได้ร่วงผ่านยอดสูงของต้นไม้ซึ่งเต็มไปด้วยพุ่มหนาแล้ว ณ เวลานี้ ไม่มีใบไม้คอยบดบังสายตาเขาอีกต่อไป จึงสามารถมองเห็นถึงฉากทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

 

–ปรากฏดอกไม้สีสันสดใส ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 20 เมตร กำลังบานสะพรั่งเบื้องหน้าเขา

 

และเนื่องจากมันมีขนาดใหญ่เกินไป ดังนั้นลวดลายทุกเส้นบนกลีบดอก จึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นขวากหนามแหลมคมอย่างหาที่ใดเปรียบ , ซากศพสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนที่แขวนอยู่บนนั้น , ขนปุกปุยของสัตว์ร้าย และสุดท้ายกระดูกสีขาวๆ ฉากนี้ทำให้ดอกไม้ต้นนี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

 

และที่กำลังขยุกขยิกอยู่รอบๆมัน ก็คือเถาวัลย์นั่นเอง เถาวัลย์นับไม่ถ้วนกำลังร่ายระบำ แต่ละเส้นล้วนมีความยาวนับหลายร้อยเมตร

 

“นี่มันพืชกลายพันธุ์ระดับจักรพรรดิเลเวล B !”

 

นึกไม่ถึงเลย ว่าแค่โผล่มา ก็ต้องรับมือกับสิ่งที่ยากจะจัดการแบบนี้

 

ในหลายๆครั้ง พืชกลายพันธุ์ น่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ร้ายซะอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชที่วิวัฒนาการเป็นระดับราชันย์หรือจักรพรรดิ

 

ฉินเฟิงล้มเลิกความคิดที่จะขัดขืน แม้เถาวัลย์เหล่านี้จะทรงพลังมาก แต่เขาได้รับการปกป้องโดยชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นต่อให้เถาวัลย์มีหนามพิษ แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายฉินเฟิงได้ชั่วคราว

 

มันทำได้เพียงห่อฉินเฟิงทีละชั้น ทีละชั้น จากนั้นลากเขาเข้าไปยังเบื้องหน้าดอกไม้กลายพันธุ์กินคน

 

กลีบดอกไม้ขนาดใหญ่เริ่มแยกออก สวาปามฉินเฟิงเข้าไปในคำเดียว หนามที่เกิดจากกลีบดอก พยายามเจาะเข้าสู่ร่างของฉินเฟิง ยังไม่หมด ตามหนามแหลมแต่ละจุด ยังปลดปล่อยเมือกไหลออกมา กลิ่นของมันมีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง เพียงสูดดม ก็รู้สึกราวกับหลอดลมกำลังถูกละลาย

 

ฉินเฟิงกลั้นหายใจ สาดส่องสายตามองไปรอบตัวที่เต็มไปด้วยสีแดงสดใส พร้อมระเบิดพลังสมาธิอันทรงอำนาจออกมาทันที

 

“เทคนิคเพลิงบรรจบ!”

 

อักษรรูนไฟลุกไหม้ไปทั่ว แผดเผากรดเมือกจนเกิดเป็นเสียงฟองฟ่อด

 

กลีบดอกไม้สีแดงเพลิง ลุกพรึ่บติดไฟในพริบตา ลาวาเดือดปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของฉินเฟิง ฉากนี้ไม่ต่างกับการจุดพลุไฟขนาดใหญ่จากใจกลางกลีบดอกไม้!

 

วู้ม วู้มมมม

 

ดอกไม้กินคนส่งเสียงโหยหวนน่าเวทนา

 

มันเร่งเปิดปากใหญ่ กลีบดอกไม้สั่นไหว และถุยสิ่งแปลกปลอมอย่างฉินเฟิงและธารลาวาออกมาทันที

 

เสาลาวาอันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่ายามปะทุจากปล่องภูเขาไฟ พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เถาวัลย์ทั้งหมดถูกเผาจนม้วนงอ พวกมันตัดสินใจละทิ้งศัตรู หดกลับเข้ามาพันรอบดอกไม้ ปกป้องเจ้านายเอาไว้

 

อย่างไรก็ตาม คนอย่างฉินเฟิงมีหรือจะปล่อยศัตรูไป? มีดกษัตริย์ครามปรากฏขึ้นอีกครั้งในมือเขา

 

“กระบวนท่ามีดเปลวเพลิง!”

 

รังสีใบมีดยืดยาว ขยายออกไปไกลถึง 20 เมตร สะบั้นกำแพงเถาวัลย์ทันที

 

กำแพงเถาวัลย์ราวกับมีชีวิต ตวัดเข้าต่อต้าน แต่อย่าลืมสิว่าฉินเฟิงยังใช้งานเทคนิคเพลิงบรรจบอยู่ เถาวัลย์เส้นไหนคิดขัดขวางคมมีดในมือเขา จะถูกมังกรไฟผุดจากลาวาขึ้นมากลืนกินทันที ส่วนเส้นที่ถูกตัดก็ตกลงในธารลาวา โดนหลอมละลายไป

 

ฉินเฟิงเสมือนดั่งเครื่องตัดหญ้า ทั้งตัดทั้งหั่นวัชพืชอย่างรวดเร็ว!

 

ภายในป่า กองไฟเริ่มแผดเผา เพลิงไหม้ลุกโหม พืชกลายพันธุ์ดอกไม้กินคนระดับจักรพรรดิที่เดิมคอยหาเหยื่ออยู่ที่นี่ บัดนี้ถูกย่างเป็นสีเทาด้วยน้ำมือของฉินเฟิง

 

หึ่ง หึ่ง!

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากต่อสู้มาหลายครั้ง และดูดซับเอาพลังสมาธิจากมนุษย์ผู้ใช้อบิลิตี้มานับไม่ถ้วน จนสุดท้ายเกือบบรรลุเงื่อนไข และเมื่อเสริมด้วยพลังงานจากการตายของดอกไม้กินคน พลังสมาธิของฉินเฟิง ก็ยกระดับไปอีกขั้น

 

ก้าวขึ้นสู่เลเวล B3!