5/5

 

Ep.680 – ให้เช่าวันละแสนล้าน

 

ทันทีที่บุคคลคนนี้ปรากฏตัว อุปกรณ์โดรนสังเกตการณ์ก็ถ่ายทอดภาพของเขากลับมาบนจอได้อย่างชัดเจน

 

อีกฝ่ายที่แท้คือคนที่เคยต่อสู้กับฉินเฟิงเพื่อแย่งชิงไห่หลิง เป็นไป่เว่ยผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล B จอมสร้างปัญหา!

 

ช่วงเวลานี้ อีกฝ่ายก้าวออกจากประตูด้วยความสุข และลงมือชำแหละสัตว์ทะเลเลเวล B ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B ดังนั้นเพียงกวาดพลังสมาธิออกไป ก็สังเกตเห็นความผิดปกติโดยรอบทันที

 

บนผิวน้ำ โดรนสังเกตการณ์สองตัวถูกพบโดยเขา

 

หวือออ!

 

ศรน้ำสองดอกผุดจากผิวทะเล พุ่งเข้าทำลายโดรนทั้งสองแหลกไปในพริบตา

 

จากนั้น ไป่เว่ยก็เริ่มตื่นตัว ไม่ประมาทดั่งตอนแรกอีกต่อไป

 

“รีบระดมคนออกมาชำแหละสินสงครามเร็วเข้า อาจมีศัตรู!” ไป่เว่ยร้องโวยวาย

 

ผู้คนบนเรือดำน้ำเฟิงหลีกรูกันออกมา ในบรรดาคนเหล่านั้นมีซุนเทียนหยวนซึ่งเคยติดตามฉินเฟิงรวมอยู่ด้วย

 

ทั้งหมดเร่งชำแหละร่างสัตว์ทะเลเลเวล B ในเวลาเดียวกันก็ตื่นตัว หันซ้ายหันขวาตลอดเวลา เกรงว่าจะมีศัตรูมาโจมตีพวกเขาจริงๆ เพราะหากไร้ซึ่งการปกป้องจากเรือดำน้ำ กลางทะเลถือว่าอันตรายมาก

 

และตอนนั้นเอง จากในมุมบอดที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น โซ่เหล็กหนาถูกยิงออกไป

 

สายโซ่เหล็กพอกระทบเป้าหมาย ก็ม้วนเข้าพันรอบเรือดำน้ำเฟิงหลี ตรึงเอาไว้ไม่คิดปล่อยให้หนีรอด

 

“กล้าดียังไงถึงทำแบบนี้ อยากเห็นอานุภาพเรือดำน้ำของบิดาสิท่า เดี๋ยวจัดให้!”

 

ไป่เว่ยหัวเราะด้วยความโกรธ ขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยพลังสมาธิออกไป คิดหมายทำลายโซ่เหล็ก

 

แต่ชั่วอึดใจ ดันปรากฏโซ่เหล็กเหมือนเส้นแรกตรงเข้ามา เข้าม้วนพันเรือดำน้ำของเขาเพิ่มเป็นร้อยเส้น

 

“ได้ไงกัน!?”

 

ไป่เว่ยเริ่มบังเกิดความสับสน ต่อให้เป็นพวกคนจากองค์กรมืดที่ไม่คิดใช้เรือดำน้ำยิงต่อสู้กัน แต่พวกมันก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องใช้โซ่เหล็กจำนวนมากขนาดนี้มิใช่หรือ?

 

ยิ่งไปกว่านั้น โซ่พวกนี้ แต่ละเส้นกระจายเป็นรูปพัด ความหมายก็คือทุกเส้นตรงมาจากคนละทิศทาง บ่งบอกว่าเรือดำน้ำของฝ่ายตรงข้ามมีขนาดใหญ่กว่าพวกเขามาก

 

แม้ไป่เว่ยจะพยายามอย่างแข็งขัน แต่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้ ยังไม่พอ เลเวล C ของตนเองพลอยโดนลูกหลง ทั้งหมดถูกโซ่เหล็กชนตกทะเล

 

โซ่เหล็กนี้ เห็นได้ชัดว่าดัดแปลงมาจากวัสดุคุณภาพสูงเช่นกัน

 

เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

 

โซ่เหล็กบางเส้นม้วนซ้อนทับกัน เกิดเสียงกระแทกวุ่นวาย จากนั้นโซ่เหล็กก็เริ่มขยับ คล้ายกับว่าต้นทางของมันกำลังลอยตัวขึ้น

 

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะสู้ไม่ได้ ระดมยิงพวกมันเดี๋ยวนี้!”

 

ไป่เว่ยคำรามเกรี้ยวกราด แต่บนเรือดำน้ำตอนนี้เหลือคนอยู่แค่คนเดียว และฉากตรงหน้าทำให้เขาตื่นตะลึง สมองหยุดการทำงาน แข็งค้างราวกับคนหูหนวก ไม่ได้ยินคำสั่งใดๆ

 

ขณะเดียวกัน เพียงสิ้นเสียงคำรามของไป่เว่ย ก้อนสีดำบางอย่างเริ่มผุดขึ้นมาจากผิวทะเล

 

จากนั้น เงาร่างมหึมาก็ค่อยๆโผล่พ้นน้ำ ลอยตัวสูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายสัตว์ยักษ์อันน่าพรั่นพรึงอย่างหาที่ใดเปรียบก็ปรากฏสู่สายตา

 

สัตว์ยักษ์ตัวนี้ ระหว่างค่อยๆโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำ สำหรับผู้คนที่มองมันจากเบื้องหน้า ให้ความรู้สึกราวกับมันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ไม่ต่างจากขุนเขาทอดยาวไกลสุดสายตา!

 

หากไม่ใช่ว่าตำแหน่งที่มันผุดขึ้นมาบนผิวน้ำ แถวๆนั้นมีสายโซ่เหล็กยื่นออกมาล่ะก็ ไป่เว่ยคิดจริงๆ ว่าตนคงโชคร้ายได้พานพบหนึ่งในสิบสัตว์ยักษ์แห่งทะเลนรกเข้าเสียแล้ว

 

กระนั้น เครื่องจักรลำนี้ก็ยังน่าหวาดกลัวอยู่ดี ทั้งยามมองยังชวนให้ผู้คนรู้สึกมึนงง ดวงตาพร่ามัว

 

ตัวมันไม่ต่างจากยักษาแห่งท้องทะเล หากเทียบเปรียบกับเครื่องจักรดั่งสัตว์ยักษ์ตัวนี้ เรือดำน้ำเฟิงหลีของไป่เว่ย ไม่ต่างอะไรจากเด็กทารก

 

“เห~~ มิสเตอร์ไป่พูดได้น่าสนใจจริงๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เรือดำน้ำเฟิงหลีกลายเป็นของคุณ? แถมยังบอกว่าจะแสดงพลังของเรือดำน้ำให้ผมดูอีก”

 

ชัดเจนว่าสิ่งที่ไป่เว่ยโวยวายก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายได้ยินมันทั้งหมด เมื่อสนทนากันได้ก็ฉวยโอกาสล้อเลียนสวนกลับทันที

 

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าไป่เว่ยไม่กล้าเปล่งคำหักล้างในเวลานี้

 

นั่นเพราะเครื่องจักรอันน่าหวาดกลัวตรงหน้า แค่เห็นขนาด ไม่ต้องบอกก็ทราบว่าทรงพลังแค่ไหน ต่อให้เรือดำน้ำเฟิงหลีทรงพลังแล้วอย่างไร? มันไม่มีทางเทียบกับเขมือบฟ้าได้แน่นอน

 

“ใครกัน แกเป็นใคร? คิดจะทำอะไรกับพวกเรา” แข้งขาไป่เว่ยสั่นหงึกๆ อันที่จริงเขาสามารถจดจำเสียงของอีกฝ่าย ในฐานะผู้ใช้อบิลิตี้ การรับรู้ของพวกเขามีประสิทธิภาพมาก สามารถแยกแยะรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆได้อย่างง่ายดาย

 

ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่ไป่เว่ยแอบชิงเรือดำน้ำเฟิงหลี ไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งมีปัญหากับฉินเฟิงมา ดังนั้นไป่เว่ยจะลืมเลือนเสียงนี้ไปได้อย่างไร

 

ช่วงเวลานี้ ส่วนหัวของเขมือบฟ้า หันมายังทิศทางของไป่เว่ย ผิวนอกของเขมือบฟ้าตำแหน่งหนึ่งพลันบิดไปอีกทาง ประตูผละเปิดออก หลายร่างก้าวออกมาพร้อมกัน

 

เป็นฉินเฟิง , หยูหยางเต๋า และเหอเจี๋ย

 

ตำแหน่งยืนของฉินเฟิงในตอนนี้ อยู่สูงกว่าไป่เว่ยอย่างสิ้นเชิง แต่เนื่องจากมีโซ่เหล็กคอยรัดพัน ทำให้เรือดำน้ำเฟิงหลีถูกลากมาอยู่ใกล้ๆกับขอบของเขมือบฟ้า ห่างกันแค่ 50 เมตรเท่านั้น ตราบใดที่ฉินเฟิงกระโดดลงไป ย่อมสามารถเข้าถึงตัวฝ่ายตรงข้าม

 

“ฉินเฟิง เป็นแกจริงๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน ไม่ใช่ว่าแกตายไปแล้วหรือ?”สีหน้าของไป่เว่ยแสดงออกถึงความสับสนตื่นตระหนก

 

และเขาไม่เพียงตื่นตระหนก ลึกๆในหัวใจยังเริ่มเกิดความหวาดกลัว!

 

เดิมที ข่าวการเสียชีวิตของฉินเฟิง ไป่เว่ยทราบเรื่องก่อนใครจากปากซุนเทียนหยวน!

 

ด้วยเหตุนี้ หลังจากเหอเจี๋ยจากไป ไป่เว่ยก็เข้าปล้นเรือดำน้ำเฟิงหลีทันที เขาสังหารเลเวล C บางคนบนเรือ และขับมันมุ่งหน้าลงสู่ทะเลลึก ทั้งยังวางแผนที่จะเข้าเทียบในท่าเรืออื่นๆหลังจากนี้ เพื่อแปลงโฉมมันใหม่

 

ยังไงก็ตาม ก่อนจากไป ฉินเฟิงได้ทิ้งพลังงานจำนวนมากไว้บนเรือ ในเมื่อเป็นพลังงานของคนอื่น หากใช้มันจนสาแก่ใจ ไป่เว่ยย่อมไม่รู้สึกเจ็บปวด สุดท้ายเลยตัดสินใจออกล่าสัตว์ทะเล และเนื่องเพราะการใช้งานระบบต่อสู้ของเฟิงหลีเป็นเรื่องง่าย ทำให้เขาออกล่าสัตว์ร้ายในทะเลจนเพลิน รู้ตัวอีกทีเป็นเวลาห้าวันติดต่อกันแล้ว เลยไม่ทราบข่าวการกลับมาของฉินเฟิงตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน

 

ไป่เว่ยยังพานคิดไปถึงกลุ่มเฟิงหลีที่ฉินเฟิงทิ้งไว้เบื้องหลัง ว่ามันจะต้องมั่งคั่งด้วยเงินตรา อุดมไปด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากการล่าครั้งนี้ เจ้าตัวยังมีแผนเลาะไปตามแนวชายฝั่ง มุ่งหน้าสู่อาณาเขตรัฐทะเลเหนือ จากนั้นก็เทียบท่าแล้วเข้ายึดครองกลุ่มของฉินเฟิง

 

แต่ไม่คาดฝันเลย ว่าฉินเฟิงดันไม่ตายอย่างกะทันหัน ทั้งยังได้เผชิญหน้ากับตัวเป็นๆ

 

แต่ประเด็นก็คือ เมื่อพบเจอกับสัตว์ยักษ์เบื้องหน้าตน มุมปากของไป่เว่ยพลันกระตุกไม่หยุด แทบอยากร้องไห้!

 

เจ้าสิ่งนี้มันคือบ้าอะไรกัน!

 

ฉินเฟิงมองไปยังการแสดงออกดั่งมารดาท่านเสียชีวิตของไป่เว่ย กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “อะไรกัน มิสเตอร์ไป่ไม่สนใจจะตอบคำถามหน่อยหรือ?”

 

สายตาของไป่เว่ยเบนตกลงบนร่างของฉินเฟิง เขาจำได้ว่าฉินเฟิงน่ายังเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C8 ฉะนั้นอาจฉวยโอกาสนี้สังหารอีกฝ่ายได้ แต่พริบตาที่เพ่งมองเจ้าตัวกลับพบว่าอีกฝ่ายยกระดับขึ้นเป็นเลเวล B แล้ว!

 

ไป่เว่ยลอบร้อง ‘ไอ้แม่ย้อย’ ในใจ

 

ผ่านไปแค่หกวัน แต่ฉินเฟิงสามารถยกระดับถึงสามขั้นติดต่อกัน หรือว่าจริงๆแล้วเลเวลที่ฉินเฟิงแสดงออกก่อนหน้านี้คือเรื่องโกหก?

 

แต่คิดยังไงก็ไม่สมเหตุสมผลเลย

 

อย่างไรก็ตาม โดยไม่มีข้อสงสัย ไป่เว่ยรู้สึกว่าหากเขาต้องสู้กับฉินเฟิงอีกครั้งในเวลานี้ บวกกับขนาดอันใหญ่โตหาที่ใดเปรียบของเขมือบฟ้า มองยังไงก็ไม่มีทางชนะได้เลย

 

“ประธานฉิน … ผู้การฉินนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!” ไป่เว่ยหนังหน้าด้านหน้าทน เพื่อหนทางรอดชีวิตอันน้อยนิด เขายอมแสร้งทำตัวสับสนเป็นไอ้โง่!

 

“โห? เข้าใจผิด? เรือเฟิงหลีของผมที่อยู่ในมือคุณตอนนี้ก็เป็นความเข้าใจผิดด้วยรึเปล่า?” ฉินเฟิงถาม

 

ใบหน้าของไป่เว่ยเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ สายตาของเขาส่ายไปมา ก่อนตกลงบนร่างของเหอเจี๋ย และคล้ายนึกอะไรบางอย่างออก

 

“ประธานฉิน ฉันไม่ใช่จิ้งจอกขี้ขโมย แต่พอทราบถึงอุบัติเหตุของคุณ เลยคิดว่าเรือเฟิงหลีคงตกเป็นของเมืองตงไห่แล้ว ดังนั้นเลยต้องการเช่าเรือดำน้ำลำนี้ และกะว่าเมื่อล่าสัตว์ทะเลกลับไป จะจ่ายค่าเช่าให้”

 

ฉินเฟิงกระจ่างแก่ใจ ว่าวาจาของไป่เว่ยในตอนนี้–

 

–เป็นแค่ข้ออ้าง!

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นและกล่าว “คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าแก่ทางเมืองตงไห่หรอก โอนมาให้ผมตรงๆเลยก็ได้!”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา!” ไป่เว่ยพยักหน้าร้อนรน

 

ฉินเฟิงกล่าวต่อว่า “งั้นก็ดี ค่าเช่าคิดวันละแสนล้าน ทั้งหมดรวมเป็นหกแสนล้าน โอนเข้าบัญชีมาเลย!”

 

“ว่าไงนะ หกแสนล้าน? นี่คุณคิดจะปล้นกันหรือ!!” ไป่เว่ยอดกระทืบเท้าไม่ได้

 

“จะไม่จ่ายใช่ไหม? งั้นก็ไสหัวไป! ว่ายน้ำกลับฝั่งเองซะ ฉันขอยึดเรือคืน!” ฉินเฟิงตวาดด้วยความโกรธแค้น