4/5
Ep.704 – เทคนิคฝึกฝนเลเวล S
ตัวเลขหนึ่งผุดออกจากปากซางฮัน และจำนวนนี้ เทียบเท่ากับจำนวนครึ่งหนึ่งที่ฉินเฟิงเก็บรวบรวมมาได้ ช่วงที่เขาอยู่กับตงหยางพร้อมเลเวล A คนอื่นๆ
กล่าวได้ว่ามันไม่เป็นจำนวนมากพอให้ฉินเฟิงต้องเก็บมาใส่ใจ ช่วงเวลานั้นเขาลดทอนความเร็วในการเก็บรวบรวมทรายลง ซึ่งเมื่อเทียบกับทรายธารเวลาที่ฉินเฟิงรวบรวมเอง หรือได้มาจากปีศาจขุนเขาและพรายทารกครวญในตอนท้าย ปริมาณที่ซางฮันขอมันเป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง!
แต่ฉินเฟิงยังแสดงท่าทีขมวดคิ้วเหมือนคิดหนัก และกล่าวว่า “งั้นทางผมจะได้รับหุ้นเท่าไหร่?”
ซางฮัน “5%!”
ฉินเฟิงหัวเราะฮ่าทันที จากนั้นกล่าวเสียงหม่น “ข้อตกลงนี้ผมเสียเปรียบไม่น้อยเลย คนเราเวลาทำธุรกิจ ไม่มีใครเขายอมรับข้อเสนอที่ขาดทุนหรอกนะครับ”
แต่ซางฮันชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย เร่งเปิดปากกล่าวว่า “รายได้จากภาษีประจำปีของเมืองเป่ยหัวอยู่ที่ 100 ล้านล้าน ส่วนของคุณ 5% ก็เท่ากับ 5 ล้านล้าน! นั่นคือจำนวนเงินที่เลเวล B ต้องใช้เวลานานหลายปีในการสะสม!”
ฉินเฟิงปรามอีกฝ่ายและกล่าว “คุณค่าของทรายธารเวลาไม่ธรรมดา หากผมเอาสิ่งนี้ออกชาย มูลค่าของมันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านล้านแน่นอน ขณะเดียวกันถ้าผมทำสัญญากับจ้าวพรมแดนซาง ผมจะต้องใช้เวลา 20 ปีถึงจะได้รับเงินก้อนนี้คืน ไหนคุณลองบอกผมอีกที ว่าแบบนี้ใครเป็นฝ่ายเสียเปรียบ?”
“ฉินเฟิง ฉันสามารถเปิดสิทธิ์อื่นๆเพิ่มเติมแก่คุณได้ ตัวอย่างเช่น บ้านสมบัติของเมืองเป่ยหัว ที่นั่นมีกระบวนท่าวรยุทธชั้นสูงเก็บรวบรวมเอาไว้มากมาย!”
ฉินเฟิงถาม “นั่นรวมไปถึงส่วนของเลเวล S ด้วยรึเปล่า?”
คราวนี้ กลายเป็นซางฮันอับจนถ้อยคำ
กระบวนท่าวรยุทธหรือเทคนิคอบิลิตี้เลเวล S ของภูมิภาคเหนือมีไม่มากนัก ไม่ต้องกล่าวถึงพวกมันทั้งหมดล้วนเป็นรากฐานของที่นี่!
หรือสามารถพูดได้อีกอย่างว่า … พวกมันคือสมบัติของตระกูลซาง มิใช่ของเมืองเป่ยหัว
“ตอนนี้คุณยังเป็นแค่เลเวล B กระบวนท่าวรยุทธเลเวล S สำหรับคุณ มันยังห่างไกลเกินไป”
ฉินเฟิงหัวเราะและกล่าว “มันอาจจะไกลเกินไปจริงๆ แต่จ้าวพรมแดนซางดูเหมือนจะยังไม่เชื่อมั่นใจตัวผม ผมสามารถรับประกันได้ว่าภายในหนึ่ง ผมจะขึ้นไปเหยียบเลเวล A ได้แน่นอน ดังนั้นข้อตกลงจะเป็นแบบนี้ ผมจะไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปมากกว่านี้อีก”
ซางฮันพอได้ยินคำของฉินเฟิง สีหน้าของเธอต้องแปรเปลี่ยนไป
เธอไม่รู้ว่าที่ฉินเฟิงกล่าวคือเรื่องโม้เหม็นขี้ฟัน หรือมีความมั่นใจจริงๆกันแน่ ทว่าท่ามกลางความรู้สึกที่กำลังกระหน่ำในใจซางฮัน จู่ๆเธอกลับเชื่อในตัวฉินเฟิงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ซางฮันกัดฟันกล่าว “ก็ได้ ฉันจะเปิดสิทธิ์นั้นให้คุณด้วย แต่คุณไม่สามารถนำพวกกระบวนท่าวรยุทธออกไป อนุญาตให้แค่คัดลอกเท่านั้น! และหลังจากเรียนรู้ คุณต้องทำลายพวกมันทันที และห้ามส่งต่อให้คนอื่นเด็ดขาด”
“ผมรับปาก!” ฉินเฟิงพยักหน้า เพราะคำขอเหล่านี้ของซางฮันไม่ได้มากเกินไป
นับตั้งแต่ฉินเฟิงเกิดใหม่จนถึงปัจจุบันนี้ เขาครอบครองเทคนิคฝึกยุทธเลเวล S แค่ทักษะเดียว นั่นคือทักษะลับกลืนดารา
ส่วนกระบวนท่าวรยุทธเลเวล S ที่เหลือในโลกใบนี้ ล้วนไม่เคยได้รับมันเลย คุณสามารถจินตนาการได้ว่ามันมีค่าเพียงใด
ในแง่ของวรยุทธโบราณ ฉินเฟิงอาศัยเพียงเทคนิคมีดผลาญสวรรค์ , เทคนิคก้าวมังกร ฯลฯ แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา กระบวนท่าวรยุทธเหล่านี้เริ่มไม่มีประสิทธิภาพแล้ว
หากไม่มีมีดกษัตริย์คราม , กำลังภายในที่มากกว่าผู้อื่นหลายเท่า และประสบการณ์ต่อสู้จากชีวิตก่อนนับสิบปี อาศัยเพียงกระบวนท่าของฉินเฟิงในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะโค่นศัตรู
จากนั้น ฉินเฟิงกับซางฮันได้ลงนามทำสัญญากัน ในความเป็นจริงแล้วหุ้นจำนวนนี้ มีเพื่อซื้อสิทธิ์แก่ฉินเฟิงให้เข้าถึงกระบวนท่าเลเวล S เท่านั้น
เพราะสิ่งที่กล่าวมา มันคือการดำรงอยู่ระดับตำนาน ดังนั้นต้องทะนุถนอมเป็นอย่างดี
“ยินดีที่ได้ร่วมมือ!”
“ยินดีที่ได้ร่วมมือ!”
เซ็นสัญญาเสร็จสิ้น ฉินเฟิงแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นกระบวนท่าวรยุทธซึ่งเป็นสมบัติของเมืองเป่ยหัว
“แต่ยังมีเรื่องที่ฉันอยากให้คุณเป็นนายพลอีก ดังนั้นพวกเราคงต้องรีบ ฉันคงต้องขอพาตัวคุณไปเดี๋ยวนี้”
ว่าจบซางฮันก็หยิบศิลาสีฟ้าที่ดูเป็นเอกลักษณ์ออกมา ฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงความผันผวนของอักษรรูนมิติที่ลอยอยู่บนมัน นี่คล้ายกับบัตรหยกสุสานเทพสงครามในมือฉินเฟิง
จากนั้น ซางฮันก็มอบมันให้แก่ฉินเฟิงชิ้นหนึ่ง
“ไป๋หลี รอฉันที่นี่ก่อนแปปนึง”
“ตกลง ไปดีมาดีล่ะ”
ซางฮันกับฉินเฟิงถ่ายเทกำลังภายในของตนลงไปยังศิลาฟ้า ไม่นานทั้งสองก็ถูกล้อมรอบไปด้วยอักษรรูนมิติ ลืมตาขึ้นอีกที ก็โผล่มาอีกสถานที่หนึ่งแล้ว
ที่นี่คือศาลา อันที่จริงแล้วคงต้องเรียกว่าศาลากลางน้ำ ปรากฏหอคอยสูงอยู่ไกลๆ
ซางฮันเดินนำทางให้เขา ทั้งสองตรงเข้าสู่หอคอยสูงอย่างรวดเร็ว
“สถานที่แห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นห้องสมุดของเมืองเป่ยหัว มันเก็บเฉพาะกระบวนท่าวรยุทธและเทคนิคอบิลิตี้เหนือเลเวล C ขึ้นไป ห้องสมุดจะแบ่งเป็นทั้งหมดสามชั้น ยอดปลายแหลมด้านบนสุดคือที่เก็บหนังสือเลเวล S ซึ่งในเมืองเป่ยหัวทั้งหมด มันมีแค่สามเล่ม!”
ฉินเฟิงพอได้ฟังว่ามีแค่สามเล่ม ก็ต้องขมวดคิ้วทันที
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมีเท่านี้ ถ้าเป็นในกรณีนั้น มีโอกาสสูงมากที่จะไม่พบทักษะที่เหมาะกับฉินเฟิง
“ไปดูกัน!”
เมื่อมาถึงยอดหอคอย ซางฮันก็หยิบมันออกมาและแสดงแก่ฉินเฟิง
ชั่วพริบตา ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่โถมเข้าใส่ ปรากฏว่ามันทะลักออกมาจากหนังสือทั้งสามเล่ม
นี่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร นั่นเพราะหนังสือทั้งสามเล่ม ทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นจากหนังของสัตว์ร้ายเลเวล S !
ในอาณาเขตเมืองเป่ยหัวที่ซางฮันอาศัยอยู่ ครั้งอดีตเคยถูกก่อตั้งขึ้นโดยเลเวล S ดังนั้นหนังสือเลเวล S ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ก็สมควรเป็นสิ่งที่คนๆนั้นเคยเป็นเจ้าของ ผู้ก่อตั้งเมืองแข็งแกร่ง มีความสามารถกระทั่งสังหารสัตว์ร้ายเลเวล S แล้วจัดการเลาะหนังของมันมาทำหนังสือ เพื่อให้กลายเป็นมรดกตกทอด คงอยู่มาช้านาน
ฉินเฟิงยื่นมือออกไป จับหนังสือเล่มแรกขึ้นมา
เพียงแค่เริ่มเปิดอ่าน ฉินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหนาแน่นของทะเล ไหลผ่านใบหน้าเขา
ฉินเฟิงมองเห็นอักษรใหญ่เขียนเอาไว้บนปก : ทักษะเสมือนนที
“ทักษะเสมือนนที เป็นทักษะฝึกฝนกำลังภายในเลเวล S ที่ตกทอดกันมาของตระกูลซาง หากฝึกฝนจนบรรลุ ความแข็งแกร่งจะทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด นั่นคือสาเหตุสำคัญว่าทำไมตระกูลซางของพวกเราจึงสามารถครอบครองภูมิภาคเหนือได้ตลอดมา พ่อของฉันเอง ก็สามารถขึ้นเป็นเลเวล A ได้ก่อนอายุ 30 ปี ทั้งยังเคยได้รับการวิเคราะห์ว่าจะกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S ได้ภายในระยะเวลา 10 ปี!”
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่พ่อของซางฮัน ดันจบชีวิตลงในหุบเหวตอนเหนือ!
“พรสวรรค์ของฉันไม่ดีเท่าพ่อ กว่าจะขึ้นเป็นเลเวล A อายุก็ปาเข้าไป 40 ปีแล้ว และกว่ามาถึง A5 อายุก็ล่วงเลยถึง 55 ปี การฝึกฝนโดยทักษะเสมือนนที หากมีอายุมาก ก็ยิ่งยากจะตัดผ่านในแต่ละระดับ ดังนั้นมันจึงเป็นทักษะยุทธที่ทั้งยากและง่ายในเวลาเดียวกัน กล่าวว่าแม้ครอบครองเทคนิคฝึกฝนเลเวล S แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฝึกฝนมันไปถึงเลเวล S ได้ หากให้เวลาฉันอีกสัก 30 ปี บางทีฉันอาจทำได้”
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของโลกล้วนไม่เที่ยง ยากจะคาดเดา ท่ามกลางหายนะยุคโลกาวินาศ ใครกันจะสามารถรับประกันว่าชีวิตตนจะมั่นคง อยู่รอดปลอดภัยไปอีก 30 ปี?
ในชีวิตก่อนของฉินเฟิง ช่วงเวลาที่เขาเสียชีวิต ซางฮันยังไม่สามารถไปถึงเลเวล S อิงตามเวลา ฉินเฟิงตายในปี 226 ยุครอยแยกมิติครั้งใหญ่ แต่ตอนนี้ก็เป็นปี 219 แล้ว แม้ในอีก 7 ปีต่อจากนี้ ซางฮันก็ยังยกระดับได้แค่ผู้ใช้พลังเลเวล A7 เท่านั้น
ซึ่งนี่สอดคล้องกับการคาดเดาของซางฮันเอง ว่ากว่าจะเข้าถึงเลเวล S คงใช้เวลา 30 ปี แต่ก็นั่นแหละ ในยุคสมัยนี้ ใครจะรู้ว่าอีก 30 ปีต่อมา เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร?
“คุณต้องใช้เวลานานถึง 30 ปีเพื่อก้าวสู่เลเวล S … ก่อนหน้านี้คงใช่ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานถึงขนาดนั้นแล้ว!” ฉินเฟิงกล่าว
ซางฮันแสดงออกถึงสีหน้าสงสัย
ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าลืมสิว่าคุณยังมีทรายธารเวลา!”
ขนาดตงหยางที่แก่หงำเหงือกยังสามารถยกระดับขึ้นเป็นเลเวล S ได้เลย แล้วซางฮันจะทำไม่ได้ ได้อย่างไร?
พูดก็พูดเถอะ อายุ 55 ปีแล้วไง มันยังไม่สายเกินไป!
ฉินเฟิงวาง ‘ทักษะเสมือนนที’ ลง เห็นได้ชัดว่าเทคนิคกำลังภายในนี้ไม่เหมาะกับเขา เพราะฉินเฟิงยังมีทักษะลับกลืนดาราอยู่
จากนั้น ฉินเฟิงก็มองไปยังหนังสืออีกสองเล่ม พบว่าหนึ่งเป็นเทคนิคฝ่ามือ อีกหนึ่งเป็นเทคนิคดาบ แต่ไม่มีอันไหนเหมาะกับฉินเฟิงเลย
ไม่คาดคิดเลย ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้
เมื่อเห็นฉินเฟิงวางหนังสือทั้งสามเล่มลง ซางฮันบังเกิดความงงงวย “ฉินเฟิง ไม่มีอันไหนที่คุณสนใจเลยหรือ? ฉันนึกว่าหนังสือวิชาฝ่ามือจะเหมาะกับคุณเสียอีก”
เทคนิคฝ่ามือนี้ เป็นเทคนิคฝึกฝนฝ่ามือแบบคู่ขนาน แน่นอนว่าฉินเฟิงสามารถใช้มันฝึกยุทธได้
อย่างไรก็ตาม หากโลภมากเกินไปคุณจะเคี้ยวเนื้อชิ้นใหญ่ได้ไม่พอดีคำ ฉินเฟิงมีหลายสิ่งมากเกินไปในตอนนี้ แต่ยังไงซะเขาควรแลกเปลี่ยน
“ถึงแม้มันจะผิดหวังไปบ้าง แต่นั่นไม่สำคัญ อีกอย่างผมคิดว่า … ผมน่าจะสามารถค้นหาเทคนิคฝึกยุทธที่เหมาะกับตัวเองได้!”