3/10

 

Ep.975

 

เสียงกร๊อบแกร๊บดังขึ้น

 

ทันทีที่เสียงพูดของซูเฉินหายไป จิตจำลองหักคอระดับเทวะเผ่าเทพด้วยมือเดียว จากนั้นก็บินกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

“สู้กับเขา!” แม้ระดับเทวะเผ่าปีศาจราตรี จะหวาดกลัวถึงขีดสุด แต่ก็ยังกัดฟันคำราม ยกค้อนทองแดงทุบเข้าใส่ซูเฉินต่อไป

 

ซูเฉินยิ้มดูแคลน จากนั้นเอื้อมมือออกไปเบาๆ คว้าจับตรงหัวค้อนทองแดง

 

เห็นภาพนี้ ระดับเทวะเผ่าปีศาจราตรีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ร้องตะโกนว่า “ตายซะ!”

 

ค้อนทองแดงคือสิ่งประดิษฐ์เทวะที่มีน้ำหนักถึง 30,000 จิน

 

ซูเฉินกล้าใช้ร่างกายเพียวๆเข้าต่อต้าน นี่เท่ากับทุบหินด้วยไข่ ฉากที่ซูเฉินถูกทุบจนเนื้อเหลวผุดขึ้นในหัวเขา

 

กระนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวินาทีต่อมา มันทำให้เขาต้องตกใจจนกรามเกือบค้าง!

 

เพราะซูเฉินไม่เพียงสามารถรับการโจมตีด้วยค้อนทองแดงได้อย่างง่ายดาย แต่ยังสามารถหยุดสิ่งประดิษฐ์เทวะที่มีน้ำหนัก 30,000 จินชิ้นนี้ด้วยท่าทีคล้ายไม่ต้องพยายามใดๆ

 

“พละกำลังของเขาต้องมหาศาลถึงขนาดไหนกัน?”

 

ระดับเทวะเผ่าปีศาจราตรีตื่นตะลึงอย่างสิ้นเชิง แต่ในเวลานั้นเอง ซูเฉินเหวี่ยงหมัด [ชีวิตเมามายจมอยู่ในห้วงฝัน] ออกไป

 

ระหว่างที่ศัตรูกำลังจมอยู่ในห้วงภวังค์ เขาตรงเข้าประชิดตัว ซัดอีกหนึ่งหมัดชกเข้าที่หัว

 

โผล๊ะ!

 

บังเกิดเสียงระเบิด ศพไร้หัวของระดับเทวะเผ่าปีศาจราตรีร่วงล้มลงกับพื้น

 

“เขาแข็งแกร่งเกินไป!”

 

ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ระดับเทวะที่เหลือกวาดกลัวตับแทกแตกตาย นับแต่ซูเฉินลงมือจนสามารถสังหารระดับเทวะเผ่าปีศาจราตรี มันทิ้งช่วงเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น

 

แล้วอีกอย่าง ทั้งหมดยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของซูเฉิน ว่ามันได้มาอยู่ในระดับเทวะขั้น 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ณ จุดนี้ ยิ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัวถึงขีดสุด

 

ตอนซูเฉินอยู่ในเทวะขั้น 2 พวกเขายังทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงระดับเทวะขั้น 3 ไหนจะเรื่องที่มีซูเฉินถึงสองคนอีก

 

หลังจากสังหารระดับเทวะเผ่าปีศาจราตรี ชาวต่างเผ่าที่เหลืออีกสามคนตัดสินใจหลบหนีทันที

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะรอดไปจากฝ่ามือของซูเฉินได้อย่างไร?

 

ใช้เวลาไม่ถึงนาที ทั้งหมดก็ถูกซูเฉินและจิตจำลองของเขากุดหัว

 

หลังจากเก็บชิ้นส่วน ซูเฉินเรียกจิตจำลองกลับคืนมา จากนั้นเรียก [รถศึกอัจฉริยะ]

 

พอขึ้นรถแล้ว ก็ถ่ายทอดคำสั่งทันที “เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปเมืองมู่กวง”

 

อีกไม่นานจะถึงงานประมูลแล้ว เป็นไปได้สูงที่จะเจอศิลารวมวิญญาณ เขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้

 

สองวันต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] มาถึงเมืองมู่กวง เหมือนกับครั้งก่อนที่มา นอกเมืองมีชาวต่างเผ่ากำลังเข้าออกเป็นจำนวนมาก

 

ซูเฉินเก็บ [รถศึกอัจฉริยะ] เดินเข้าเมือง

 

มีผู้คนมากมายต้องการเข้าเมืองมู่กวง หากต่อแถวไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน ด้วยสถานะของเขา หากต้องการลัดคิวเข้าเมือง ย่อมไม่มีปัญหาใดๆ

 

ซูเฉินมาถึงทางเข้าเมือง ขณะกำลังจะก้าวเข้าไป เขาก็สังเกตเห็นป้ายขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านข้าง มันเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า

 

‘ห้ามเผ่ามนุษย์เข้า’

 

ซูเฉินอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นเพลิงโทสะลุกโชนไปทั่วร่าง

 

ครั้งก่อนที่เขามา เป็นเพราะเผ่าอสูรอัคคีเลือกปฏิบัติกับเผ่ามนุษย์ เขาเลยกุดหัวหนึ่งในระดับเทวะของเผ่าอสูรอัคคีไป

 

เดิมที เขาคิดว่าเผ่าอสูรอัคคีจะไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้อีก แต่ใครจะคาด ว่าพวกมันกลับทำตรงข้าม ทั้งยังทวีความรุนแรงขึ้น สร้างกระทั่งป้ายใหญ่มาตั้งไว้

 

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการท้าทายซูเฉิน

 

ตูม!

 

ซูเฉินซัดหมัดออกไป ระเบิดป้ายเป็นชิ้นๆ จากนั้นก้าวเข้าสู่ประตูเมือง

 

หากครั้งนี้เผ่าอสูรอัคคีไม่มีคำอธิบายที่น่าพอใจ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะกวาดล้างเมืองมู่กวงให้สิ้นซาก!

 

4/10

 

Ep.976

 

เสียงตูมดังกึกก้อง ดึงดูดสายตาของผู้คนรอบข้างทันที

 

เมื่อเห็นว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งชกแผ่นไม้แหลกคามือ ทั้งหมดก็ต้องประหลาดใจ

 

เป็นความจริงที่บนแผ่นไม่เขียนถ้อยคำเลือกฏิบัติต่อเผ่ามนุษย์ ทว่าเผ่ามนุษย์น่ะอ่อนแอ! ขณะที่เผ่าอสูรอัคคีแข็งแกร่งมาก! ด้วยช่องว่างความห่างชั้นนี้ ทำให้แม้รู้สึกว่าโดนรังแก ก็ได้แต่ต้องยอมกล้ำกลืนฝืนทนไป

 

แต่พฤติกรรมที่ซูเฉินทำลายป้ายเบื้องหน้า ในสายตาของชางต่างเผ่าแล้ว มันไม่ต่างจากการกระทำที่แสวงหาความตาย! อีกไม่นานคงถูกสังหารโดยเผ่าอสูรอัคคี

 

กระนั้น ครั้งก่อนที่ซูเฉินก่อความวุ่นวายใหญ่โตในเมืองมู่กวง มีชาวต่างเผ่าคนอื่นๆเห็นเหตุการณ์เช่นกัน เมื่อพวกเขาพบเจอใบหน้าอันคุ้นเคยอีกครั้ง ก็ร้องอุทานด้วยความตกใจ “นั่นซูเฉินจากเผ่ามนุษย์!”

 

อะไรนะ!?

 

เขาคือเทพสังหารซูเฉินงั้นหรอ?

 

ชาวต่างเผ่ารอบด้านต่างตกตะลึง ซูเฉินเพิ่งเข้าสู่มิติภายนอกได้ไม่นาน แต่ชื่อเสียงของเขาได้แพร่กระจายไปนานแล้ว บวกกับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้สังหารระดับเทวะไปหลายต่อหลายคน ชื่อเสียงจึงยิ่งโด่งดังกว่าเดิม

 

หลังจากรู้ตัวตนที่แท้จริงของซูเฉินแล้ว นอกเมืองมู่กวงเงียบกริบราวปีกจั๊กจั่น ชาวต่างเผ่ามองซูเฉินด้วยความหวาดกลัว

 

ตอนนี้ทุกคนต่างตั้งตารอ ว่าเมื่อชาวอสูรอัคคีออกมาเผชิญหน้ากับซูเฉิน ตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร?

 

“ไปเรียกฮั่วฉินออกมาพบฉัน!”

 

เดินมาถึงประตูเมือง ซูเฉินเหลือบมองทหารยามด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงห้ามปฏิเสธ

 

“ขอรับ!”

 

ภายใต้การจับจ้องของซูเฉิน เหงื่อเย็นเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลังของทหารยามเผ่าอสูรอัคคี หันหลังและวิ่งเข้าเมืองทันที

 

หลังจากนั้นไม่นาน มีชาวอสูรอัคคีหลายคนเดินออกมาจากในเมือง โดยผู้นำในครั้งนี้ เป็นชายวัยกลางคนที่มีทรงผมคล้ายฉากภูเขาไฟปะทุ ร่างกายบึกบันราวขุนเขาลูกเล็ก

 

ฮั่วฉินที่เคยรับหน้าซูเฉินครั้งก่อน ก็เดินตามหลังชายวัยกลางคนผู้นี้มาเช่นกัน

 

“ซูเฉิน! ครั้งก่อนข้ายอมไว้ชีวิตเจ้า คราวนี้ยังกล้ามาอาละวาดในเมืองมู่กวงอีก เจ้าคิดหรือว่าเผ่าอสูรอัคคีเราจะไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆ?”

 

เมื่อชาวอสูรอัคคีมาถึงหน้าประตูเมือง ฮั่วฉินตะโกนใส่ซูเฉินด้วยน้ำเสียงท่าทีหยิ่งยโส

 

“แกตัวแรกเลยที่ฉันจะฆ่า เตรียมใจไว้ให้ดี” ซูเฉินกระชากเสียงเย็น ก่อนกวาดสายตาสำรวจชายวัยกลางคนเผ่าอสูรอัคคี เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ส่วนแก คงเป็นเจ้าเมืองมู่กวงสินะ?”

 

ครั้งก่อน ฮั่วฉินไม่ต่างจากหมาปั๊กยามอยู่ต่อหน้าเขา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง แต่คราวนี้ดันดุอย่างกับหมาบ้า เห็นได้ชัดว่าเพราะมีคนคอยหนุนหลังเขา และผู้หนุนหลังที่ว่า คงไม่พ้นฮั่วฮวน เจ้าเมืองมู่กวง ที่เป็นยอดฝีมือในฐานะปรมาจารย์มนตราและผู้วิวัฒนาการระดับเทวะขั้น 4

 

“ถูกต้อง ข้าคือฮั่วฮวน”

 

ฮั่วฮวนหรี่ตาลง กล่าวเสียงเย็นว่า “ซูเฉิน ครั้งก่อนข้าไม่อยู่ เจ้าอาละวาดในเมืองมู่กวง ทั้งยังฆ่าระดับเทวะของเผ่าเราไป วันนี้เจ้าต้องให้คำอธิบายกับข้า”

 

ให้คำอธิบายกับแก?

 

ซูเฉินแค่นเสียงหัวเราะ เขายังไม่ทันขอคำอธิบายจากเมืองมู่กวงเรื่องป้ายเลย แต่อีกฝ่ายกลับชิงเอ่ยขอคำอธิบายก่อนซะแล้ว

 

จากคำพูดนี้ จะเห็นได้ว่าฮั่วฮวนเป็นคนจองหองปานใด ชัดเจนว่าเขาไม่เห็นซูเฉินอยู่ในสายตา

 

ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวอย่างเฉยเมย “ฉันซูเฉิน กระทำสิ่งใดไม่เคยคิดลังเล อยากให้ฉันมอบคำอธิบาย แกคู่ควรหรอ?”

 

ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นจากรอบด้าน

 

จะยังไงฮั่วฮวนเป็นถึงยอดฝีมือสองอาชีพในระดับเทวะขั้น 4 ท่ามกลางมิติภายนอกนับร้อยนับพันปี ไม่ว่าใครเมื่อเผชิญหน้ากับเขา ก็ต้องยอมก้มหัวให้สามส่วน แต่ซูเฉินดันดูถูกเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย เห็นได้ชัดว่า ไม่เห็นฮั่วฮวนอยู่ในสายตา

 

ซูเฉินกับฮั่วฮวนต่างก็เป็นยอดฝีมือในบรรดาผู้แข็งแกร่ง ฝ่ายแรกสมญานามเทพสังหาร นับแต่เริ่มมีชื่อเสียง ไม่ทราบว่าสังหารศัตรูไปกี่คนแล้ว ฝ่ายหลังคือผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ในมิติภายนอก มีถึงสองอาชีพในระดับเทวะขั้น 4

 

หากทั้งสองปะทะกัน ใครจะแกร่งกว่ากัน?

 

ทุกคนในที่นี้ ต่างตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ