3/3

 

Ep.41 – เขาวงกตใต้เมืองเจียงเฉิง

 

ย้อนกลับมาสักเล็กน้อย 

 

ทางฝั่งหมาฮัสกี้ เมื่อได้เห็นถึงความห้าวหาญของเจ้านาย มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก 

 

หวังเอ๋อไม่ใช่เจ้าหมาขี้ขลาดอีกต่อไป มันอาสาที่จะเข้าไปตรวจสอบอันตรายเบื้องหน้าด้วยตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม อย่าได้หลงดีใจเชียวว่านี่คือมโนธรรมของหวังเอ๋อ เพราะแท้จริงแล้วอาศัยเพียงประสาทรับกลิ่นที่ทำหน้าที่เหมือนเรดาห์ของมันก็เพียงพอแล้ว ด้วยสิ่งนี้ ต่อให้เป็นสมุนไพรวิญญาณที่ซ่อนอยู่ลึกเพียงใดก็สามารถค้นพบได้

 

ยังไงก็ตาม มันยังคงเลือกที่จะอาสาเข้าไปสำรวจ และฉวยจังหวะที่เจ้านายไม่ทันสังเกต อ้าปากกลืนสมุนไพรวิญญาณลงท้องในคราวเดียว 

 

หลังจากกินสมุนไพรวิญญาณไปสองสามต้น หมาฮัสกี้ก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้น

 

ดูเหมือนว่าสมุนไพรวิญญาณจะมีส่วนช่วยเสริมกำลังให้แก่มันเล็กน้อย

 

แน่นอน ฮังอวี่ย่อมสังเกตเห็นการกระทำเล็กๆน้อยๆของหวังเอ๋อ อย่างไรก็ตาม สมุนไพรพวกนี้ล้วนเป็นเกรดต่ำ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจจะดุด่าสุนัขตัวนี้ ปล่อยเลยตามเลยไป 

 

“ฮ่ง ฮ่ง! สถานีรถไฟใต้ดินของมนุษย์นี่น่าสนุกจริงๆ”

 

“ที่นี่มีของดีอยู่เต็มไปหมดเลยฮ่ง!”

 

ฮัสกี้มีความสุขมาก มันวิ่งวนรอบตัว ฮังอวี่อย่างมีความสุข

 

ฮังอวี่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

 

นี่มันเหมือนสถานีรถไฟใต้ดินของมนุษย์ตรงไหนกัน? ภายในอุโมงค์รถไฟใต้ดินไม่มีสิ่งไหนที่สามารถเรียกว่าปกติได้เลย ไหนจะเห็ดเรืองแสง ไหนจะสมุนไพร ไหนจะหินงอกหินย้อยที่ผุดขึ้น

 

ฮังอวี่พบว่ายิ่งเขาเดินลึกเข้าไปไกล ก็ยิ่งค้นพบสิ่งอัศจรรย์มากขึ้น  

 

อุโมงค์รถไฟใต้ดินถล่มลงหลายจุดทั้งซ้ายขวา และมีถ้ำธรรมชาติหลายแห่งถูกเปิดเผยจากตำแหน่งที่ถล่มลงมา

 

แต่ละถ้ำมีเส้นทางแยกแตกแขนงออกไป แต่ดูเหมือนจะเชื่อมต่อกัน

 

และเจ้าสิ่งนี้ทำให้เส้นทางรถไฟใต้ดินยิ่งซับซ้อนมากขึ้น!

 

โลกใต้ดินของเมืองเจียงเฉิงกำลังจะเปลี่ยนไป เกิดพื้นที่ข้างใต้ เชื่อมต่อกันเป็นเขาวงกตใต้ดินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์!

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าให้พูดถึงแง่ดี มันช่วยให้การเก็บสมุนไพร เก็บแร่ธาตุ การล่าเนื้อหรือวัตถุดิบจากมอนสเตอร์สะดวกขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะสุดท้าย ทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินกระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง

 

ดังนั้น ฮังอวี่จึงคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ สถานีรถไฟใต้ดินของเมืองเจียงเฉิงอาจกลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ล่าที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับพลเมืองจำนวนมากในการได้รับวัตถุดิบ

 

ยังไงก็ตาม เขาวงกตนี้ซับซ้อนเกินไป มันจำเป็นต้องมีการสำรวจและทำแผนที่ ต้องรออีกสักพักคนทั่วไปถึงจะเข้ามาได้ อย่างตัวฮังอวี่เอง ถ้าตอนนี้เขาไม่ได้พาหมาฮัสกี้มาด้วย เกรงว่าลำพังตนคงไม่กล้าบุกมาที่นี่ 

 

ไม่ใช่แค่เรื่องเส้นทางที่ยังไม่คุ้นเท่านั้น แต่ที่นี่ยังเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ปริศนาอีกมากมาย

 

ยังไม่พอ มีอีกอย่างหนึ่งที่ฮังอวี่สังเกตได้ นั่นคือหากเดินลึกเข้าไปในถ้ำธรรมชาติเหล่านี้ โทรศัพท์มือถือจะสูญเสียสัญญาณ ทำให้ไม่สามารถโทรร้องขอความช่วยเหลือได้

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า โดยรวมแล้วสถานที่นี้นับว่ายังอันตรายอยู่

 

ในตอนนั้นเอง ฮัสกี้ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง จู่ๆขนทั้งตัวของมันลุกชัน “ฮ่ง! เจ้านาย ไม่ได้การแล้ว! ข้างหน้า … มีการต่อสู้เกิดขึ้น!”

 

ฮังอวี่มองตาม และพบว่าสถานที่ที่หวังเอ๋อบอกไม่ใช่เส้นทางอุโมงค์รถไฟใต้ดิน แต่เป็นอุโมงค์ถ้ำที่พึ่งปรากฏขึ้นใหม่จากการพังทลายของผนังอุโมงค์รถไฟ   

 

และลึกเข้าไปในถ้ำแห่งนี้ หากตั้งใจฟังดีๆจะได้ยินเสียงของการต่อสู้ มีกระทั่งเสียงปืนที่ถูกยิงผ่านท่อเก็บเสียง

 

ฮังอวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “มีใครบ้าง? จากกลิ่นอายที่นายสัมผัสได้ เกิดอะไรขึ้นข้างใน?” 

 

ฮัสกี้ทำจมูกฟุดฟิตแล้วพูดว่า “มีกลุ่มมนุษย์อยู่ น่าจะประมาณ 6-7 คน มีสองคนโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ แม้อ่อนแอกว่าเจ้านาย แต่แข็งแกร่งกว่าเจ้ามนุษย์อ้วน ส่วนคนที่เหลือสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก มีบางคนใกล้ตาย”

 

มีกลุ่มคนลงมาที่นี่? มีความกล้าไม่เลว!

 

“หวังเอ๋อ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูข้างใน นายรออยู่ที่นี่ อย่าวิ่งเล่นไปรอบๆ”

 

ฮังอวี่สวมหน้ากากโนมปล้นศพ จากนั้นเปิดใช้งานสกิลล่องหน ร่างเขาค่อยๆเลือนหายไป

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮัสกี้ได้เห็นฮังอวี่ใช้สกิลอื่นนอกเหนือจากสกิลรวบรวมวัตถุดิบ มันแสดงสีหน้าแตกตื่นตกใจออกมา 

 

ไม่คิดว่าเจ้านายจะปิดบังความสามารถของตัวเองได้ลึกถึงขั้นนี้ ปรากฏว่าตลอดมาเขายังไม่ได้สำแดงพลังอย่างเต็มที่!

 

ฮังอวี่รีบเดินผ่านเข้าไปในถ้ำ ไม่นาน พื้นที่เปิดโล่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา 

 

ขนาดของพื้นที่เปิดโล่งนี้กว้างราวๆสนามบาสเก็ตบอล ตามผนังปกคลุมไปด้วยเห็ดและตะไคร้น้ำ มีพืชหลายชนิดงอกขึ้นจากบนพื้นดิน ดูเหมือนถ้ำที่เกิดจากธรรมชาติอย่างแท้จริง

 

ขณะเดียวกัน ในสายตาของฮังอวี่ ปรากฏคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีสมาชิก 7 คน กำลังต่อสู้นองเลือดกับฝูงแกะหลายตัว

 

อานุภาพของอาวุธร้อนถูกลดประสิทธิภาพลงจนถึงขั้นที่กระทั่งแกะตัวน้อยก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้แล้วหรือ?

 

ฮังอวี่สังเกตเห็นว่าทั้งเจ็ดคนล้วนมีอาวุธปืนในมือ แต่เมื่อเข้ามาก็มีสามคนนอนแผ่อยู่บนพื้นแล้ว ใต้ตัวพวกเขาเจิ่งนอกไปด้วยเลือด ไม่ทราบเหมือนกันว่ายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว

 

สถานการณ์ของอีกสี่คนก็ใช่ว่าจะราบรื่น เวลานี้อยู่ในจุดสำคัญของการต่อสู้ดุเดือด 

 

ฮังอวี่ใช้เวลาสั้นๆสังเกตสถานการณ์ เขาพบว่าเป็นชายหญิงคู่หนึ่งที่เด่นสะดุดตากว่าใคร

 

สองคนนี้สวมเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกกันน็อคที่ปกติแล้วหนักหลายกิโล แต่กลับเคลื่อนไหวได้อย่างปราดเปรียว กวัดแกว่งมือและเท้าราวกับพวกมันไม่ใช่อุปสรรคเลย

 

ในด้านความว่องไวและปฏิกิริยาตอบสนอง คาดว่าทั้งคู่คงเป็นผู้เล่นที่มีพลังรบเลเวล 2 

 

ฝ่ายชายดูอายุไม่ถึง 30 ปี ตัดผมทรงจานบิน ตัวสูงใหญ่ สีหน้าเด็ดเดี่ยว ในมือถือไม้ยาวที่มีแสงสีเทาจางๆสะท้อนออกมา

 

อืม นั่นน่าจะเป็นอาวุธสีเทาคุณภาพกลางขึ้นไป 

 

ปัจจุบันมีผู้เล่นเลเวล 2 น้อยมากๆ ยิ่งเป็นผู้ที่สามารถครอบครองอุปกรณ์ของโลกวิญญาณยิ่งมีน้อยกว่า

 

ส่วนผู้หญิงอีกคนดูอายุน่าจะพอๆกับเขา ถ้าแก่กว่ามากสุดก็คงไม่เกิน 2 ปี เธอคนนี้สวมกางเกงหนังรัดรูป หน้าอกเต่งตึงอิ่มฟู ต้นขายาวและกระชับ รูปร่างต่อให้มองจากข้างหลังก็ยังดูดี

 

เธอมีผมสีเกาลัด ตัดสั้นประบ่า ผิวขาวใส โครงหน้าคมคาย สองคิ้วเข้มซึ่งไม่ค่อยมีให้เห็นในผู้หญิง เป็นคนสวยมาก

 

มือซ้ายเธอถือปืนพก มือขวาถือกระบี่สั้น

 

กระบี่สั้นเล่มนี้ย่อมไม่พ้นเป็นอาวุธจากโลกวิญญาณเช่นกัน 

 

“เอ๊ะ? คนสวยคนนี้เหมือนฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”

 

“ไม่ผิดแล้ว! เธอคือหนึ่งในยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในเน็ตของเมืองเจียงเฉิง!”

 

ฮังอวี่ย้อนนึกไปถึงตอนอ่านกลุ่มแชท เขาได้เปิดคลิปวิดีโอของเหล่ายอดฝีมือเน็ตไอดอลของเมืองเจียงเฉิงดู  

 

ในบรรดายอดฝีมือเหล่านั้น 7 ใน 10 คนเป็นผู้ชาย น้อยนักที่จะเป็นผู้หญิง เขาเลยจำเธอได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่สวยโดดเด่นจากในบรรดาคนทั้งหมด

 

เธอชื่ออะไรน้า … 

 

นึกออกแล้ว! ดูเหมือนว่าจะชื่อเหลียงชิว

 

ผู้ใช้พลังแช่แข็งเหลียงชิว!

 

ว่ากันว่าเธอเป็นตำรวจสาวหน่วยปราบปรามอาชญากรรม เพราะงั้นเลยมีแฟนคลับมากมาย

 

แต่น่าแปลก

 

ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วดูคนอื่นสิ ทุกคนล้วนแต่งตัวชุดทหาร หรือว่าพวกเขาทั้งหมด … จะมาจากหน่วยงานของรัฐ?

 

ฮังอวี่สังเกตและคิดตามในเวลาไม่ถึงสองวินาที  

 

แต่สถานการณ์รบใกล้ถึงจุดวิกฤตแล้ว เขาจำเป็นต้องหยุดคิด เพราะหากมัวชักช้า จะไม่มีเวลาลงมืออีกแล้ว และคนกลุ่มนี้อาจตายกันหมด

 

เอาจริงๆอาวุธปืนยังคงให้ประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม มันสามารถล้มแกะเขาดาบส่วนใหญ่ได้

 

ตอนนี้เหลือเพียงแกะเขาดาบสามตัวเท่านั้นที่ยังสู้อยู่ 

 

อย่างไรก็ตาม ตัวที่เหลือล้วนแข็งแกร่งกว่าแกะทั่วไป พวกมันคือมอนสเตอร์เลเวล 3 

และในบรรดาทั้งสามตัว มีตัวหนึ่งโดดเด่นกว่าใคร บนหัวมันมีเขาแหลมสี่ข้างดูน่าเกรงขามเป็นพิเศษ ขนของมันหนากว่าปกติ ไม่ใช่สีเทาดำ แต่เป็นสีดำล้วน 

 

เมื่อฮังอวี่สังเกตเห็นแกะตัวนี้ เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมคนกลุ่มนี้ถึงตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างหนักทั้งๆที่มีอาวุธร้อนในมือ 

 

เจ้าตัวนี้คือแกะเขาดาบขั้นบรอนซ์! เป็นมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 3 !

 

พลังรบของแกะเขาดาบขั้นบรอนซ์ ไม่อาจนำแกะเขาดาบธรรมดามาเทียบได้!

 

ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ขนแกะหนาก็เปรียบเสมือนเกราะกันกระสุน มันมีผลช่วยต่อต้านการโจมตีจากอาวุธระยะไกลเช่น ปืน ธนู และหน้าไม้ 

 

ขณะที่กระสุนจากอาวุธร้อนแม้สามารถทะลุขนแกะได้ แต่ก็ถูกลดแรงเสียดทาน ยากที่จะเจาะเข้าไปในหนังหนาของแกะเลเวล 3 ไม่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อพวกมันได้เลย 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกะเขาดาบชั้นยอดตัวนี้ 

 

แต่ถ้าให้มานั่งอธิบายมันคงสายเกินไป เพราะแกะเขาดาบชั้นยอดเริ่มลงมือแล้ว!

 

เห็นแค่เพียงมันร้องเสียงต่ำ เอากีบเท้าไถกับพื้น

 

หัวแกะไม่ขยับเขยื้อนคล้ายกำลังเล็งเป้าหมาย สุดท้ายพุ่งกระแทกออกไปด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวเข้าประชิดมนุษย์ฝ่ายตรงข้าม

 

สกิลแกะเขาดาบ — หัวแกะพุ่งชน!

 

“ระวัง!” ชายหัวจานบินหลบไม่ทัน ได้แต่ยกไม้ยกไม้ยาวขึ้นตั้งขวางด้วยสองมือ เปิดใช้งานสกิล สร้างม่านป้องกันบางอย่างขึ้นมา นี่คล้ายกับสกิลติดตัวของจ้าวหมิงเลย

 

สหายอีกคนของเขาก็เข้ามาช่วยค้ำยัน พยายามลดแรงปะทะจากศัตรู ร่วมแรงปิดกั้นการโจมตีนี้

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ประเมินความเร็วและพละกำลังของสกิลนี้ต่ำเกินไป 

 

ฝั่งตรงข้ามคือมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 3 ขณะที่พวกเขาเป็นเพียงนักรบเลเวล 2 แล้วจะต้านทานมันได้อย่างไร?

 

ดั่งถูกรถบรรทุกที่พุ่งมาด้วยความเร็ว 120 ไมล์ต่อชั่วโมงชนเข้าอย่างจัง ภายใต้เสียงกระดูกแตกหัก ชายสองคนกระเด็นปลิวออกไปหลายเมตรพร้อมกัน

 

นักรบอีกคนที่เข้ามาช่วยเข้ายันเหมือนจะอ่อนแอกว่า ไม่น่ารอดชีวิตจากการโจมตีนี้ 

 

เหลียงชิวกรีดร้องเสียงดัง “พี่ชาย! ”

 

ชายหัวจานบินกระอักเลือดจากปากและจมูกของเขา ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส จะลุกขึ้นยืนยังทำไม่ได้

 

เมื่อเห็นว่าแกะเขาดาบเตรียมโจมตีครั้งต่อไป เขาอาเจียนเลือดในปาก ร้องตะโกนว่า “มอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป พวกเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ … รีบหนีไป!”

 

“ทิ้งฉันไว้แล้วหนีไปซะ นี่คือคำสั่ง!”