1/5

 

Ep.696 – การระเบิดของศิลามิติ

 

แน่นอน ในช่วงแรกของการเก็บทราย พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเจ้าสิ่งนี้จำเป็นต้องมีอะไรบางอย่างคอยบรรจุ ดังนั้นยัดมันเข้าไปในอุปกรณ์รูนมิติโดยตรง

 

คุณสามารถลองจินตนาการดูได้ ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาคืออะไร!

 

ตูมมม!

 

ศิลามิติเกิดการระเบิด บังเกิดรอยแยกมิติขึ้นในอากาศ รัศมีลากยาวไปไกลถึง 100 เมตร!

 

ทุกสิ่งที่อยู่ภายในศิลามิติ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร , ผลไม้วิญญาณ ทั้งหมดกระจัดกระจายออกมา ส่วนผู้ใช้พลังเลเวล A ที่เก็บทราย โดนลูกหลงจากรอยแยกมิติตายคาที่!

 

รอยแยกนี้ผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว และหายไปในช่วงเวลาสั้นๆ สิ่งเดียวที่เหลือทิ้งไว้ คือวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมาก

 

นี่รวมไปถึงเหรียญพลังงาน!

 

รู้ใช่ไหมว่า หากคำนวณปริมาตร เหรียญพลังงานขนาดหนึ่งลูกบาศก์ 1 ก้อน จะมีค่าเท่ากับ 100,000 เหรียญพลังงาน นั่นเท่ากับเงินจำนวน 1 หมื่นล้าน

 

และพื้นที่มิติของผู้ใช้พลังเลเวล A ผู้โชคร้ายคนนั้น บรรจุเหรียญพลังงานเป็นเงินมูลค่าทั้งสิ้น 30 ล้านล้านเหรีญ ดังนั้นเมื่อเกิดการระเบิดออก ฉากนี้ดั่งพลุไฟ ก้อนลูกบาศก์พลังงานมากกว่า 300 ก้อนลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าสูงถึง 100 เมตร ก่อนกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง

 

เหตุการณ์นี้ ผู้คนทั้งเกาะสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า

 

ในชีวิต พวกเขาแทบไม่เคยเห็นศิลามิติระเบิดมาก่อน ทว่าเมื่อสมบัติล้ำค่ากระจายเต็มท้องฟ้า ภายใต้แสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ มันสาดประกายสีสันสดใส เม็ดเงินจำนวนมหาศาลนี้ ดึงดูดความสนใจของผู้คนให้ตรงไปที่นั่น!

 

ฉินเฟิงบนขอบชายของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้ เขาพบว่ามีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในระยะ 100 เมตร ปรากฏเลเวล B กว่า 5 คนที่เป็นสมาชิกของพันธมิตรหัวเซี่ย

 

คนเหล่านี้มองไปยังตำแหน่งใจกลางเกาะที่ไกลออกไป แสดงออกถึงความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ไม่นานก็ต้องก้มหน้าลงด้วยความหดหู่ใจ

 

“ที่นั่นต้องมีสมบัติอยู่แน่”

 

“นั่นมันเหรียญพลังงานใช่ไหม? ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น? เป็นไปได้ไหมว่าใจกลางภูเขาศักดิ์สิทธิ์ สามารถผลิตเหรียญพลังงานได้!”

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ คงสุดยอดไปเลย!”

 

“น่าเสียดายที่เราไปที่นั่นไม่ได้ แค่เฉพาะริมชายฝั่งรอบนอกก็อันตรายมากพอแล้ว”

 

“ระวังตัวด้วย มีสัตว์ร้ายกำลังมา! อีกอย่างพวกเราถอยไม่ได้ เพราะสัตว์ร้ายในทะเลตอนนี้บางตัวน่ากลัวยิ่งกว่าบนบกซะอีก รีบไปทางนั้นเร็ว!”

 

คนเหล่านี้เกิดความตื่นตระหนก รีบวิ่งจากไป

 

เหตุการณ์คร่าวๆนี้อธิบายได้ว่า ผลประโยชน์ในพื้นที่ใจกลางเกาะ มีเฉพาะเลเวล A เท่านั้นที่สามารถมีส่วนร่วมได้

 

ฉินเฟิงหันมองไปยังทิศทางใจกลางภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ตระหนักว่าคงมีใครบางคนพยายามเก็บทรายธารเวลาแน่ๆ และผลคือศิลามิติเกิดการระเบิด ฉากนี้เล่นเอาเขาขนลุกเกรียว รู้สึกสยองขึ้นมานิดหน่อยเหมือนกัน โชคดีที่มีไป๋หลีอยู่กับเขา ไม่อย่างนั้นคงได้กลับไปเกิดใหม่อีกรอบ หากตายลงเพราะเจ้าสิ่งนั้น มันไม่คุ้มค่าเอาซะเลย!

 

ขณะเดียวกัน เนื่องจากเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้เลเวล A ที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดตัดสินใจมุ่งตรงมาที่นี่ และตงหยางก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

หลังจากไปถึง ไม่นานตงหยางก็พบกับผู้ใช้พลังคนอื่นๆของพันธมิตรหัวเซี่ย และผู้ใช้พลังทั้งสองคนนี้ ฉินเฟิงเคยเจอพวกเขามาก่อน

 

ช่วงงานประลองในเมืองหลวงมังกร พวกเขาคือผู้รับผิดชอบดูแลตัวแทนจากภูมิภาคทางใต้และตะวันตก ผู้ใช้อบิลิตี้น้ำเลเวล A3 หนานกงชิ และผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล A3 เก๋อหลาง!

 

ทั้งสองล้วนถูกเรียกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนานกงชิที่เป็นผู้ใช้อบิลิตี้น้ำ หลังเกิดวิกฤตในภูมิภาคตะวันออก เขาเป็นคนแรกๆที่ถูกร้องขอให้มาเป็นกำลังเสริม หนานกงชิใช้ตัวเชื่อมมิติมายังเมืองตงไห่ แล้วออกดินทางโดยเรือดำน้ำทันที แต่กว่าเขาจะมาถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ หากเทียบกับฉินเฟิงและตงหยางแล้ว ถือว่าสายไปหลายชั่วโมง

 

ส่วนเก๋อหลางมาช้ากว่านั้นเล็กน้อย เมื่อขึ้นฝั่ง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเก็บสมบัติ ไม่ได้เจอกัน

 

แต่ในตอนนี้ เก๋อหลางเป็นคนแรกในกลุ่มพันธมิตรหัวเซี่ยที่มาถึงที่นี่ หรือให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็นหนึ่งในคนที่คิดสังหาร ‘คุนซาร์’

 

ถัดออกไปเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ หนึ่งในหกผู้ใช้พลังได้เสียชีวิตลง ขณะเดียวกันอีก 5 คนกำลังต่อสู้แย่งชิง สมบัติของคนที่ตายถูกแบ่งสรรโดยพวกเขา หลังตงหยางกับหนานกงชิมาถึง พวกเขาไม่สนใจเรื่องเงินหรือการตายของเลเวล A แต่หันมามองเก๋อหลาง

 

“เก๋อหลาง!” หนานกงชิกล่าวทักทาย

 

“นายพลเก๋อ คุณก็มาด้วยหรือ!” ตงหยางยกมือขึ้นทักทาย

 

“ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ จ้าวพรมแดนตงก็มาเหมือนกันหรือ สวัสดีหนานกง!” เก๋อหลางกล่าว

 

“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตขนาดนี้” หนานกงชิถาม ส่วนตงหยางตั้งใจเงี่ยหูฟัง

 

เก๋อหลางขบกรามแน่นและกล่าว “ก่อนหน้านี้มีองค์กรมืดจากเอเชียตะวันตกชื่อว่าคุนซาร์ เขาเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด คอยชักใยหุ่นเชิดแห่งความตายนับร้อยตัวขัดขวางผู้คน แถมยังใช้หมอกมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณนี้ ฉันเลยตัดสินใจรวมตัวกับคนอื่นๆเข้าจัดการ แต่ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะหนีไปได้ … ”

 

เก๋อหลางยังเอ่ยถึงเรื่องสมบัติที่อยู่ใต้หลุมใหญ่อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่า ‘คุนซาร์’ ยึดที่นี่เป็นเวลานานกว่าสองวัน คาดว่าคงได้รับสมบัติไปไม่น้อย นอกจากนี้ยังทราบวิธีเก็บกู้มัน แต่ตอนนี้มีเลเวล A ที่ตายเพราะการระเบิดของศิลามิติ ดังนั้นคนที่เหลือเลยระมัดระวังเกี่ยวกับสมบัติชิ้นนี้มาก

 

เมื่อฟังถึงจุดนี้ ตงหยางคล้ายบังเกิดความรู้สึกอึดอัดในใจ

 

‘หุ่นเชิดนับร้อยตัว? ผู้ใช้อบิลิตี้มืด? ไม่ใช่ว่าเขากำลังพูดถึงฉินเฟิงหรอกหรือ ไม่น่าจะผิดแล้ว พวกเขาคงยังไม่รู้ว่าฉินเฟิงเองก็มาที่นี่เหมือนกัน!’

 

เนื่องจากการล่าล้างสัตว์ร้ายจำนวนมากของฉินเฟิง ส่งผลให้ราชันย์ที่แข็งแกร่งบนเกาะลดทอนปริมาณลงถึง 1/5 พวกเลเวล A เลยไม่ถูกสัตว์ร้ายรังควาน ผู้คนสามารถสำรวจได้เร็ว และเมื่อเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ เลเวล A ที่กระจัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ก็เริ่มทยอยกันมาที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังออกล่าระหว่างทาง ทำให้สถานที่นี้ไม่อันตรายเหมือนในช่วงแรก

 

ตงหยางวุ่นอยู่กับการเก็บรวบรวมสมุนไพรวิญญาณ ต่อมาเริ่มแยกห่างจากฉินเฟิง นอกจากนี้ฉินเฟิงยังใช้อบิลิตี้มืดปกคลุมกลิ่นอาย เลยไม่มีทางที่เขาจะรับรู้ถึงกลิ่นอายของฉินเฟิงได้ตลอดเวลา

 

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่มันไม่อันตรายอีกต่อไปแล้ว ตงหยางไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ฉินเฟิงอีก ดังนั้นแยกกันไปคนละทาง

 

ช่วงเวลานี้ เมื่อได้ยินคำพูดของเก๋อหลาง ตงหยางบังเกิดความสงสัยขึ้นมา

 

หรือว่าจริงๆแล้ว … ตงหยางไม่กล้าจินตนาการ ว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งถึงขนาดไหน และในอนาคตจะไปได้ไกลเพียงใด

 

“นายพลเก๋อ คุณแน่ใจนะว่าคนที่คุณเห็นคือคุนซาร์?”

 

“มันจะผิดพลาดไปได้ยังไง! ถ้าเขาไม่มีหุ่นเชิดเลเวล S ในครอบครอง ฉันยังต้องร่วมมือกับคนอื่นๆอีกหรือ? ฉันคงบุกเข้าไปฆ่าเขาด้วยตัวเองตั้งนานแล้ว!”

 

คำพูดของเก๋อหลางดูโอ้อวดเล็กน้อย ทว่าเรื่องหุ่นเชิดเลเวล S ทำให้ความคิดนี้หยางตงหยางเป็นอันตกไป

 

‘ดูเหมือนจะไม่ใช่แฮะ!’

 

ตงหยางปล่อยวางความสงสัยในใจ

 

“ช่างมันเถิด เรื่องปล่อยเขาหลุดจากเบ็ดไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวลในตอนนี้ คำถามคือจะเก็บสมบัติไปได้อย่างไร? ในศิลามิติของฉัน ถ้าใส่ทรายพวกนี้ลงไปแค่ไม่กี่หยิบมือ ยังพอสามารถเก็บในศิลามิติได้ แต่ลองดูจำนวนมหาศาลของพวกมันตรงหน้าสิ”

 

“แล้วแบบนี้ต้องใช้ศิลามิติกี่ก้อนกันถึงจะเก็บรวบรวมได้หมด?”

 

“บ้าเอ๊ย พอนึกถึงเรื่องไอ้หัวขโมยคุนซาร์อยู่ในนี้ตั้งสองวันแล้วฉันยังอดรู้สึกโกรธไม่ได้จริงๆ”

 

ปัจจุบัน เลเวล A เหล่านี้ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามเร่งตักตวงทรายธารเวลา พวกเขากำลังศึกษาว่าจะนำสิ่งนี้ออกไปในปริมาณมากได้อย่างไร

 

ระหว่างกำลังหารือ อุปกรณ์ขนาดเล็กที่ฉินเฟิงเคยมอบให้ก็ถูกเปิดใช้งาน

 

“ฉินเฟิง ตอนนี้คุณอยู่ไหน?” ตงหยางเอ่ยถาม

 

ฉินเฟิงพอถูกเอ่ยถาม ประกายทะมึนวาบผ่านในแววตาของเขา เป็นไปได้ไหมว่าตงหยางจะรู้อะไรบางอย่าง?

 

“ผมอยู่ทางตะวันออกของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีอะไรงั้นหรือครับ?”

 

“สถานการณ์ใจกลางเกาะ คุณน่าจะรู้เรื่องแล้วใช่ไหม?”

 

“อา! จากที่นี่ก็มองเห็นได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น” ฉินเฟิงตอบอย่างสงบ

 

“มีสมบัติล้ำค่าอยู่ที่นี่ คุณสามารถเข้ามาและนำมันออกไปได้ แต่อย่าพาหุ่นเชิดแห่งความตายตามมาด้วย ก่อนหน้านี้กลางเกาะถูกล้อมไปด้วยหุ่นเชิดสัตว์ร้ายขององค์กรมืดจากเอเชียตะวันตก ทุกคนถูกขัดขวางเป็นเวลานานกว่าสองวัน ถ้าคุณพาพวกมันมา เกรงว่าคนอื่นจะคิดไม่ดี แล้วมุ่งร้ายมาที่คุณ!”

 

ตงหยางครุ่นคิดและกล่าวเสริมอีกครั้ง “แต่คุณไม่ต้องกังวลไป พันธมิตรหัวเซี่ยของเราอยู่ที่นี่ถึง 3 คน ฉันเชื่อว่าแค่นี้น่าจะเพียงพอไม่ให้พันธมิตรเลเวล A จากประเทศอื่นกล้าทำร้ายคุณ”