1/2

 

Ep.258 – ดวลกับลิซ

 

ในเมืองเจียงเฉิง

 

ณ สวนทะเลสาบตะวันออก

 

เดิมที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม

 

แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของมอนสเตอร์ดุร้าย มันจึงค่อยๆถูกทิ้งร้างไป ตอนนี้รกทึบด้วยวัชพืชและต้นไม้ยักษ์ ตั้งตระหง่านเหมือนกับฉากในป่าดึกดำบรรพ์

 

และลึกเข้าไปใน ‘ป่าดึกดำบรรพ์’ มีอาคารหลังใหญ่ตั้งอยู่

 

อาคารหลังนี้เคยเป็นร้านน้ำชาในเครือหยุนหลงกรุ๊ป แต่ตอนนี้อยู่ในสภาพทรุโทรม คล้ายเป็นบ้านผีสิง

 

ฮัสกี้ก้มหน้าทำจมูกฟุดฟิดดมตามพื้น “ฮ่ง เจ้านาย มันอยู่ข้างในนั้น”

 

“นายแน่ใจนะว่ามันอยู่ที่นี่” ฮังอวี่เหลือบมองอาคารร้านน้ำชาที่ทรุดโทรม ซึ่งราวกับจะถูกทิ้งร้างมาเป็น 20 ปี ก่อนหันมาพยักหน้าให้กับสาวงามทั้งสอง “เข้าไปกันเถอะ”

 

“ถ้าพวกเรามั่นใจว่าลิซอยู่ที่นี่จริงๆ งั้นขอกำลังสนับสนุนกันดีกว่าไหม ฉันคิดว่าคนของสกายเน็ตน่าจะยินดีจัดการกับปัญหานี้” ซูหยุนปิงเสนอความคิดของตัวเอง “ฉันรู้ นายมั่นใจแต่จะดีกว่าถ้าพยายามเลี่ยงไม่เจอความเสี่ยง”

 

“อาจารย์ซู สกายเน็ตต้องคอยรักษาความปลอดภัยในเมือง แค่นี้พวกเขาก็มีงานยุ่งมากพอแล้ว ” ฮังอวี่ทำท่าทีเหมือนพลเมืองดีมีคุณธรรมสูงส่ง “ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้พวกเราจะไปรบกวนเขาได้อย่างไร!”

 

เรื่องเล็กน้อย?

 

นี่ใช่เรื่องเล็กน้อยหรือ?

 

ซูหยุนปิงไม่เชื่อว่า ฮังอวี่เป็นพลเมืองดีมีคุณธรรมสูงส่ง

 

จากความเข้าใจที่เธอมี บุคคลผู้นี้ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ได้รับผลกำไร หากไม่ได้ประโยชน์ เกรงว่าเขาคงรายงานเรื่องนี้แก่ทางสกายเน็ตไปแล้ว สาเหตุที่บุกมาด้วยตัวเองคราวนี้ เป็นไปได้มากว่ามาเพราะกล่องวิญญาณอะไรนั่น

 

“เจ้าหมา”

 

“ล้อมสถานที่นี้เอาไว้”

 

หมาหวังเอ๋อปล่อยร่างแยกออกมา แต่ละตัวนำฝูงหมาป่าโลกวิญญาณเลเวล 3 4 กระจายกันออกไป ล้อมสถานที่นี้เอาไว้ในระยะไกล ไม่ปล่อยให้คนนอกเข้ามาในร้านน้ำชา

 

ฮังอวี่บุกเข้าไปดื้อๆไม่คิดหลบซ่อน

 

เพราะเขาเห็นแล้วว่าใกล้กับโรงน้ำชามีมอนสเตอร์นกที่คล้ายกับอีกาเกาะอยู่หลายตัว

 

นั่นไม่ใช่มอนสเตอร์จากโลกวิญญาณ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้เช่นกัน

 

แต่อันที่จริงแล้ว พวกมันคือดวงตาของลิซ และทุกตัวต่างมองมาทางฮังอวี่ ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาที่นี่

 

และเป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ

 

เมื่อฮังอวี่เดินเข้าไปใจกลางร้านน้ำชา

 

ร่างในชุดคลุมสีเทา ผมสีเงินเต็มตัว และผ้าคลุมสีดำกำลังนั่งรออยู่ที่นี่ สถานที่แห่งนี้คือรังของลิซ ตั้งแต่ศัตรูบุกมาถึงหน้าประตู มันก็เฝ้ารอไม่มีท่าทีที่จะหลบหนีใดๆ

 

“เจ้าหาที่นี่เจอจริงๆ”

 

ลิซจ้องมองมายังคนสามคนและหนึ่งสุนัข

 

เสียงแหบห้าวของมันแฝงไว้ด้วยความสับสนและประหลาดใจ

 

สถานที่แห่งนี้สมควรมิดชิด อีกทั้งมันยังหลบซ่อนตัวอย่างดี แล้วอีกฝ่ายหาเจอได้อย่างไร?

 

นี่ไม่ใช่ว่าลิซไม่คิดเก็บร่องรอยและกลิ่นอายทั้งหมดของตัวเอง แต่เป็นเพราะมันไม่มีเวลาทำอย่างนั้น การต่อสู้พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ฮังอวี่ก็พาคนบุกมาถึงหน้าประตู

 

มันไม่คาดหวังเลยว่ามนุษย์จะบุกมาเอาคืนเร็วขนาดนี้

 

ประมาทเกินไป!

 

“ถ้าฉันเป็นแก ตอนนี้ฉันจะเลือกรีบให้เร็วที่สุด”

 

น้ำเสียงฮังอวี่ฟังดูผ่อนคลายมาก คล้ายกำลังทักทายเพื่อนที่มาดื่มชา

 

เขาโบกมือขวา หอกยาวอันประณีตปรากฏขึ้น และตรงปลายหอกทอประกายกระแสไฟฟ้าจางๆ

 

ซูหยุนปิงเดินตามหลังฮังอวี่มาติดๆ ต้องขอบอกว่าตามปกติแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญมาก เพียงแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยากเกินจะรับมือจริงๆ จึงไม่สามารถผ่อนคลายได้เหมือนกับฮังอวี่

 

“เมื่อวานที่พ่ายแพ้ในดินแดนของเจ้า ต้องขอบอกว่าข้าหวาดกลัวจริงๆ แต่ที่นี่คือถิ่นข้า ทำไมข้าต้องหนีด้วย? ”

 

“เจ้าไม่มั่นใจเกินไปหน่อยหรือ? แค่สองคนกับหนึ่งภูติมายา แค่นี้คิดว่าจะกำจัดข้าได้?”

 

“กิ๊ กิ กิ เจ้าจะต้องตายเพราะความโอหังและอวดดีในครั้งนี้”

 

ลิซหัวเราะเสียงแหบแห้ง

 

นี่สุนัขถูกเมินงั้นหรือ?

 

เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังเอ๋อ

 

คิ้วของซูหยุนปิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เธอไม่อาจทำใจให้สงบได้ เตรียมปลดปล่อยสกิลของตัวเอง

 

ส่วนเสี่ยวไป๋ไม่หวาดกลัวสักนิด เพียงจ้องมองลิซด้วยดวงตากลมโต ปีกผีเสื้อโปร่งแสงคู่หนึ่งกางออกจากด้านหลัง … สิ่งที่เป็นภัยร้ายต่อพี่ชาย เสี่ยวไป๋จะกำจัดมันให้หมด!

 

“ถิ่นของแก? เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า?!” ฮังอวี่ไม่พอใจมากกับคำที่ลิซพูดไว้ “ทั้งเมืองเจียงเฉิงคือถิ่นของมนุษย์ แกก็แค่แอบลอบเข้ามา กล้าดียังไงมาพูดว่าเป็นที่ของตัวเอง!”

 

ลิซเอ่ยอย่างอย่างใจเย็น “ในสายตาข้า มนุษย์นั้นแสนอ่อนแอ ต่อให้ไม่พอใจก็ทำอะไรข้าไม่ได้”

 

ฮังอวี่ ซูหยุนปิงพอได้ยินคำนี้

 

ประกายแปลกๆวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของทั้งสอง

 

ลิซตัวนี้ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป

 

ตอนแรกฮังอวี่คาดการณ์ว่าลิซคงตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเสี่ยวไป๋ ที่บังเอิญไปเจอรอยแยกมิติเข้าแล้วหลุดเข้ามาในโลกจริงโดยไม่ตั้งใจ

 

แต่ตอนนี้พอฟังจากน้ำเสียงและทัศนคติของลิซ

 

ดูหเมือนว่ามันจะเป็นฝ่ายตัดสินใจเข้ามาในโลกมนุษย์ด้วยตัวเองซะมากกว่า

 

ลิซไม่เปิดโอกาสให้ ฮังอวี่สนทนาใดๆอีก

 

มนุษย์พวกนี้ต้องตาย!

 

มันต้องการฆ่าพวกเขาให้เร็วที่สุด จากนั้นถ่ายโอนวัสดุที่นี่ แล้วค้นหาที่อยู่ใหม่ กลบกลิ่นอายทั้งหมดเพื่อไม่ให้ถูกติดตามตัวอีก

 

เสียงร่ายมนต์ดังขึ้น

 

หวังเอ๋อร้องเตือนทันที “ฮ่ง เจ้านาย ระวังข้างล่าง มีอะไรบางอย่างกำลังถูกปลุกขึ้นมา!”

 

ไม่จำเป็นต้องให้หวังเอ๋อบอก

 

เพราะฮังอวี่ เสี่ยวไป๋ ซูหยุนปิง ทุกคนต่างสังเกตเห็นมัน

 

เห็นแค่เพียงโครงกระดูกนักเวทย์ที่มีดวงตาลุกวาวด้วยก้อนเปลวเพลิงอันเร่าร้อน ทั้งตัวมันปราศจากอุปกรณ์สวมใส่ใดๆ มีเพียงไม้เท้าเรียบๆในมือ ผุดขึ้นมาจากใจกลางร้านน้ำชา

 

“อัญเชิญมอนสเตอร์?”

 

“แถมยังมีจำนวนมาก!”

 

ซูหยุนปิงตื่นตกใจกับภาพตรงหน้า

 

ลิซตนนี้เชี่ยวชาญทั้งมรดกขั้น 2 และขั้น 3 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมรดกที่ขั้นต่อไปของคนเฝ้าสุสานที่เธอมี

 

อย่างไรก็ตาม

 

ดูเหมือนว่าพลังรบของลิซจะเหนือกว่าที่คาดไว้

 

เพราะแม้โครงกระดูกนักเวทย์เหล่านี้จะดูไม่แข็งแกร่งนัก อยู่แค่ในระดับสามัญเลเวล 7 8 ทั้งสิ้น แต่กลับมีจำนวนมากถึง 18 ตัว!

 

มอนสเตอร์ระดับสามัญ 18 ตัวมิใช่ภัยคุกคามเล็กน้อย!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมอนสเตอร์ทั้งหมดเป็นสายเวทย์

 

นี่ไม่ใช่ภัยคุกคามธรรมดา แต่เป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่!

 

เนื่องจากพลังโจมตีของมอนสเตอร์นักเวทย์นั้นสูงมาก และหากถูกทั้ง 18 ตัวระดมยิงพร้อมกัน ฮังอวี่ก็มีโอกาสโดนสังหารได้ในวินาทีเดียว พลังรบของมันไม่ควรมองข้าม

ฮังอวี่เอ่ยปาก

 

“นั่นไม่ใช่มอนสเตอร์อัญเชิญ”

 

“แต่พวกมันเป็นโครงกระดูกที่ทำจากวัสดุล้ำค่า”

 

“นอกจากมรดกอย่าง ‘คนเฝ้าสุสาน’ ที่เป็นสกิลขั้น 1 แล้ว เจ้าหมอนี่ยังมีสกิลมรดกขั้นต่อไปอย่าง ‘คนเก็บศพ’ อีกด้วย”

 

“ถ้าสกิลของคนเฝ้าสุสานคือการอัญเชิญมอนสเตอร์ประเภทอันเดธจำนวนมาก สกิลขั้นต่อไปของคนเก็บศพก็คือการสร้างมอนสเตอร์ประเภทอันเดธได้เป็นจำนวนมาก”

 

โครงกระดูกนักเวทย์เหล่านี้ไม่ใช่มอนสเตอร์ที่เกิดจากการอัญเชิญ

 

แต่พวกมันทั้งหมดถูกสร้างขึ้นและเก็บไว้ที่นี่

 

ลิซเพียงปลุกพวกมันให้ตื่นขึ้นเท่านั้น

 

ระหว่างฮังอวี่อธิบาย ลิซเปิดใช้งานสกิลอื่น วงเวทย์อัญเชิญปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามัน โครงกระดูกชั้นยอดขั้นโกลด์สามตัวถูกเรียกออกมา

 

ด้วยประการฉะนี้

 

จะเท่ากับว่ามีมอนสเตอร์โครงกระดูกอยู่เบื้องหน้ามากกว่า 20 ตัว

 

พลังรบพวกมันทั้งหมดมีเลเวล 7 8 มี 18 ตัวเป็นสายเวทย์ อีก 3 ตัวเป็นสายโจมตีประชิดชั้นยอดขั้นโกลด์ บวกกับลิซซึ่งเป็นระดับเจ้าถิ่นที่ครอบครองอย่างน้อยสิบสกิล

 

สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับมือได้อย่างแน่นอน!

 

อย่างน้อยที่สุดต้องใช้พลรบสกายเน็ตราวๆ 200 คนขึ้นไปถึงจะสู้ได้

 

เหตุผลที่ลิซไม่ตัดสินใจหนี ครึ่งหนึ่งเพราะมันมั่นใจในพวกโครงกระดูกนักเวทย์ที่ตนเองสร้างขึ้น ส่วนอีกครึ่งคือที่นี่ไม่มีต้นไม้วิญญาณชั้นยอดขั้นโกลด์เลเวล 8

 

พลังรบโดยรวมของทั้งสองฝ่ายจึงสลับด้านกันกับในคราวที่แล้ว

 

ดังนั้นยังมีอะไรต้องกลัวอีก?

 

ลิซโบกไม้เท้าในมือ

 

โครงกระดูกนักเวทย์เริ่มร่ายคาถา

 

พวกมันเริ่มสร้างลูกไฟอันร้อนระอุในอากาศ

 

ภายใต้การโจมตีด้วยลูกไฟระลอกนี้ ย่อมสร้างดาเมจมหาศาล ซึ่งนั่นเพียงพอที่จะกลืนทั้งร่างของฮังอวี่ให้จมหายไป ตกตายในวินาทีเดียวอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

 

ด้วยแรงระเบิดของลูกไฟทั้ง 18 ลูก มันไม่มีที่ว่าให้หลบซ่อน!

 

ทั้งๆที่ในกลุ่มเป็นฮังเสี่ยวไป๋ที่แก่กล้าที่สุด

 

แต่ลิซกลับยังคงเลือกโจมตีฮังอวี่ก่อน

 

มันรู้สึกได้ว่าฮังอวี่คือเสาหลักที่แท้จริง ตราบใดที่คนผู้นี้ถูกกำจัด คนอื่นๆก็ไม่ใช่ปัญหา

ฮังอวี่ยังคงสุขุมตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้

 

อันที่จริง เขาคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าลิซจะต้องมีการเตรียมการประมาณนี้เอาไว้

 

ฮังอวี่คาดการณ์ความสามารถและมรดกของลิซไว้ตั้งแต่การต่อสู้ครั้งก่อน ซึ่งหากไม่มั่นใจว่าสามารถรับมือได้ เขาไม่มีทางกล้านำคนจำนวนน้อยมาที่นี่อย่างแน่นอน

 

โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใด

 

พลังงานที่มองไม่เห็นเข้าปกคลุมทั้งพื้นที่ในทันที

 

ซูหยุนปิงปลดปล่อยสกิลที่เตรียมเอาไว้

 

มิใช่ใดอื่น เป็นสกิลที่พึ่งเรียนรู้ – เขตแดนแห่งความเงียบ!

 

นี่คือสกิลควบคุมแบบวงกว้าง เป็นสกิลขั้น 2 ที่ค่อนข้างทรงพลัง!

 

ลูกไฟทั้ง 18 ลูกของโครงกระดูกนักเวทย์เดิมกำลังควบรวมกันแน่น ทว่าจู่ๆราวกับมีหม้อน้ำใหญ่ราดใส่พวกมัน ไฟทั้งหมดดับวูบในพริบตา

 

“นี่มันเขตแดนแห่งความเงียบ!”

 

ลิซคาดไม่ถึง ว่าซูหยุนปิงจะเรียนรู้สกิลขั้น 2 นี้เอาไว้ ต้องเข้าใจนะว่าเมื่อวานนี้ เธอไม่มีท่าทีว่าจะมีสกิลขั้น 2 เช่นนี้อยู่เลย อ๊าาา!

 

เขตแดนแห่งความเงียบเป็นสกิลยกระดับของโรงละครแห่งความเงียบ

 

ซึ่งผลของสกิลยังคงครอบคลุมเอฟเฟกต์ของโรงละครแห่งความเงียบเอาไว้เช่นกัน กล่าวคือ ครอบคลุมเสียง แรงสั่นสะเทือน กระแสลมภายในพื้นที่ และกลิ่นอายไม่ให้รั่วไหล เมื่อใช้ใส่มอนสเตอร์จากโลกวิญญาณ มันจะส่งผลอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงสร้างความโกลาหลในพื้นที่ แต่ยังป้องกันไม่ให้เป็นการดึงดูดมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามา

 

นอกจากนี้ สกิลดังกล่าวยังสามารถช่วยลดค่าคุณสมบัติของศัตรูในพื้นที่ได้เล็กน้อย

 

และยังมีเอฟเฟกต์ใบ้สกิลในเวลาสั้นๆ

 

เขตแดนแห่งความเงียบของซูหยุนปิงยังมีเลเวลแค่ 1 และตัวเธอเองยังไม่ถึงเลเวล 7 การต่อสู้กับมอนสเตอร์ชั้นยอดนั้นยังคงเป็นเรื่องยากก็จริง ทว่าค่าคุณสมับิตจิตวิญญาณของซูหยุนปิงค่อนข้างสูง ส่งผลให้มอนสเตอร์ระดับสามัญสามารถติดใบ้ได้อย่างไม่ยากเย็น

 

“ปิดล้อมแสงศักดิ์สิทธิ์!”

 

ฮังอวี่ถือโอกาสนี้เปิดใช้งานคัมภีร์สกิล

 

แสงมหึมาราวกับผ้าห่อศพขนาดใหญ่ตกลงจากฟากฟ้า โอบล้อมทั้งแปดทิศ

 

หากเขตแดนแห่งความเงียบของซูหยุนปิงมีผลทำให้แค่ลิซรู้สึกไม่พอใจและโกรธเล็กน้อยแล้วล่ะก็ เช่นนั้นสกิลปิดล้อมแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ มันทำให้ลิซตกใจมาก

 

อย่างไรก็ตาม

 

สายไปเสียแล้ว

 

ถึงตอนนี้ คิดอยากหนีก็อย่าฝันว่าจะหลบพ้น!