1/3

 

Ep.168 – พาเสี่ยวไป๋ออกสู้

 

บนโต๊ะอาหาร

 

ฮังอวี่และหวังเอ๋อตะลึง

 

เสี่ยวไป๋กินอาหารเยอะเหนือกว่าที่คาดไว้

 

เธอกินไป 10 จานแต่ก็ยังไม่อิ่ม

 

ฮังอวี่ต้องสั่งอาหารเพิ่มให้อีก 5 จาน

 

หลังจากกินอาหารจานใหม่ที่นำมาเสิร์ฟจนหมด เด็กสาวก็ยังรู้สึกว่ากระเพาะของเธอยังไม่ถูกเติมจนเต็มอยู่ดี อย่างไรก็ตาม สภาวะอ่อนแอปานกลางของเธอหายไปแล้ว

 

ไม่น่าเชื่อจริงๆ หากมองแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเสี่ยวไป๋ เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ เหมือนกับเด็กสาวมัธยมต้น … แต่เด็กสาวตัวเล็กๆคนนี้ กลับเหมาอาหารคนเดียวไปมากกว่า 15 จาน!

 

ประเด็นก็คืออาหารที่อ้วนต้าไห่เก็บไว้สำหรับฮังอวี่ ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงเลเวล 4 5 ทั้งสิ้น

 

ซึ่งของพวกนี้ล้วนได้มาจากเทคนิครวบรวมวัตถุดิบผ่านมอนสเตอร์เลเวล 4 5

 

และราคาของพวกมันไม่ใช่ถูกๆ!

 

สามารถเห็นได้ว่าน้องสาวที่เหมือนกระดาษขาวผู้นี้ไม่ใช่อะไรที่ทุกคนสามารถพาเธอกลับบ้านและเลี้ยงดูได้

 

ปริมาณการกินของเธอ หากคนธรรมดารับไปเลี้ยง เกรงว่าพวกเขาคงล้มละลาย!

 

กระทั่งฮังอวี่ยังรู้สึกเหมือนถูกกรีดเลือด แต่เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของเสี่ยวไป๋ ราคาที่ต้องจ่ายแค่นี้ไม่นับเป็นสิ่งใด

 

ฮังเสี่ยวไป๋พอใจมาก

 

สกิลทำอาหารของอ้วนต้าไห่แม้ไม่ดีเท่าเธอ และวัตถุดิบเองก็ไม่ได้เกรดสูงอะไรก็จริง

 

แต่เสี่ยวไป๋ไม่ค่อยเก่งในเรื่องการใช้เครื่องเทศและเครื่องปรุงอื่นๆ ดังนั้นต่อให้เธอปรุงอาหารด้วยตัวเองก็ยังอร่อยสู้เชฟวิญญาณคนนี้ไม่ได้

 

เป็นครั้งแรกเลยที่เธอรู้สึกว่าอาหารมันอร่อยขนาดนี้!

 

หลังจากรับประทาน เด็กสาวกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

แม้เรี่ยวแรงยังฟื้นฟูกลับมาไม่เต็มร้อย แต่นี่เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอมีความสุข!

 

ฮังอวี่บอกให้อ้วนต้าไห่ลงบิลชื่อเขาไว้ และพาหวังเอ๋อกับเสี่ยวไป๋กลับบ้าน

 

ฮังอวี่เตรียมกระดานดำแผ่นเล็ก เขาเรียกเสี่ยวไป๋และหวังเอ๋อเข้ามา “ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะเป็นคนสอนบทเรียนให้ทั้งคู่ทุกคืน จะได้เรียนรู้ภาษาใหม่ให้เร็วที่สุด”

 

เสี่ยวไป๋ต้องฝึกพูดภาษาจีนกลางและอ่านเขียนอักษรจีน

 

และถ้าจะให้ดีเธอควรเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษด้วย แต่ฮังอวี่ไม่แน่ใจว่าเขาจะสอนเธอได้ดีรึเปล่า ตอนนี้เอาแค่ภาษาจีนก่อนแล้วกัน

 

ส่วนหวังเอ๋อ ในฐานะขุนศึก เจ้าหมาต้องเรียนรู้ภาษาโลกวิญญาณ และวันนี้มันต้องศึกษาภาษาของเผ่าเสี่ยวไป๋

 

อันที่จริงการเรียนภาษาไม่ใช่เรื่องยากเย็นเกินไปสำหรับทั้งคู่

 

หมาหวังเอ๋อมีความสามารถในการจดจำแบบไม่มีวันลืม มันอ่านหนังสือได้เป็นสิบเล่มต่อวัน ตราบใดที่เคยเข้าสมอง เพียงคิดก็สามารถบรรยายออกมาได้ทันที และนี่คือเหตุผลหลักๆที่มันเรียนรู้ได้รวดเร็ว

 

หวังเอ๋อเป็นอัจฉริยะโดยแท้!

 

หากให้เวลามันอีกสองหรือสามเดือน เกรงว่ามันคงสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ!

 

ดังนั้นการเรียนรู้ภาษาโลกวิญญาณจนชำนาญซักหนึ่งหรือสองภาษา ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหวังเอ๋อ

 

แต่ฮังเสี่ยวไป๋ไม่ได้มีความจำดีขนาดนั้น และเอาตรงๆเธอค่อนข้างทึ่ม

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากค่าสเตัสพื้นฐานของเสี่ยวไป๋น่ะสูงมาก และโบนัสเหล่านั้นมีผลต่อสมอง ดังนั้นถึงเรื่องเรียนเธอจะสู้หมาฮัสกี้ไม่ได้ แต่ความเร็วในการจดจำก็มากกว่าคนปกติสี่ถึงห้าเท่า

 

ฮังอวี่เริ่มจากสอนหวังเอ๋อก่อน

 

สองชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดหวังเอ๋อก็สามารถเข้าใจไวยากรณ์ทั่วไป และคำศัพท์พื้นฐานมากกกว่าร้อยคำ มันสามารถสื่อสารกับฮังเสี่ยวไป๋แบบคร่าวๆได้

 

สมองที่ได้รับการเปิดภูมิปัญญาแล้วช่างต่างจากคนทั่วไปจริงๆ

 

ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเรื่อง IQ สูงต่ำ เอาแค่เฉพาะเรื่องความจำ หวังเอ๋อไม่ต่างจากระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์!

 

หวังเอ๋อมีความสุขมากเมื่อพบว่ามันสามารถสื่อสารกับเสี่ยวไป๋ได้ มันลากเสี่ยวไป๋ไปดูตัวเองเล่นเกมทันที และแนะนำสกิลของตัวละครในเกมแก่เด็กสาวด้วยภาษาโลกวิญญาณ

 

เสี่ยวไป๋ยืนฟังหวังเอ๋อสาธยายด้วยใบหน้าน่ารัก

 

ด้วยความประสบการณ์ของเธอ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจแนวคิดเรื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตในระยะเวลาอันสั้น

 

ฮังอวี่ไม่ได้หยุดหวังเอ๋อ

 

เจ้าหมาเป็นประเภทช่างพูด ขณะที่เสี่ยวไป๋เป็นประเภทช่างฟัง

 

การปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเป็นเรื่องดีสำหรับเขา อย่างแรกเลยระหว่างนี้ฮังอวี่จะไม่ถูกหวังเอ๋อเข้ามารบกวน อย่างที่สองเสี่ยวไป๋จะได้ค่อยๆซึมซับวิธีการสื่อสารจากเจ้าหมา

 

เสี่ยวไป๋คือคนที่จะกลายเป็นหัวหน้าใหญ่ฝ่ายผลิต

 

หลังจากนี้เธอต้องบริหารสมาคมมังกรฟ้ากับเจ้าหมา

 

หวังเอ๋อมีแนวคิดมากมายและสามารถเรียนรู้ได้เร็ว เหมาะกับบทบาทพี่เลี้ยงในตอนนี้มากๆ

 

ส่วนเสี่ยวไป๋ไม่ค่อยพูดมาก แต่เธอขยันและมีสกิลสายผลิตที่ดี เหมาะสำหรับปฏิบัติงานจริง

 

ทั้งสองตราบใดที่ร่วมมือกันเป็นอย่างดี ฮังอวี่ที่อยู่เบื้องหลังก็จะมีอนาคตสดใส

 

ระหว่างการสื่อสารจากหวังเอ๋อ เสี่ยวไป๋ค่อยๆเข้าใจฟังก์ชั่นของอุปกรณ์มนุษย์ และเริ่มเข้าใจการใช้เครื่องมืออิเล็คทรอนิกส์เช่นรีโมตเปิดปิดทีวี

 

ขณะนี้หวังเอ๋อใส่หูฟังแนบหูทั้งสองข้างของเด็กสาว เปิดเพลงให้เธอฟัง

 

เนื้อหาของเพลงไม่สามารถทำความเข้าใจได้

 

แต่ท่วงทำนองทำให้เธอรู้สึกสบายใจและเพลิดเพลินไปกับมัน

 

จมดิ่งไปกับการรังสรรค์จากภูมิปัญญาของมนุษยชาติ!

 

โลกวิญญาณที่เธออาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเพลง ภาพยนตร์ หรือการเต้นรำ งานศิลปะที่กล่าวมาล้วนว่างเปล่า

 

แต่สถานที่แห่งนี้ดีมาก!

 

มีเจ้านายใหญ่ใจดี

 

มีหมาป่าที่ชาญฉลาดอยู่เป็นเพื่อน

 

ความรู้สึกไม่สบายใจในตอนแรกเริ่มจางหายไป

 

ตอนนี้เธอเกิดความรู้สึกว่าการได้มาอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน!

 

 

หลังจากมอบบทเรียนแก่ทั้งสอง

 

ฮังอวี่ได้ทำการปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ขั้นต่อไป

 

เช้าตรู่ในวันถัดมา เขาเรียกสมาชิกทั้งสองไปเจอกันในห้องนั่งเล่น

 

ฮังอวี่ประกาศว่า “วันนี้พวกเราจะออกปฏิบัติการ และทั้งสองคนต้องมีส่วนร่วม!”

 

หวังเอ๋อเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี “ฮ่ง! เจ้านายจะออกผจญภัยอีกแล้วหรอ?”

 

“ฉันตั้งใจว่าจะออกนอกเขตเมือง มุ่งหน้าไปเนินเขามดที่อยู่ใกล้ๆเพื่อล่าราชินีมดข้างใน”

 

ล่าราชินีมด?

 

และราชินีมดไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือมอนสเตอร์เจ้าถิ่นเลเวล 4 – 5!

 

มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะรับมือกับสิ่งมีชีวิตเช่นนั้นได้ในตอนนี้!

 

ไม่ต้องพูดถึงว่าราชินีคงไม่มีทางออกมาเจอพวกเราง่ายๆ

 

มันย่อมซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกที่สุดของรังมด!

 

ซึ่งที่นั่นมีมอนสเตอร์มดยักษ์หลายพันตัว แล้วอาศัยเพียงฮัสกี้ ฮังอวี่ และเสี่ยวไป๋ สามหน่อจะสู้กับพวกมันได้อย่างไร?

 

เกรงว่าคงได้กลายเป็นอาหารมดก่อนเข้าถึงตัวราชินี!

 

“อย่าพึ่งขี้ขลาด”

 

ฮังอวี่อยู่กับหวังเอ๋อมานาน เขาจะไม่รู้เวลาเจ้าหมอนี่เกิดกลัวจนอยากฉี่ราดได้อย่างไร?

 

ไม่รอให้ฮัสกี้อ้าปาก เขาเริ่มอธิบายแผนทันที

 

“ก่อนเจอเสี่ยวไป๋ แผนการนี้แทบไม่มีโอกาสสำเร็จ แต่เมื่อมีเธอร่วมทีม ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวไป๋ ฉันมั่นใจอย่างน้อย 80% และมันคุ้มค่าที่จะลองดู”

 

“เนินเขามดมีขนาดใหญ่มาก ที่นั่นมีมอนสเตอร์มดยักษ์อาศัยอยู่มากมาย หน้าที่ของนายนะหวังเอ๋อ นายต้องค้นหาตำแหน่งของราชินีมด ส่วนหน้าที่ของเสี่ยวไป๋คือการซ่อนตัวพวกเรา หลีกเลี่ยงการต่อสู้”

 

แผนการนี้เหมือนจะเสี่ยงมาก

 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฮังอวี่มีความมั่นใจค่อนข้างสูง

 

และที่มาของความมั่นใจนี้คือเสี่ยวไป๋

 

เสี่ยวไป๋มีสกิลหลายอย่างอยู่ในขั้น 3

 

และในบรรดาสกิลเหล่านั้น เอฟเฟกต์ของ ‘ฝุ่นลวงตา’ มีประโยชน์มาก

 

เมื่อสกิลนี้ถูกปลดปล่อยออกมา มันจะมีรัศมีครอบคลุมเป็นวงกว้าง สามารถแทรกแซงประสาทสัมผัสและการรับรู้ของมอนสเตอร์เลเวลต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยับยั้งการโจมตีของมอนสเตอร์มดยักษ์ได้ดี ช่วยให้พวกมันไม่สามารถหาตัวพวกเขาพบ

 

ตราบใดที่อยู่ใกล้กับเสี่ยวไป๋

 

ฝูงมดจะสูญเสียความก้าวร้าวและความคิดที่จะโจมตีไป

 

บทบาทของหวังเอ๋อก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน

 

แม้ความสามารถของเสี่ยวไป๋จะทรงพลังมาก แต่สกิลนี้ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป

 

หากเดินแบบไร้ทิศทาง เกรงว่าสกิลคงหมดก่อนถึงตัวราชินีมด

 

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่พึ่งพาความสามารถในการดมกลิ่นของหวังเอ๋อ พวกเขาย่อมสามารถเจอราชินีมดได้ก่อนระยะเวลาสกิลจะหมดลง

 

ถึงตอนนั้นเรื่องราวมันจะง่ายขึ้นมาก แม้ลำพังฮังอวี่จะไม่สามารถเอาชนะราชินีมดได้ และเสี่ยวไป๋อาจเสียพลังจิตไปมาก แต่ถึงอย่างไรพลังรบของเธอก็ไม่ด้อยไปกว่ามอนสเตอร์เลเวล 6 7 หากร่วมมือกัน ยังไงก็สยบราชินีมดได้

 

ราชินีมดเป็นสมบัติชั้นดีอย่างแน่แท้

 

ฮังอวี่ต้องการสยบมัน

 

ตราบใดที่แผนการผ่านไปได้อย่างราบรื่น ผลประโยชน์ที่ได้กลับมามหาศาลแน่นอน