3/3

 

Ep.225 – แปลงร่างเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง

 

มนุษย์หมาป่าและโอเกอร์ ทั้งสองสายพันธุ์นี้ต่างกันอย่างสุดขั้ว

 

โอเกอร์นั้นซุ่มซ่ามและเชื่องช้า แม้มันจะครอบครองพละกำลังอันแข็งแกร่งก็ตามที

 

ในทางกลับกัน มนุษย์หมาป่านั้นปราดเปรียว มันว่องไวและโจมตีได้รวดเร็ว ซึ่งจุดนี้ทำให้การกำจัดมันยากขึ้นกว่าตัวแรกมาก

 

แทบจะในทันทีที่ฮังอวี่เอ่ยปากเตือน

 

ร่างมนุษย์หมาป่าพลันวูบไหว มันพุ่งฝ่าวงล้อมของทุกคน ระหว่างทางฟาด 6 -7 กรงเล็บในอากาศ โจมตีจ้าวหมิง ฉูเทียนหัว และหวังเอ๋อแบบไม่ให้ทันตั้งตัว

 

จ้าวหมิงน่ะไม่เป็นไร

 

แต่ฉูเทียนหัวสูญเสียพลังชีวิตส่วนใหญ่ในคราวเดียว

 

โชคดีที่หวังเอ๋อตัดสินใจก้าวออกมาข้างหน้าในช่วงวิกฤต มันอาศัยหนังหนาเนื้อหยาบของตนช่วยขวางการโจมตีแทนฉูเทียนหัวได้หลายครั้ง มิฉะนั้นสถานการณ์ของเขาคงตกอยู่ในอันตรายกว่านี้มาก

 

เจียงหนานทำการรักษาฉูเทียนหัวทันที

 

ฮังอวี่รีบหยิบหอกก้างปลาออกมาแล้วปาใส่มนุษย์หมาป่า

 

ฉูเทียนหัวเปิดใช้งานสกิลเฉือนพริบตาเพื่อตอบโต้

 

ร่างอันแข็งแกร่งของมนุษย์หมาป่าวูบไหวเป็นประกาย มันหลบเลี่ยงการโจมตีในพริบตาของฉูเทียนหัว และหลบหอกก้างปลาในเวลาเดียวกัน จากนั้นเล็งเป้าไปทางเจียงหนานที่ยืนอยู่ไม่ไกล คู่ดวงตาสีเขียวเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและเจตนาฆ่า

 

ฮังอวี่สังเกตเห็น

 

ร่างของมนุษย์หมาป่าเริ่มมีกระแสลมสีเขียวมารวมตัวกัน

 

เขาเข้าใจทันทีว่าเจ้าหมอนั่นต้องการทำอะไร

 

แย่แล้ว!

 

มันกำลังจะใช้ท่าลมกรดสังหาร!

 

นี่คือสกิลพุ่งโจมตีในชั่วพริบตา!

 

ฮังอวี่เป็นคนเดียวในกลุ่มที่สามารถไล่ตามปฏิกิริยาของมนุษย์หมาป่าได้ แต่สกิลที่ มนุษย์หมาป่ากำลังจะปลดปล่อยออกมา ต่อให้ฮังอวี่เร็วแค่ไหนก็ไม่มีทางหยุดทัน

 

ท่ามกลางช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ

 

ฮังอวี่หยิบคัมภีร์สกิลออกมา

 

นี่คือคัมภีร์เสียงหอนแห่งความตายเลเวล 7 ที่ได้มาจากการ์กอยล์หิน!

 

พริบตาที่เขาเปิดใช้งานคัมภีร์ พลังงานจากข้างในระเบิดออกมา และเป็นวินาทีเดียวกับที่มนุษย์หมาป่าหายวับไปจากจุดที่มันยืนอยู่ ทิ้งไว้เพียงภาพติดตา

 

เจียงหนานรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเธอกลายเป็นพร่ามัว

 

มนุษย์หมาป่าแสนดุร้ายปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเธอราวกับมันเทเลพอร์ตเข้ามา

 

กรงเล็บแหลมง้างสูงขึ้น คมแหลมของมันเปล่งประกาย ให้ความรู้สึกว่าต่อให้เป็นกำแพงเหล็กก็ยังสามารถฉีกเป็นชิ้นๆ

 

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง

 

ทั้งสองก็ถูกเอฟเฟกต์ของเสียงหอนแห่งความตายเข้าปกคลุม

 

ทั้งมนุษย์หมาป่าและเจียงหนานได้รับผลกระทบจากสกิลในเวลาเดียวกัน

 

เสียงหอนแห่งความตายเป็นสกิลที่ทรงพลังมาก ไม่เพียงแค่สร้างการโจมตีที่รุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดเอฟเฟกต์ความกลัวอีกด้วย และนั่นหมายความว่ามันมีผลในการขัดจังหวะสกิลได้

 

เจียงหนานได้รับดาเมจ 20 หน่วยพร้อมกัน

 

จิตใจของเธอว่างเปล่า มันเอ่อล้นไปด้วยความกลัว หันหลังกลับและวิ่งหนีไป

 

มนุษย์หมาป่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เอาจริงๆกินเวลาไม่ถึงวินาที แต่นั่นมากพอแล้วที่จะหยุดสกิลพุ่งโจมตีในชั่วพริบตาของมัน

 

แม้เจียงหนานจะได้รับดาเมจจากคัมภีร์สกิล

 

กระนั้น ในฐานะนักบวช เนื่องจากค่าคุณสมบัติเจตจำนงที่สูงมาก ส่งผลให้การโจมตีในประเภทส่งผลต่อจิตใจอ่อนลง สามารถลดระยะเวลาการเกิดสถานะผิดปกติได้

 

ซึ่งมองยังไงก็ดีกว่าการถูกกรงเล็บมนุษย์หมาป่าฉีกทิ้งทั้งเป็น!

 

และจังหวะที่มนุษย์หมาป่าได้รับผลกระทบจากเสียงหอนแห่งความตาย

 

ฉินมู่ฉวยโอกาสนี้ร่ายสกิลใบ้ใส่มัน ขณะเดียวกันเวทย์ของจางเสี่ยวเฉียงและเฉินหยูระเบิดใส่ร่างมันพร้อมกัน ทว่ามนุษย์หมาป่ายังคงเพิกเฉยต่อการโจมตีทั้งหมดและพยายามจัดการกับเจียงหนานต่อไป

 

แต่ฮังอวี่จะปล่อยให้มันประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

 

มนุษย์หมาป่าถูกสกิลประจัญบานกระแทกกระเด็นออกไป

 

ฮังอวี่ประสบความสำเร็จในการหยุดไม่ให้มนุษย์หมาป่าโจมตีเจียงหนาน

 

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว และหวังเอ๋อรีบถอยกลับมาปกป้องเธอ

 

มอนสเตอร์ตัวนี้ฉลาดแกมโกงจริงๆ มันรู้ว่าควรโจมตีผู้รักษาก่อน

 

เจียงหนานจะตายไม่ได้!

 

สกิล ‘รักษาบาดแผลขั้นต้น’ และ ‘แสงแห่งการรักษา’ ทั้งคู่มีคูลดาวน์ที่สั้นมาก อย่างแรกช่วยฟื้นฟูเป้าหมายเดียวได้ในทันที ขณะที่อย่างหลังสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้หลายเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง บวกกับสกิลพรสวรรค์ของเธอ เลยยิ่งทำให้เอฟเฟกต์ของพวกมันวิเศษกว่าเดิมมาก

 

หากเจียงหนานถูกฆ่าตาย

 

ทีมนี้ย่อมพ่ายแพ้แน่นอน

 

“ทุกคนคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ฉันจะหยุดมันเอง!”

 

ฮังอวี่รีบปิดกั้นเส้นทางของมนุษย์หมาป่าอย่างรวดเร็ว

 

หอกยาวในมือเขาทิ่มแทงออกไป 6 ครั้ง

 

แม้การโจมตีส่วนใหญ่จะถูกคู่ต่อสู้หลบได้ แต่ก็ยังแทงโดน 2 ครั้ง ทำดาเมจได้อยู่บ้าง

 

ในขณะที่มนุษย์หมาป่ากำลังหลบหลีก คู่กรงเล็บทั้งสองข้างของมันพลันสาดแสงสีแดงฉาน ทั้งสองฟาดลงมายังฮังอวี่ … ดูท่าว่ามันจะตั้งใจบังคับให้ฮังอวี่ถอยกลับเพื่อที่จะได้ไล่ตามเจียงหนานต่อ

 

เคร้ง!

 

เสียงคล้ายกระจกแตกเป็นเสี่ยงๆดังขึ้น

 

การโจมตีของมนุษย์หมาป่าล้มเหลวในการเข้าถึงตัวฮังอวี่

 

มันทำได้แค่ฉีกทำลายเกราะผู้บัญชาการของเขาเท่านั้น

 

ฮังอวี่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย ตรงกันข้าม เขาอาศัยจังหวะนี้แทงสวนลงบนหน้าอกมนุษย์หมาป่า ส่งมันถอยหลัง หยุดแผนการร้ายเอาไว้ได้

 

เจียงหนานได้สติแล้ว

 

เวลานี้เธอตื่นตกใจ แผ่นหลังท่วมไปด้วยเหงื่อเย็น

 

เธอเริ่มรักษาตัวเองทันที

 

ในเวลานี้ จ้าวหมิงได้ถอยกลับมาอยู่ข้างกายเธอแล้ว เขาร่วมมือกับฉูเทียนหัว และหวังเอ๋อ ปกป้องเจียงหนาน

 

ฉูเทียนหัวมีชุดเกราะเขียว หวังเอ๋อมีพลังชีวิตสูงมาก และสำหรับจ้าวหมิงคงไม่ต้องพูดถึง พวกเขาไม่ถูกมนุษย์หมาป่าโจมตีตายในทีเดียว ดังนั้นรับหน้าที่เป็นโล่เนื้อเคลื่อนที่ หากต้องรับการโจมตีจริงๆก็ต้องปกป้องผู้รักษาที่อ่อนแอด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

 

ฮังอวี่วิ่งออกไปข้างหน้าเพื่อดวลกับมนุษย์หมาป่า

 

ทุกกรงเล็บของมันสามารถกรีดตัดทุกอย่างได้เหมือนเป็นแค่เต้าหู้ กรงเล็บหมาป่ากระชากชุดเกราะและเนื้อบนตัวฮังอวี่ สร้างดาเมจอย่างมากแก่เขา

 

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด

 

ทุกจังหวะการโจมตีวูบวาบเป็นประกายพรั่งพราวพร่ามัว

 

โชคดีที่ฮังอวี่สวมชุดเซ็ทที่ช่วยเพิ่มความว่องไว โชคดีที่ฮังอวี่ขึ้นสู่เลเวล 7 แล้ว และโชคดีที่ฮังอวี่มีสกิลขั้น 2 อย่างคลุ้มคลั่งกระหายเลือด ซึ่งช่วยให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

คนในกลุ่มมองการโจมตีเหล่านี้ไม่ทัน

 

อย่างไรก็ตาม แม้ค่าความว่องไวของฮังอวี่จะสูงมาก แต่เมื่อเทียบกับมนุษย์หมาป่าระดับเจ้าถิ่นแล้ว ยังมีช่องว่างความห่างชั้นที่ชัดเจน หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะศัตรูเบื้องหน้า

 

เสี่ยวเฉิง เฉินหยู และฉินมู่คอยสนับสนุนด้วยสกิล

 

เจียงหนานยังคงร่ายเวทย์รักษาให้ฮังอวี่อยู่เรื่อยๆ

 

ทางด้านฉูเทียนหัวและจ้าวหมิง แม้ไม่สะดวกเข้าร่วมสู้ในระยะประชิด แต่ทั้งคู่ต่างหยิบคัมภีร์สกิลออกมา และสกิลเหล่านั้นช่วยในการลดความเร็ว มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง

 

ความว่องไวของมนุษย์หมาป่าลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

เรื่องนี้ช่วยลดแรงกดดันที่มีต่อฮังอวี่ได้เป็นอย่างมาก

 

“มอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งเหลือเกิน”

 

เจียงหนานร่ายสกิลรักษาอย่างประหม่า เธอรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ราวกับกำลังเดินบนเชือกขึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮังอวี่ที่ต้องเป็นคนมุ่งหน้าเดินไปทีละก้าว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้แน่ใจ ว่ามนุษย์หมาป่าจะไม่มีเวลาหันไปโจมตีผู้อื่น

 

เพราะหากคนอื่นถูกโจมตี ทีมจะเสียขบวนทัพ เกิดความโกลาหลขึ้นทันที

 

เจียงหนานและคนอื่นๆต้องร่วมมืออย่างเต็มที่กับฮังอวี่ มิฉะนั้นฮังอวี่จะตกอยู่ในอันตราย

 

ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามนุษย์หมาป่าจะแข็งแกร่งขนาดนั้น

 

ยังไงซะมันก็ยังต่อสู้เพียงลำพัง

 

บวกกับ IQ ของมันที่ไม่สูงนัก แล้วแบบนี้จะเอาชนะทีมเวิร์คได้อย่างไร?

 

ในไม่ช้า ฮังอวี่ก็สังเกตเห็นว่ามนุษย์หมาป่าเริ่มอ่อนแอลง จากนั้น มันเริ่มส่งเสียงหอนยาว และถอยห่างออกไปราวๆ 10-20 เมตร

 

ร่างของมันทรุดลงกลายเป็นแอ่งน้ำเหลว

 

ก่อนเริ่มก่อตัวและกลับมาเป็นโนมส์ผอมแห้งอีกครั้ง

 

หลังจากการต่อสูู้แปลงร่างโดยโพชั่นมนตราไปถึงสองครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะเสียพลังงานไปมาก ร่างกายที่เดิมผอมแห้งอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งแห้งกรอบกว่าเดิม

 

ในที่สุดโพชั่นมนตราร่างแปลงมนุษย์หมาป่าก็ผ่านไป!

 

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่กล้าประมาท

 

โนมส์นักลั่นโพชั่นมนตรากำลังจะใช้โพชั่นแปลงร่างขวดที่สาม

 

ตามความรู้ความเข้าใจของฮังอวี่ โนมส์นักกลั่นโพชั่นมนตราจะใช้โพชั่นที่แข็งแกร่งกว่าขวดที่แล้วทุกครั้ง

 

ซึ่งสองครั้งแรกก็ร้ายกาจมากเกินพอแล้ว

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างแปลงมนุษย์หมาป่า

 

ทีมของฮังอวี่เกือบเอามันไม่ลง

 

เช่นนั้นแล้วโพชั่นมนตราขวดต่อไปที่โนมส์นักกลั่นจะใช้คือร่างแปลงของอะไร?

 

เจ้าหมอนี่สมแล้วกับที่เป็นถึงเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์ตนแรกที่เขาต้องรับมือด้วย

 

พลังรบของมันเป็นอย่างที่คิด พวกระดับเจ้าถิ่นสองสามตัวก่อนหน้านี้ที่เคยสู้ด้วยเทียบกันไม่ได้เลย

 

โนมส์นักกลั่นโพชั่นมนตราไม่ได้สูญเสียแรงกดดันที่แผ่ออกมาเพียงเพราะความอ่อนแอของมัน พฤติกรรมที่แสดงออกยังคงดูน่ากลัวและบิดเบี้ยว คล้ายยิ่งมายิ่งคลุ้มคลั่ง

 

โพชั่นมนตราหลอดที่สามถูกฉีดลงไป!

 

โนมส์นักกลั่นโพชั่นมนตราเปล่งเสียงร้องแหลมด้วยความเจ็บปวด

 

ฉากอันน่าตกตะลึงได้เกิดขึ้น เห็นแค่เพียงร่างกายของโนมส์นักกลั่นกลายเป็นผงและหายวับไปในอากาศ

 

ขณะเดียวกับที่ร่างกายของโนมส์นักกลั่นหายไป

 

มวลพลังงานสีน้ำเงินบริสุทธิ์ได้ถูกปลดปล่อยอออกมาจากจุดที่มันเคยยืนอยู่ และในที่สุดก็รวมตัวกันเป็นวิญญาณที่เหมือนกับผีล่องลอยในอากาศ

 

“วิญญาณจำแลง!”

 

โพชั่นมนตราแปลงร่างที่สาม

 

แท้จริงแล้วกลับเป็นร่างแปลงของวิญญาณจำแลง

 

ฮังอวี่หันหลังกลับและตะโกนโดยไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิด “ถอนตัว!”

 

ถอนตัว?

 

ทุกคนต่างสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า

 

ทั้งหมดใช้ความพยายามอย่างมากในการต่อสู้กับโนมส์นักกลั่นโพชั่นมนตราตัวนี้ แต่นี่ถึงขั้นสุดท้ายแล้ว และพวกเขาก็เห็นว่าสามารถฆ่ามันได้หากอดทนต่อไปอีกหน่อย แล้วทำไมถึงต้องถอนตัวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ด้วย?

 

ก็หากสู้ได้

 

แน่นอนว่า ฮังอวี่ต้องสู้อยู่แล้ว!

 

เขาเชื่อมั่นว่าชิ้นส่วนนกหวีดทองแดงชิ้นสุดท้ายต้องอยู่กับโนมส์นักกลั่นอย่างแน่นอน

 

และเขาเชื่อว่าเจ้าถิ่นระดับซิลเวอร์ย่อมดรอปของดีๆมากมาย

 

นอกจากนี้ยังเชื่อสุดใจว่าในหีบสมบัตินั่นจะต้องมีของล้ำค่าอยู่

 

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างที่กล่าวมา หากจะได้มันมาครองจำเป็นต้องกำจัดคู่ต่อสู้อย่างโนมส์นักกลั่นลงให้ได้เสียก่อน ซึ่งเจ้าตัวนี้มีรูปแบบโพชั่นมนตรามากกว่า 10 แบบ และแต่ละแบบล้วนมีโอกาสชนะ แต่มีเฉพาะหนึ่งในนั้นที่เป็นร่างแปลงวิญญาณจำแลงเท่านั้นที่ไม่มีทางเอาชนะได้

 

วิญญาณจำแลงคือมอนสเตอร์ผีชนิดหนึ่ง

 

มันเป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาในบรรดามอนสเตอร์ผี

 

เนื่องจากวิญญาณจำแลงมีความเกี่ยวข้องกับผี ดังนั้นวิญญาณจำแลงจึงมีร่างกายเหมือนผี ด้วยสถานะร่างวิญญาณของมัน ส่งผลให้การโจมตีทางกายภาพลดลงเป็นอย่างมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การโจมตีของฮังอวี่ ฉูเทียนหัว และจ้าวหมิงแทบไม่มีผลกับมัน

 

สามารถพึ่งพาได้เพียงจางเสี่ยวเฉียง และเฉินหยูเท่านั้น

 

นอกจากนี้ก็เป็นสกิลโจมตีของนักบวชอย่างคำพิพากษาของเจียงหนาน

 

วิญญาณจำแลงระดับเจ้าถิ่นจะเน้นไปทางการโจมตีด้วยคาถา และการโจมตีของมัน สามารถทำลายทีมเล็กๆทีมนี้ได้อย่างง่ายดาย ฮังอวี่ไม่สามารถคิดหาวิธีอื่นใดที่จะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ภายใต้เงื่อนไขที่ตัวเองมีในตอนนี้

 

ไม่ว่าสมบัติที่กล่าวมาก่อนหน้านี้จะล้ำค่าเพียงใด

 

แต่พวกมันไม่มีทางแพงไปกว่าชีวิต!

 

หากตอนนี้พวกเขาตาย เกือบทั้งวันที่ทุ่มเทไปก็ไร้ประโยชน์!

 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ฮังอวี่กำลังจะหนี ฉากที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจพลันบังเกิดขึ้น

 

เห็นแค่เพียงโนมส์นักกลั่นในร่างวิญญาณจำแลงลอยอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ริเริ่มโจมตีแต่อย่างใด

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

ฮังอวี่ถึงกับต้องหยุดดูพฤติกรรมที่แสนแปลกประหลาดของวิญญาณจำแลงตนนี้

 

และสิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ

 

ใบหน้าโปร่งแสงของวิญญาณจำแลงไม่ได้คลุ้มคลั่ง แต่มันกลับเต็มไปด้วยความสงบและสุขุม

 

นี่ไม่เหมือนกับมอนสเตอร์เลย และเมื่อสายตาของมันเบนมาทางฮังอวี่ ก็มีเสียงๆหนึ่งเปล่งออกมา “ไม่ต้องกังวล เจ้าหนูมือใหม่ ข้าจะไม่โจมตีเจ้า”

 

มอนสเตอร์พูดได้?

 

แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจภาษาโนมส์

 

แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถมั่นใจได้

 

คือมันพูดออกมา!

 

ฮังอวี่มองไปยังโนมส์นักกลั่นในสถานะวิญญาณจำแลง

 

อาจเป็นเพราะเงื่อนไขในป่าแห่งการเริ่มต้นที่ไม่อนุญาตให้มอนสเตอร์ทุกชนิดสามารถเปิดภูมิปัญญาได้

 

ดังนั้นจะเป็นไปได้ไหม ว่าด้วยเอฟเฟกต์แปลงร่างของโพชั่นมนตราจะทำให้โนมส์นักกลั่นเกิดการตื่นรู้ขึ้นอย่างกะทันหัน?

 

เป็นไปได้ไหมว่าโนมส์ตัวนี้ยังไม่สลายไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อวิญญาณหลุดพ้นจากพันธนาการของร่างกาย มันจึงปลุกเจตจำนงของตัวเองให้กลับมาตื่นขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ

 

แต่จะยังไงไงก็ตาม ผลลัพธ์ตอนนี้ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดเปลี่ยนไป

 

ใครจะไปคิดกันว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นแบบนี้!?