4/5

 

Ep.652 – อึ้งจนสติหลุดลอย

 

กำลังภายในของฉินเฟิงได้ไปถึงเลเวล B แล้ว ทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่ากำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B คนอื่นๆถึงสิบเท่า

 

ก่อนหน้านี้เขาเก็บซ่อนมันเอาไว้อย่างดี มีเฉพาะเวลาต่อสู้กับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเท่านั้นจึงจะสำแดง เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่ช่วยให้เขาเอาชนะมันได้

 

แต่ตอนนี้ ฉินเฟิงไม่ต้องการเก็บซ่อนมันอีกต่อไป

 

ตูม!

 

กำลังภายในก่อกำเนิดกระแสอากาศหมุนวนรอบกายฉินเฟิง สร้างกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัว กวาดสวนออกไปทานรับการโจมตีจากฝูงชน

 

กำลังภายในของคู่ต่อสู้ ไม่เข้มข้นเท่ากับของฉินเฟิง ดังนั้นภายใต้การห้ำหั่นระหว่างสองกำลังภายใน จึงเป็นฝ่ายเปิดฉากที่แพ้พ่าย ถูกกำลังภายในของฉินเฟิงกวาดม้วนออกไป

 

“อ๊าาาา!”

 

ทั้งห้าคนส่งเสียงร้องตกใจ เมื่อตั้งสติได้ก็พยายามปลดปล่อยกำลังภายในอย่างสุดความสามารถเพื่อต้านทานการโจมตีของฉินเฟิง

 

บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นบิดเบี้ยว ผู้ใช้พลังเลเวล C ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ใบหน้าของทุกคนกลายซีดขาว

 

ทั้งๆที่อยู่ห่างขนาดนี้ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันคลุ้มคลั่งรุนแรง นั่นเพียงพอแล้วที่จะใช้จินตนาการถึงความน่ากลัวของการต่อสู้ตรงหน้า

 

สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉย ไม่แสดงออกถึงห้วงอารมณ์ใด อย่างไรก็ตามด้วยพลังงานที่บิดเบี้ยวอยู่ในชั้นอากาศ ประกอบกับเสียงกรีดร้องของทั้งห้าก่อนหน้านี้ ส่งผลให้สายตาของผู้คนมองเห็นว่าฉินเฟิงตัวสูงขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

 

เลเวล B ทั้งหมดแสดงออกชัดถึงความโกรธ หากแต่ใบหน้าของพวกเขาทุกคนแดงก่ำ จำต้องย่ำเท้าอย่างแรงลงกับพื้น ใช้ออกด้วยกำลังภายในเข้าต่อต้าน เพื่อไม่ให้เสียหลัก

 

ทว่าในระหว่างที่กำลังภายในกำลังถูกสูบออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดหนึ่งในนั้นก็ไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป

 

“ว๊ากกกก”

 

ชายคนนั้นร้องอุทาน ร่างกายของเขามิอาจควบคุมได้ดั่งใจนึกอีกต่อไป ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากทักษะลับกลืนดารา ถูกดูดเข้าหาฉินเฟิง

 

คนผู้นั้นตื่นตระหนกสุดแสน สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย ในจังหวะนั้นตัดสินใจล้มเลิกขัดขืน อัดฉีดกำลังภายในลงมายังสองเท้า ใช้ความเร็วของตนผสานกับอำนาจดึงดูดของกลืนดารา ทุ่มโจมตีฉินเฟิง

 

“ไปลงนรกซะ!”

 

ชายคนนั้นคำรามด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าในการโจมตีนี้ เจตนาถึงขั้นต้องการสังหารถึงตาย

 

ฉินเฟิงวาดมือไปทางผู้มาเยือน อัดฉีดกำลังภายในตามลงไป

 

กำลังภายในที่เคลือบอยู่บนอาวุธคู่ต่อสู้สลายเป็นควันในพริบตาเดียว

 

และฉินเฟิงยังใช้มือเดิม คว้าจับอาวุธศัตรูเอาไว้

 

อาวุธชิ้นนี้เปล่งประกายแสงสีทอง เห็นได้ชัดว่ามันถูกผลิตขึ้นจากวัตถุดิบระดับจักรพรรดิ เป็นของราคาแพง แต่จากลักษณะของมัน ดูเหมือนจะเป็นแค่อาวุธระดับจักรพรรดิเลเวล C เท่านั้น

 

ฉินเฟิงแน่นอนย่อมไม่คว้าจับอาวุธศัตรูด้วยมือเปล่า เพราะสิ่งที่เขาสวมอยู่ในมือ เป็นถุงมือของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์!

 

ทันใดนั้นเอง มือของฉินเฟิงพลันระเบิดออกด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น แทรกซึมลงบนอาวุธสีทองเล่มนั้น

 

เปรี๊ยะ!

 

บังเกิดรอยปริร้าวขึ้นอย่างกะทันหัน ในดวงตาของอีกฝ่ายสะท้อนถึงความตกตะลึง ฉินเฟิงบดขยี้อาวุธชิ้นนี้ในคราวเดียว จากนั้นใช้มือข้างเดิม ตบฟาดเข้าที่หัวไหล่ศัตรู

 

ตูม!

 

แต่เลี่ยงไม่ให้โดนจุดสำคัญ ครั้งนี้ถือว่าฉินเฟิงได้ยั้งมือเอาไว้แล้ว ขณะเดียวกันอีกฝ่ายแม้สวมใส่เกราะใน แต่เมื่อต้องเผชิญกับพละกำลังมหาศาล ยังคงถูกส่งตัวลอยไปในอากาศ

 

พรวดดด!

 

ระหว่างปลิวอยู่กลางอากาศ ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B กระอักเลือดคำโต พ่นออกเป็นทางยาว

 

คนอื่นๆกำลังดิ้นรนแข็งขืนอย่างหนัก แต่หลังจากเห็นคนแรกหน้าคว่ำลงกับพื้น พวกเขาคล้ายเผลอจินตนาการว่าเป็นตน เจตนาสังหารฉินเฟิงอ่อนโทรมลงหลายส่วน

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขายังไม่ทันเข้าถึงตัวฉินเฟิงเลย สหายคนแรกก็ถูกตี ปลิวสิ้นท่าไปเรียบร้อย

 

ในเวลานี้ สีหน้าของทั้งสี่กลายเป็นไม่น่าดู

 

กระทั่งในจิตใจ ทั้งสี่ที่เหลือยังเกิดความคิดในทำนองเดียวกันว่า ‘ถ้าฉันเปลี่ยนใจตอนนี้ มันยังจะทันไหม?’

 

และแน่นอนว่าไม่ทัน สายเกินไปซะแล้วฮะฮ่า!

 

ฉินเฟิงหลังตบคนแรกปลิวออกไป สายตาก็เบนกลับมามองทั้งสี่อีกครั้ง และไม่ลังเลเลยที่จะสับเปลี่ยนพลังของทักษะลับกลืนดารา

 

“ปลดปล่อยแรงผลัก!”

 

จากดึงดูดสับเปลี่ยนเป็นผลักดัน อำนาจแรงผลักปรากฏขึ้นแทนที่ ทั้งสี่ที่ไม่ทันตอบสนองสั่นสะท้านในเวลาเดียวกัน

 

ฟุฟฟฟฟฟฟ

 

ผู้คนเหลือกระอักเลือดออกมาในเวลาเดียวกัน ม้วนกลับหัวกลับหาง ปลิวออกไปไกลกว่าห้าเมตร ก่อนร่วงกระแทกลงกับพื้น กลิ้งสองตลบถึงค่อยหยุดลง

 

แต่สภาพของพวกเขาในตอนนี้น่าอนาถมาก

 

ภายในเวทีประลอง เหลือฉินเฟิงเพียงคนเดียวที่ยังยืนหยัด ส่วนคนอื่นๆนอนหมอบสิ้นท่า

 

การต่อสู้ในครั้งนี้ บอกตามตรงว่ามันน่าตกใจยิ่งกว่าในครั้งแรกเสียอีก

 

หลังจากสภาพแวดล้อมโดยรอบนิ่งงันกระทั่งเข็มตกยังได้ยินไปพักหนึ่ง ผู้คนค่อยเริ่มระเบิดเสียงฮือฮา

 

“ 3 กระบวนท่า! เขาใช้ออกแค่ 3 กระบวนท่าอีกแล้ว!”

 

“แต่คราวนี้เป็นแบบหนึ่งต่อห้า!”

 

“นี่น่ะหรือฉินเฟิง? เขาเหมาะสมแล้วกับชื่อเสียงที่ได้รับ!”

 

กลุ่มเลเวล C ต่างตื่นเต้นจนเลือดลมเดือดพล่าน ตรงกันข้ามกับกลุ่มเลเวล B

 

ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนกลับกลาย ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง มันไกลเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้มาก

 

บนจัตุรัส ฉินเฟิงกวาดสายตามองไปยังคนแรกที่กระเด็น เอ่ยปากถาม “คุณ ยังอยากจะสู้อีกไหม?”

 

“ไม่! ฉันขอยอมแพ้!” ผู้ใช้พลังเลเวล B ตอบทันควัน กำลังภายในที่ฉินเฟิงสำแดงออกมา เขาที่ปะทะตรงๆย่อมตระหนักได้โดยธรรมชาติ มันคือกำลังภายในที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B เท่านั้นถึงจะมี!

 

อีกสี่คนเมื่อได้ยินคนแรกเอ่ยปากยอมแพ้ แม้ในหัวใจของพวกเขาจะไม่ยินยอม แต่ก็เริ่มเกิดร่องรอยของความขยาดกลัว คิดล่าถอยแล้ว

 

ทั้งสี่คนนี้ พวกเขาเป็นคนมาเจรจากับฉินเฟิงในวันก่อน แล้วพวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ว่าการบังคับกดดันฉินเฟิงครั้งก่อน มันทำให้ฉินเฟิงเกิดความขุ่นเคือง

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กลัว เพราะคิดว่าต่อให้ฉินเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นแค่ลูกรักของพระเจ้าเท่านั้น

 

แค่เลเวล C คนหนึ่งเกิดความขุ่นเคือง แต่พวกเขามีกันตั้งหลายคน ถ้าร่วมมือกันจะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้เชียวหรือ?

 

หากบังเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ฉินเฟิงย่อมพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

แต่ในขณะนี้ พวกเขาได้ตระหนักแล้ว ว่าความคิดของพวกตน มันไร้เดียงสาเพียงใด

 

“พวกเราไป!”

 

หนึ่งในเลเวล B บนเวทีเอ่ยปาก หันหลังเดินจากไปทันที ไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีรั้งอยู่อีกต่อไป

 

คนอื่นๆย่อมไม่อยู่ให้ขายขี้หน้า เดินจากไปเช่นกัน

 

บนจัตุรัส เหลือฉินเฟิงเพียงลำพังที่ยังยืนอยู่

 

ฉินเฟิงกวาดมองรอบๆอีกครั้ง เปล่งเสียงผ่านกำลังภายในของเขา ให้มันกระจายไกลออกไปนับ 100 เมตร

 

“คนต่อไป!”

 

ในฝูงชนเกิดความสับสนวุ่นวาย กลุ่มเลเวล C ต่างหันไปมองบรรดาเลเวล B อย่างระมัดระวัง ขณะที่เลเวล B ที่ยังเหลืออยู่ สีหน้าแสดงออกถึงความซับซ้อนจนเห็นได้ชัด

 

คนที่เกิดความคิดเดียวกับเลเวล B ห้าคนที่ลงประลองไปเมื่อครู่ จู่ๆตอนนี้ถึงค่อยรู้สึกตัว ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายถึงขนาดนั้น

 

ฉินเฟิงเอ่ยปากว่าจะจัดประลอง แต่เขาไม่ยอมร่วมมือกับกลุ่มคนเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน ช่วงเวลานี้ คนอื่นๆเลยอดเกิดความกังวลขึ้นมาไม่ได้

 

‘ฉินเฟิงคนนี้ ครอบครองความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?’

 

‘คู่ต่อสู้คนแรกกล่าวได้ว่าอ่อนแอเกินไป ส่วนคนที่สองเขาจงใจปล่อยผ่าน พอกลุ่มที่สามบดขยี้โดยสิ้นเชิง ฉินเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?’

 

‘เป็นไปได้ไหมว่าฉินเฟิงกำลังต้องการเฟ้นหาพันธมิตรเพื่อร่วมมือ … งั้นเงื่อนไขของเขาคืออะไรกัน?’

 

‘ไม่ใช่ต้องชนะให้ได้ครบ 100 กระบวนท่า แต่ต้องทนให้ได้ครบ 100 กระบวนท่า!’

 

สีหน้าของเลเวล B กลายเป็นหมองคล้ำ

 

หากในตอนแรกกล่าวได้ว่าพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เช่นนั้นปัจจุบันสามารถกล่าวได้ว่าความมั่นใจทั้งหมด ได้ถูกความสับสนเข้ามาแทนที่

 

ฉากแห่งความเงียบงันกินเวลาผ่านไปถึงหนึ่งนาที ตอนแรกยังมีคนกระโจนลงไปทีเดียวถึงห้าคน แต่ตอนนี้กลับไม่มีใคร

 

ฉินเฟิงไม่รีบร้อนกังวล แต่บรรยากาศฝั่งเลเวล B ยิ่งนานยิ่งคุกรุ่น สุดท้าย

 

วูซซซ!

 

คนๆหนึ่งตัดสินใจกระโจนลงมายังจัตุรัส เป็นชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าและดวงตาเมตตาปราณี

 

“ผู้การฉินยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือ แต่ตัวฉันเองก็มีความสนใจในรอยแยกมิตินี้เช่นกัน ดังนั้นปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับผู้การฉิน!”

 

ชายวัยกลางคนประสานหนึ่งกำปั้นหนึ่งฝ่ามือ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ฉินเฟิงพยักหน้าให้เขา

 

“เชิญท่านผู้ใหญ่”

 

“รับมือ!”

 

เลเวล B วาดมือเข้าโจมตีทันใด ท่วงท่าการเคลื่อนไหวโฉบเฉี่ยวว่องไว ใช้ออกด้วยกลยุทธ์แข็งสามส่วน อ่อนเจ็ดส่วน เห็นได้ชัดว่าคิดหยั่งเชิงฉินเฟิง

 

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ฉินเฟิงไม่คิดปล่อยให้อีกฝ่ายได้หยั่งเชิงเขา

 

เห็นได้ชัดว่าในการประลองนัดที่สองทำให้คนเหล่านี้เกิดความคิดเข้าใจผิดขึ้น

 

ฉินเฟิงเริ่มเคลื่อนไหวบ้าง

 

เพี๊ยะ! ฟาดออกด้วยฝ่ามือ

 

ตูมมมม!

 

“จ๊ากกกก!!”

 

เพียงสามกระบวนท่า เลเวล B วัยกลางคนลอยกลับหัวกลับหาง พ่ายแพ้ไปอีกคน

 

ครั้งนี้ฉินเฟิงเองก็มิได้ยั้งมือเช่นกัน

 

พริบตาเดียว ตลอดทั้งฉากจมลงสู่ความเงียบงันอีกครั้ง