4/5

 

Ep.709 – เชิญพวกเขาขึ้นมา

 

ผู้มาเยือนมีทั้งสิ้นสองคน ทั้งคู่มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล B คนหนึ่งเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ดิน อีกหนึ่งเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด

 

สองคนนี้ หากพวกเขาอยู่ในสนามรบที่เต็มไปด้วยอันตราย ตัวอย่างเช่นเมืองตงไห่ พวกเขาย่อมไม่ดึงดูดความสนใจใดๆ

 

อย่างไรก็ตาม เมืองเฟิงหลีมิใช่สนามรบ อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นโซนปลอดภัยที่อยู่แนวหลัง จริงอยู่ที่มันเองก็มีแนวหน้า แต่สถานที่แห่งนี้ ก่อนฉินเฟิงจะก่อตั้งกลุ่มเฟิงหลี พื้นที่ส่วนใหญ่ของมันมีเพียงผู้ใช้พลังเลเวล C มาปฏิบัติภารกิจเท่านั้น

 

ด้วยเหตุนี้ การปรากฏตัวของเลเวล B ถึงสองคน คุณน่าจะทราบว่ามันดึงดูดความสนใจขนาดไหน

 

อย่างไรก็ตาม ที่ทั้งสองปรากฏตัวมิใช่ในเมือง หากแต่กำลังวนอยู่ใต้ดิน

 

“นี่มันยังไงกันแน่ เห็นอยู่ชัดๆว่าตรงจุดนี้มีพลังงานหนาแน่นที่สุด แต่ทำไมพวกเราถึงไม่พบมัน?” ผู้ใช้อบิลิตี้มืดสบถด้วยความไม่พอใจ เขามีเครื่องตรวจจับอยู่ในมือ สามารถใช้มันตรวจจับพลังงานได้ง่ายๆ โดยปกติแล้วการสำรวจเหรียญพลังงานเองก็ใช้เจ้าสิ่งนี้

 

อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันดัชนีบนเครื่องตรวจจับจะสูงมาก แต่พวกเขากลับไม่พบร่องรอยของสิ่งที่กำลังตามหาเลย

 

ผู้ใช้อบิลิตี้ดินอีกคน เริ่มขมวดคิ้ว ในหัวใจของเขา บังเกิดความรู้สึกอันบางเบาของวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

“ลองไปหาดูกันอีกรอบเถอะ แต่ครั้งนี้ถ้ายังไม่เจออะไร เอาไว้ค่อยว่ากันวันอื่น!”

 

“ตกลง”

 

ผู้ใช้อบิลิตี้ดินเปลี่ยนทิศทาง แต่ก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าไม่พบอะไรอยู่ดี!

 

และสิ่งที่พวกเขากำลังค้นหา มิใช่ใดอื่น เป็นทรายธารเวลาที่ฉินเฟิงได้ฝังเอาไว้

 

ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงได้ค้นพบตัวของ ‘หัวขโมยน้อย’ ทั้งสองแล้ว

 

“ไป๋หลี ช่วยเชิญพวกเขาขึ้นมาซิ” ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา แม้ปากเน้นคำว่าเชิญ แต่ในความเป็นจริงไม่คิดกระทำการโดยสุภาพ

 

“รับทราบ!”

 

ไป๋หลีวาดมือ อักษรรูนผุดจากนิ้วเธอ จากนั้นลูกบาศก์ที่มีความยาว 2 เมตรก็ปรากฏขึ้น

 

แสงสีเงินสาดไสว ตามต่อด้วยแปรสภาพเป็นมิติสีดำ

 

“สับเปลี่ยน!”

 

ไป๋หลีโพล่งสองคำ แสงสีดำและเงินหายวับไป สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา แท้จริงแล้วคือบล็อกดินขนาดสี่เหลี่ยม

 

และไม่นาน ด้านหนึ่งของบล็อกดินก็ถูกเจาะ เงาร่างของสองคนปรากฏตัวต่อหน้าฉินเฟิง

 

มิใช่ใครอื่น เป็นผู้ใช้อบิลิตี้สองคนที่กำลังวุ่นอยู่ใต้วิลล่าของฉินเฟิง

 

ทั้งสองยังคงเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน แต่จู่ๆรอบข้างก็ไม่มีดินอีก ยิ่งไปกว่านั้นรอบๆยังแสงสว่างส่องเข้ามา ฉากนี้ทำให้ผู้ใช้อบิลิตี้มืดตกใจมาก

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

 

จากนั้น ทั้งสองก็เริ่มกวาดสายตามอง และเบนไปตกลงบนร่างฉินเฟิงกับไป๋หลี นอกจากนี้ยังเจอตัวอาคารอันงดงามที่มีลักษณะคล้ายวิลล่าอยู่รอบๆ

 

แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่เวลานี้ เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเฟิง พวกเขาบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวทันทีที่ถูกจับได้

 

‘นั่นฉินเฟิง!’

 

‘แย่ล่ะสิ ถูกพบตัวแล้ว!’

 

คำๆนี้ผุดขึ้นมาในใจของทั้งสองพร้อมกัน แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ทั้งสองหันหลัง พยายามหลบหนีไปทันที

 

“ฉันอนุญาตให้พวกแกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉินเฟิงกล่าวเสียงต่ำ จากนั้นพลังสมาธิอันน่าหวาดกลัวพลันปะทุออกมา

 

พลังสมาธินี้ เสมือนดั่งภูเขาหนักกดทับลงบนร่างกายของทั้งสอง

 

“ฮึ่ม!”

 

ทั้งสองระเบิดพลังสมาธิในเวลาเดียวกัน พยายามเข้าต่อต้าน

 

แต่ก็แค่นั้น เพราะพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเฟิง

 

ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล B ระดับสามัญสองคน จะสามารถต้านทานแรงกดดันจากจักรพรรดิในเลเวลเดียวกันได้อย่างไร?

 

ในพริบตา ทั้งสองก็รู้ว่า พวกเขามิอาจต่อกรกับฉินเฟิง

 

แต่ทว่า พวกเขาก็ไม่มีความคิดนั่งรอความตายเช่นกัน

 

“เทคนิคศิลาร่วง!”

 

“เทคนิคความมืดทิ่มแทง!”

 

ทั้งสองเร่งเร้าอบิลิตี้ เตรียมที่จะโต้กลับ

 

ไป๋หลีวาดมือออก รังสีแสงสีเงินปรากฏขึ้น “เทเลพอร์ต!”

 

รอยแยกขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า มันอ้าปากกลืนกินศิลาร่วงและลูกศรอันมืดมิดจมหายไป ไม่มีใครทราบว่าสองเทคนิคนี้ไปตกลงที่ใด

 

“ที่นี่คือบ้านของฉัน ถ้าพวกคุณกล้าก่อความวุ่นวาย ฉันจะหั่นคุณเป็นชิ้นๆ!” ไป๋หลีขู่ขวัญ

 

เพียงแต่ว่า ทั้งสองคนเคยผ่านอะไรมามากมาย ดังนั้นแค่คำพูดของไป๋หลี พวกเขาไม่มัวเสียเวลาใส่ใจ

 

“ฆ่า! เทคนิคหมื่นขุนเขา!” ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล B ระเบิดพลังของตนออกมาสุดกำลังในคราเดียว สั่นสะเทือนไปทั้งผืนดิน

 

ครืนนนน

 

วิลล่าสั่นไหว แผ่นดินแยกออก พื้นดินทั้งหมดยกสูง ผุดยอดภูเขาแหลม ทำลายวิลล่าทั้งหลัง

 

อาศัยจังหวะที่เนินเขาก่อความโกลาหลและบดบังสายตา ผู้ใช้พลังเลเวล B หลบหนีไปทันที

 

อันที่จริงแผนนี้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ แต่ที่พวกเขาไม่รู้ นั่นคือการกระทำนี้ ทำให้ไป๋หลีแทบอยากฉีกทึ้งพวกเขา!

 

“แก นี่แกกล้าดียังไง!!”

 

ไป๋หลีคำรามเกรี้ยวกราด ระเบิดอบิลิตี้ออกมาทันที

 

“เทคนิคมิติเชือดเฉือน!”

 

ในพริบตา ด้ายสีเงินนับหมื่นหรืออาจมากถึงหลักแสนปะทุออก และประเด็นก็คือมันผุดจากใจกลางร่างกายของบุคคลที่เพิ่งเรียกภูเขาดินออกมา จากนั้นกระจายตัวออกไปด้านนอก

 

ฟุฟ ฟุฟ ฟุฟ ฟุฟฟฟฟฟ

 

ด้ายสีเงินค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง เฉกเช่นเดียวกับใบมีดบางเบาที่อาบเลือด พวกมันค่อยๆเคลื่อนตัวแยกออกมา ทั้งร่างของผู้ใช้อบิลิตี้ดินกลายเป็นแข็งค้าง

 

สองวินาทีต่อมา บนร่างของผู้ใช้พลังเริ่มปรากฏรอยเส้นเลือด จากนั้นทั้งคนทั้งร่างดั่งโดมิโน ทรุดตัวลง เนื้อถูกแล่เป็นชั้นบางเบา ไม่ต่างจากซาซิมิ ดั่งที่ไป๋หลีบอกว่าจะหั่นเป็นชิ้นๆจริงๆ

 

ผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุดินเลเวล B ตกตายไปทั้งๆอย่างนั้น!

 

คู่หูอีกคนของเขา จ้องมองฉากนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าตน

 

ในจังหวะนั้นเอง ฉินเฟิงไม่ต้องการให้ศัตรูเลเวล B อีกคนก่อความวุ่นวายไปมากกว่านี้ รัศมีอบิลิตี้ของอีกฝ่ายค่อนข้างกว้างไกล เกรงว่าอาจส่งผลกระทบถึงเมือง จนทุกคนเกิดความหวาดกลัว

 

ฟุบบบ!

 

ร่างของฉินเฟิงผลุบขึ้นเบื้องหลังอีกฝ่ายอย่างกะทันหัน จากนั้นวางสองมือลงบนไหล่อีกฝ่าย และบดขยี้อย่างดุเดือด!

 

กำลังภายในของฉินเฟิง กดทับลงบนไหล่ของชายคนนี้ อำนาจทำลายล้างก็พรั่งพรูออกมา

 

ฟัฟฟฟฟฟ

 

กระดูกไหล่ถูกฉินเฟิงบดบี้โดยตรง แหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี

 

“อ๊ากกกกกกกกกกก” ผู้ใช้อบิลิตี้มืดกรีดร้องน่าสังเวช น้ำเสียงสนั่นสะท้อนไกลออกไป

 

ช่วงเวลานี้ นอกวิลล่าของฉินเฟิง กลุ่มผู้ใช้พลังได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว เนื่องจากเทคนิคของผู้ใช้อบิลิตี้ดิน ไม่เพียงทำลายวิลล่าของฉินเฟิง แต่ยังปรับเปลี่ยนภูมิประเทศจนไม่เหลือเค้าเดิม

 

แต่สิ่งที่โชคดีก็คือ ดูเหมือนว่าฉินเฟิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ตรงกันข้าม เป็นคนที่บุกรุกเข้ามา ถูกทุบตีกดลงกับพื้น

 

ฉินเฟิงไม่หยุดเพียงเท่านี้ สองมือของเขากดลงบนขาของคู่ต่อสู้อีกครั้ง ภายใต้การอัดฉีดของกำลังภายในบนมือเขา สองขาของอีกฝ่ายถูกทำให้ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับหัวไหล่

 

วิธีนี้ช่างโหดร้าย ทว่าง่ายต่อการใช้งาน

 

เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บรุนแรง พลังสมาธิย่อมอ่อนโทรมลง ไม่จำเป็นต้องให้ฉินเฟิงบอก ไป๋หลีชิงลงมือทันที

 

ดวงตาของไป๋หลีเปลี่ยนเป็นกระจ่างใสดั่งดวงดารา หากมองดีๆบังเกิดกระแสวังวนผุดขึ้นจากภายใน

 

“คุณชื่ออะไร”

 

ไป๋หลีเอ่ยปากถาม

 

ดวงตาของชายคนนั้นกลายเป็นพร่ามัวเล็กน้อย คำถามของไป๋หลี โพล่งออกมาจากปากเขา

 

“ฉันชื่อว่าเซิ่งหัว!”

 

ขณะนี้ ไป๋หลีได้ทำการสะกดจิตเซิ่งหัวแล้ว

 

“เซิ่งหัวสินะ ว่าแต่ใครกันที่ส่งคุณมา?” ไป๋หลีเอ่ยถามอีกรอบ

 

“ฉัน .. ฉันมา … ” เซิ่งหัวดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงเกิดการดิ้นรนต่อต้าน คล้ายกับว่าจะรู้ ว่าคำถามข้อนี้ เป็นอันตรายต่อเขามาก

 

มันอาจมากถึงขั้นให้อีกฝ่ายฆ่าปิดปากเขาได้เลย

 

“ฉัน ฉันเป็นอาวุโสของตระกูลเซิ่ง!” ในที่สุด พลังสมาธิของอีกฝ่ายก็ไม่สามารถต่อกรกับไป๋หลี ยอมปริปากออกมา