1/3
Ep.348 – ราชาปีศาจโลกันตร์
แม่มดซัคคิวบัสและมือกระบี่ดาร์คเอลฟ์ฮังอวี่เคยเจอแล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่พวกมันจะปรากฏตัวที่นี่
ร่างส่วนใหญ่ในที่นี้มีแต่พวกโครงกระดูกไม่ก็ซอมบี้ชั้นยอด ซึ่งเป็นทหารของเผ่าพันธุ์อันเดธไม่ก็มอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมา ถึงแม้พวกมันจะมีเลเวลสูง แต่ก็ไม่มากพอที่จะ เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต
ก็ตามอย่างไรก็ตามมี 2 คนที่โดดเด่นในหมู่พวกมัน
เห็นได้ชัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์ระดับสูง
ตัวหนึ่งเป็นโทรลล์ระดับสูงที่มีผิวสีเขียวเข้ม ดูแข็งแรงและดุร้าย และอีกตัวเป็นวิญญาณจำแลระดับสูงที่สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำ ล่องลอยอยู่ในอากาศราวกับไร้น้ำหนัก
หากแค่ซัคคิวบัสระดับสูงและดาร์คเอลฟ์ระดับสูง ทั้งสี่คนยังพอสู้ไหว ฮังอวี่สามารถเรียกมดยักษ์กับเจ้าหมามาช่วยได้
แต่ด้วยการปรากฏตัวของโทรลล์กับวิญญาณจำแลงระดับสูงสถานการณ์จึงซับซ้อนมากขึ้น
โทรลล์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยมที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดสูง พวกมันถนัดในการเล่นแร่แปรธาตุ และนักเล่นแร่แปรธาตุโทรลล์เป็นที่รู้จักกันดีในโลกวิญญาณ อีกด้านหนึ่ง วิญญาณจำแลงเป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดในด้านทนทานต่อความเสียหายทางกายภาพ เว้นแต่พลังรบระหว่าง 2 จะไ่างชั้นกันมาก มิฉะนั้นอาชีพสายนักรบอย่าหวังว่าจะทำร้ายมันได้
ฮังอวี่แหงนมองดูแท่นบูชาอีกครั้ง
กลิ่นกำมะถันกำมะถันรุนแรงแผ่ออกมาจากรอยแยกมิติ
มันให้ความรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ในปล่องภูเขาไฟ กำลังเผชิญกับความร้อนและลาวาใกล้ปะทุ
ตัดสินจากกลิ่นอาย มันไม่ยากเลยที่จะระบุว่ามีสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงที่พร้อมจะโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อ
หวังจุนเหวินรวมถึงมนุษย์คนอื่นๆเห็นได้ชัดว่าไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับแท่นบูชาและกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากแท่นบูชาอย่างต่อเนื่อง จึงเริ่มเกิดอาการตื่นตระหนก เหลียวมองหน้ากัน และฮังอวี่ก็ฉวยโอกาสนี้สบตากับฉูเทียนหัว
“ห้ามทำตัวสงบ ให้แสดงท่าทีเหมือนกับคนอื่นๆ”
ฉูเทียนหัวได้รับคำเตือนจากฮังอวี่ เขาพยักหน้าให้อีกสองคน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองก็ตระหนักดีถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ซัคคิวบัสและดาร์คเอลฟ์ที่หนีไปพบผู้ช่วยสองคนจากที่ไหนก็ไม่รู้ พวกเขาประมาทไปจริงๆ
ถึงแม้ทั้งสี่จะไม่ได้มามือเปล่า พกคัมภีร์สกิลและโพชั่นพิเศษติดตัวมาเป็นจำนวนมาก หากตามแผนเดิมที่วางไว้คือสี่ต่อสองมันก็ไม่เป็นไร แต่โอกาสที่จะชนะแบบสี่ต่อสี่นั่นมีน้อยมาก
มือกระบี่ดาร์คเอลฟ์ได้ทิ้งภาพจำแก่ทุกคนในครั้งก่อนที่สู้กัน
ตอนนี้ผ่านมาหลายวันแล้ว พลังรบของมันย่อมฟื้นตัวขึ้น หากสู้กันตอนนี้ มันต้องแกร่งกว่าเดิมแน่ๆ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่ายังมีมอนสเตอร์ชั้นยอดอีกสิบกว่าตัวที่ดูไม่อ่อนแอ เช่นเดียวกับหวังจุนเหวินรวมถึงพวกทรยศ พลังรบโดยรวมของศัตรูน่าหนักใจมาก
และที่สำคัญที่สุด กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากรอยแยกมิตินั้นน่าหวาดกลัวเกินไป!
กระทั่งเจ้าหมาที่มีความสามารถในการตรวจสอบ
ยังไม่สามารถระบุความแข็งแกร่งของมันได้
ดวงตาของหวังจุนเหวินลุกโชนด้วยเปลวไฟอันร้อนแรง
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในที่แห่งนี้ แต่หวังจุนเหวินทราบว่าตัวตนอันสูงส่งของสมาคมฤาษีลี้ลับกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า และเขาจะกอบโกยผลประโยชน์จากมันได้มหาศาลในฐานะผู้ติดตามของสมาคมฤาษีลี้ลับ และสุดท้ายสมาคมฤาษีลี้ลับจะสามารถครองเจียงเฉิงหรือกระทั่งโลกใบนี้
“นายท่าน ผู้น้อยได้พาคนมาตามที่ท่านสั่งแล้ว”
หวังจุนเหวินเดินมาพร้อมกับคนทั้งแปด ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนน้อม
แม่มดซัคคิวบัสกวาดสายตามองคนหลายคนและพูดเป็นภาษาจีนค่อนข้างคล่องแคล่วว่า “ช่วงหลายวันมานี้เจ้าทำได้ดีมาก”
หวังจุนเหวินเผยสีหน้าดีใจ
เขาก้มศีรษะลงต่ำลงไปอีก “เป็นเกียรติของผู้น้อยที่ได้รับใช้ผู้ทรงอำนาจแห่งสมาคมฤาษีลี้ลับ แต่ผู้น้อยขอถามหน่อยว่านี่คือ …… ”
“พิธีกรรมของพวกเราใกล้ลุล่วงแล้ว” ซัคคิวบัสแสดงท่าทางภาคภูมิใจ “คราวนี้เราจะอัญเชิญราชาปีศาจโลกันตร์ หนึ่งในสี่ราชาปีศาจแห่งสมาคมฤาษีลี้ลับ มนุษย์ทุกคนในเมืองนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวก”
หัวใจของฮังอวี่กระตุกวูบพอได้ยินเรื่องนี้
ราชาปีศาจโลกันตร์?
หรือว่ามันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับราชันย์?
อย่างน้อยก็ฟังดูเหมือนเป็นตัวตนระดับเดียวกับจ้าวปกครองอาณาจักรมังกรโลกา -ราชามังกรคลั่งเฮสการ์!
สมาคมฤาษีลี้ลับมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งถึงขนาดนี้เชียว? พวกมันมีตัวตนระดับราชันย์อยู่มากกว่าหนึ่งตน? ตัดสินจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาของอีกฝ่ายแล้ว ต่อให้เจ้าหมอนี่ไม่ยังไม่ถึงระดับราชันย์เต็มขั้น แต่อย่างน้อยน่าจะอยู่ในระดับจุดสูงสุดของระดับทรราชย์ อีกเพียงครึ่งก้าวคงเข้าสู่ระดับราชันย์
แข็งแกร่งมาก!
สำหรับมนุษย์
นี่คือตัวตนไร้เทียมทานที่ไม่อาจเอาชนะ!
การมาเยือนของราชาปีศาจโลกันตร์ย่อมก่อให้เกิดพายุนองเลือดในเจียงเฉิงอย่างแน่นอน
ซัคคิวบัสกล่าวว่า “รอยแยกนี้เสถียรแล้ว แท่นบูชาและพิธีของเราก็พร้อมแล้ว เหลือแค่เครื่องสังเวยทั้งแปดที่เจ้านำมา”
อะไรนะ?
เครื่องสังเวย?
ซัคคิวบัสดูเหมือนจะไม่มีเจตนาที่จะปิดบัง
ดังนั้นหวังจุนเหวินและอีกแปดคนที่ได้ยินคำนี้
ทั้งหมดเริ่มตื่นตระหนกทันที และเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ฮังอวี่จึงแกล้งหวาดกลัวเช่นกัน เขาร่ำร้องออกมาให้เหมือนกับบุคลิกของตน “เจ้านาย ตอนเรียกพวกเรามาคุณไม่ได้พูดแบบนี้ สถานการณ์นี่มันอะไรกัน!”
หวังจุนเหวินก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงกล่าวว่า “นายท่าน คนเหล่านี้เป็นคนสำคัญของผู้น้อย เกรงว่า ……”
ซัคคิวบัสเยาะเย้ย “ขอแค่ชีวิตลูกน้องเจ้าไม่กี่คนจะไม่ได้เชียวหรือ?”
ใบหน้าของหวังจุนเหวินแสดงท่าทางลังเล
ซัคคิวบัสกล่าวว่า “หลังจบเรื่องแล้ว พวกเราจะขอท่านราชาปีศาจโลกันตร์แต่งตั้งเจ้าให้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของสมาคมฤาษีลี้ลับ”
เมื่อหวังจุนเหวินได้ยินคำเหล่านี้ ความลังเลทั้งหมดของเขาได้หายไปทันที
จริงด้วยสิ ฉันถลำลึกมาถึงขั้นนี้แล้ว สกายเน็ตและคนทั่วทั้งเจียงเฉิงต่างจ้องจะจับฉัน ตอนนี้ต่อให้เป็นคนดีไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้ มีแต่ต้องพึ่งพาพวกนายท่านเท่านั้น!
เขากระจ่างแก่ใจดี
สมาคมฤาษีลี้ลับมีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น
พวกเขาต้องการปกครองเจียงเฉิงและปกครองเผ่าพันธุ์มนุษย์
และเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อบรรลุเรื่องนั้น พวกเขาจำเป็นต้องมีคนอย่างตัวเอง
เพราะงั้นหวังจุนเหวินปลอดภัยแน่นอน ส่วนลูกน้องไม่กี่คนที่อ่อนแอ ถ้าจำเป็นต้องเสียสละก็ต้องยอม ลูกน้องแค่แปดคนแลกกับการได้เข้าร่วมสมาคมฤาษีลี้ลับ มูลค่ามันเทียบกันไม่ได้เลย
“ได้!” หวังจุนเหวินหันกลับมามองทั้งแปด “ทำตามที่นายท่านบอก ถ้าใครกล้าขัดขืนล่ะก็ … ฮึ่ม! อย่าลืมนะว่าพวกนายยังมีครอบครัวอยู่ในเจียงเฉิง!”
“หวังจุนเหวิน ไอ้สารเลว! แกต้องไม่ตายดี!”
หวังจุนเหวินไม่ได้ใส่ใจกับคำสาปแช่งด่าทอ
หากเขามีจิตใจดีและอ่อนโยน หากเขามีเจตนาดี เขาจะทรยศต่อเจียงเฉิง ทรยศต่อมนุษยชาติได้อย่างไร? ในเมื่อกระทั่งเจียงเฉิงและเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังทรยศได้ กับการแค่ละทิ้งลูกน้องไม่กี่คนนับเป็นสิ่งใด? ตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ผู้ที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่น่ะมักไม่ยึดติดกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ
ดาร์คเอลฟ์พูดลับหลังอย่างดูถูก “มนุษย์ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่แย่จริงๆ”
โทรลล์ยังพูดขึ้นว่า “แต่ศักยภาพของเผ่าพันธุ์นี้สูงมาก ถ้าพวกเราสามารถควบคุมพวกมันก่อนที่จะเติบโตได้ เรื่องที่จะขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัวแห่งโลกวิญญาณก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป! ”
วิญญาณจำแลงไม่ได้พูดอะไร มันโบกแขนเสื้อ สร้าวงกลมแสงสีดำปรากฏขึ้นเหนือหัวคนทั้งแปด นี่คือสกิลขั้น 3 ประเภทผูกมัด จากนั้นสั่งการซอมบี้โครงกระดูกที่อยู่รอบๆ พาตัวมนุษย์ทั้งแปดไปยังหน้าแท่นบูชา
ดาร์คเอลฟ์ ซัคคิวบัส โทรลล์ และวิญญาณจำแลงเข้าประจำตำแหน่ง
พวกมันมาถึงมุมทั้งสี่ของแท่นบูชา หยิบคัมภีร์และนำเครื่องสังเวยอื่นๆออกมา จากนั้นเปิดใช้งานค่ายกล พลังงานอันปั่นป่วนกระเพื่อมในอากาศ ทั่วทั้งพื้นที่เริ่มทอแสง เกิดเสียงดังกังวาน
ราวกับจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ใบหน้าของฉูเทียนหัวดูน่าเกลียด “พิธีเริ่มแล้ว พวกเราจะเอายังไงกันต่อดี?”
สกิลผูกมัดขั้น 3 นี้ไม่อ่อนแอก็จริง แต่เนื่องจากมันเป็นสกิลหมู่ พลังในการผูกมัดรายคนจึงไม่แข็งแกร่งนัก ด้วยความสามารถของ ฮังอวี่ ฉูเทียนหัว ย่อมมีวิธีหลุดพ้น
แต่ปัญหาคือ
จะทำอย่างไรหลังจากหลุดพ้น?
ระหว่างดิ้นหลุด พวกเขาจะถูกโจมตีโดยเหล่าอันเดธนับสิบ!
และต่อให้หลุดพ้น ก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะชาวโลกวิญญาณทั้งสี่ได้ นี่ยังไม่นับรวมราชาปีศาจโลกันตร์ผู้น่าสะพรึงที่กำลังสอดส่องสถานการณ์อยู่ในรอยแยกเหนือแท่นบูชาอีกนะ
ขุมพลังแห่งโลกแห่งวิญญาณที่ทรงพลังแห่งนี้
แค่ลงมือครั้งเดียวก็มากพอที่จะทำลายล้างแล้ว
นี่คือภัยคุกคามใหญ่ที่ไม่อาจละเลยได้!
“ชาวโลกวิญญาณพวกนี้ประมาทเกินไป พวกมันไม่คิดเลยสักนิดว่าพวกเราจะมีโพชั่นคนสองหน้า”
ฮังอวี่สังเกตดูแท่นบูชากับค่ายกล เขาไม่คาดหวังว่าสมาคมฤาษีลี้ลับจะมีความสามารถขนาดนี้ สามารถเข้าใจวิธีการขยายกำแพงอุปสรรค และอัญเชิญผู้แข็งแกร่งเข้ามาได้ก่อนเวลาอันควร และเกรงว่าองค์กรของพวกมันน่าจะไม่ได้มีแค่ 4 ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ แต่สมควรมีตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ “อย่าพึ่งตื่นตูม รอโอกาสเหมาะก่อน”
ตราบใดที่พิธีดำเนินไปครึ่งทาง
เมื่อถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ฮังอวี่จะทำลายเครื่องสังเวยและค่ายกล
จากนั้นชาวโลกวิญญาณทั้งสี่ก็จะมีโอกาสถูกพลังตีย้อนกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ด้านราชาปีศาจโลกันตร์ที่ข้ามมิติมาครึ่งทางก็จะถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหันเช่นกัน ความปั่นป่วนวุ่นวายในรอยแยกมิติมากพอที่จะฉีกร่างมันออกจากกัน
ถ้าทำสำเร็จ มันจะไม่ใช่แค่การป้องกันไม่ให้เจ้าสิ่งนี้ข้ามมิติเข้ามาได้ แต่ยังมีโอกาสกระทั่งสังหารตัวตนระดับราชันย์!
กระนั้น
มันไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องกะจังหวะดีๆ อาจกล่าวได้ว่าเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
ตอนนี้ สิ่งที่ฮังอวี่ต้องทำคือพยายามสงบสติอารมณ์และรอโอกาสที่จะมาถึง