7/8

 

Ep.85

 

“ทั้งหมดรวมพล!”

 

เมื่อเข้ามายังสนามฝึกซ้อม เล่ยซานเอ่ยคำเดียว ทหารส่วนหนึ่งวิ่งเข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว มองจากมุมสูงตั้งแถวเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส

 

เล่ยซานค่อยๆกวาดสายตามองทหารเหล่านั้น ก่อนพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างรวบรัดว่า “นี่คือฉู่เซวียน สหายคนใหม่ที่จะมาอยู่ในอ้อมอกของพวกเรา ”

 

หลังจบคำแนะนำ เสียงปรบมืออย่างอบอุ่นดังขึ้น จากนั้นก็มีการพูดคุยกันในกองทหารเล็กๆน้อยๆ

 

“ฉู่เซวียน? ชื่อนี้ทำไมมันฟังดูคุ้นๆจัง” คนหนึ่งกระซิบ

 

“ฉันจำได้แล้ว! เขาคือเทพมรณะจากสนามประลอง!”

 

“เทพมรณะ? งั้นก็คนเดียวกับที่ฆ่าหวังเทียนป่าน่ะสิ แบบนี้พลังรบของเขาก็เท่ากับหัวหน้าถูกไหม?”

 

“หวังเทียนป่าอยู่แค่เลเวล 4 ขั้นปลาย แต่หัวหน้าพวกเราพลังรบอยู่ที่เลเวล 5 ขั้นกลาง จะเอามาเทียบกันได้ยังไง … ”

 

มองไปยังดวงตาของใครหลายคนที่จู่ๆก็เริ่มกระตือรือร้นขึ้นมา ฉู่เซวียนเกิดความรู้สึกว่าการมีชื่อเสียงโด่งดังเกินไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเช่นกัน  

 

“ดูเหมือนนายจะดังพอตัวเลยนะ” เห็นภาพนี้ เล่ยซานหันมาพูดกับฉู่เซวียน 

 

ฉู่เซวียนยักไหล่ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “บอกตามตรง ผมไม่นึกเลยว่าจะมีคนรู้จักมากขนาดนี้” 

 

เล่ยซานโบกมือ เสียงฮือฮาค่อยๆสงบลง “โตๆกันแล้วทั้งนั้น ฉันไม่ขอพูดเยอะ นับแต่วันนี้ไป ฉู่เซวียนจะอยู่ฝึกกับพวกเรา ปกป้องฐานทัพเทียนหัว! ทุกคนฝึกซ้อมกันมานานแล้ว น่าจะเหนื่อล้า ฉะนั้นอนุญาตให้หยุดพัก แยกย้ายได้! ”

 

สิ้นเสียงคำสั่ง ทหารในกองถอนหายใจยาว บางคนถึงกับทรุดนั่งลงบนพื้น 

 

เห็นได้ชัดว่าการฝึกที่นี่มีข้อกำหนดทางด้านสมรรถภาพร่างกายที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก

 

ฉู่เซวียนเดินไปกลางวงทหาร นั่งบนพื้นกับพวกเขา

 

แวบแรกพอเห็นฉู่เซวียนนั่งลงข้างๆ  พวกทหารรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เมื่อได้พูดคุยกันซักพัก ความอึดอัดก็ค่อยๆสลายไป บรรยากาศเริ่มคึกคัก

 

“ฉู่เซวียนวันนั้นทำยังไงนายถึงนำกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเข้าสู้กับกลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์คลั่งได้?  ” วัยรุ่นร่างผอมมองฉู่เซวียนด้วยดวงตาเปล่งประกาย ในแววตาเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

 

และเพราะท่าทีเลื่อมใสแบบบ้าคลั่งนี้เอง ทำให้ฉู่เซวียนสามารถจำชื่อของอีกฝ่ายได้ — หัวหยวน 

 

“เจ้าหวังเทียนป่าคนนั้นชอบอาละวาดไปทั่ว พวกลูกน้องในกลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์คลั่งของเขาก็เหมือนกัน มีพี่น้องหลายคนในกองทหารไม่พอใจพวกเขา” คนข้างๆเอ่ยขึ้น

 

“คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉันจะได้เห็นเทพมรณะในระยะประชิดแบบนี้ … ”

 

ฟังจากเสียงที่พรั่งพรูจากรอบตัว ใบหน้าของฉู่เซวียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาชอบบรรยากาศเป็นกันเองแบบนี้มาก

 

“ต่อให้ฉันไม่ทำ คิดว่ากลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์คลั่งคงอยู่ได้อีกไม่นานอยู่ดี เพราะสุดท้ายก็จะมีคนอื่นลงมือแทนฉัน ” ฉู่เซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ระหว่างที่ฉู่เซวียนกำลังหัวเราะพูดคุยกับคนอื่นๆ จู่ๆไม่ไกลออกไปได้เกิดความโกลาหลขึ้น   

 

“มีเรื่องอะไรกัน?” ฉู่เซวียนมองไปตามทิศทางของเสียง จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีชายหนุ่มดูเหมือนจะอายุราวๆ 20 ปี  ก้าวตรงเข้ามาทางตน

 

สีหน้าของคนรอบข้างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทันที คล้ายกับว่ากำลังจะมีเรื่องพิเศษเกิดขึ้น

 

ชายหนุ่มมองมายังฉู่เซวียนที่นั่งอยู่  ก้าวตรงเข้ามา เผยรอยยิ้มเหิมเกริมคล้ายไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

 

8/8

 

Ep.8

 

“นั่นเว่ยฉี เขาคิดจะทำอะไร?”

 

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เจ้าหมอนั่นกำลังเดินไปหาเทพมรณะ”

 

บางคนที่อยู่ข้างๆดูเหมือนจะรู้จักผู้มาเยือน เริ่มกระซิบกระซาบ

 

“ฉู่เซวียน ดูเหมือนเว่ยฉีจะมาหานาย” ข้างๆ ฉู่เซวียน หัวหยวนเอ่ยปากออกมา

 

“ถึงจะไม่รู้ว่าทำไม แต่เจ้าหมอนั่นไม่ได้มาดีแน่นอน”

 

“ถึงเว่ยฉีจะสู้ไม่เก่ง แต่ก็เป็นถึงผู้ใช้พลังเลเวล 4 ฉู่เซวียนนายต้องระวังตัวให้ดี … ”

 

ฟังเสียงจากรอบตัว ฉู่เซวียนเก็บข้อมูลของเว่ยฉีเอาไว้ในใจ หรี่ตาแคบลง จากนั้นสำรวจพลังรบของอีกฝ่าย

 

‘ระบบ เจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งแค่ไหน?’

 

“ตรวจสอบเสร็จสิ้น : สถานะ : ผู้ใช้พลัง ,  แร็งค์ : เลเวล 4,  ความว่องไว : 1630 ,  พละกำลัง : 942 , ร่างกาย : 62 , ค่าพลังจิต : 1641 , อบิลิตี้ : พลังธาตุไฟ”

 

‘เลเวล 4 แต่ความว่องไวกับพลังจิตเกิน 1000 หน่วยไปแล้ว แข็งแกร่งใช้ได้เลย’ ฉู่เซวียนคิดในใจ

 

อย่างไรก็ตาม พลังรบในตอนนี้ของฉู่เซวียน ยังเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก ดังนั้นไม่รู้สึกประหม่าหรือหวั่นไหวใดๆ ที่เขาทำมีแค่นั่งเงียบๆ รอเว่ยฉีมาถึง

 

“เทพมรณะฉันขอท้าสู้กับนาย!” ระหว่างจมอยู่กับความคิด เว่ยฉีก็มาถึงเบื้องหน้าของ ฉู่เซวียน ประกาศท้ารบทันที

 

เมื่อคำนี้เปล่งออกมา เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ฝูงชน 

 

นั่นเพราะพวกเขารู้ดีว่าผู้ที่มีเรื่องกับเทพแห่งความตายย่อมไม่พบจุดจบที่ดี หลายคนมองไปทางเว่ยฉีด้วยสีหน้าสับสน นึกไม่ออกว่าทำไมฝ่ายหลังถึงทำเรื่องบ้าๆแบบนี้

 

ด้านเว่ยฉี ตอนนี้เขารู้สึกเคืองเป็นอย่างมาก 

 

ทั้งๆที่ตนมาหาถึงที่ แต่ไอ้คนที่ชื่อเทพมรณะกลับไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำ

 

ความรู้สึกถูกละเลยนี้ทำให้เว่ยฉีหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

 

‘เหอ เหอ ไอ้เด็กขนยังไม่ขึ้นแต่กล้าเรียกตัวเองว่าเทพมรณะเอ๋ย วันนี้มาวัดกันซักตั้งว่าใครจะแกร่งกว่ากัน!’

 

“ก็เอาสิ ฉันยอมรับคำท้า” ในที่สุด ฉู่เซวียนก็ยืนขึ้น กล่าวอย่างเฉยเมย  

 

“โอ้ว เหล่าเล่ย ดูนั่นสิ เหมือนตรงนั้นจะมีเรื่องกันนะ” ชายในชุดเกราะรบสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ชี้ไปทางฉู่เซวียนที่กำลังคุยกับเว่ยฉี 

 

คนพูดก็เหมือนกับเล่ยซาน เขาเองก็เป็นผู้ใช้พลังเลเวล 5 เช่นกัน 

 

เล่ยซานหลังจากส่งฉู่เซวียนเข้าไปในกองทหารแล้ว เขาก็แยกออกมาในมุมหนึ่งของสนามฝึกซ้อม พูดคุยกับเพื่อนของตัวเอง

 

ได้ยินแบบนั้น เล่ยซานหันไปตามทิศทางที่ชี้ แล้วอดแสดงสีหน้ากลุ้มใจขึ้นมาไม่ได้

 

“เจ้าเด็กนั่น โผล่ไปที่ไหนก็ก่อความวุ่นวายอยู่เรื่อย” เล่ยซานยิ้มเจื่อน พูดด้วยท่าทีอับจนปัญญา

 

“อ้าว? ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น” ชายอีกคนถาม

 

“เหล่าหลี่ นายไม่รู้หรอก เด็กคนนั้นมาที่ฐานเทียนหัวได้แค่เดือนเดียว แต่เขาไม่ใช่แค่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองโดยการลงสู้ในสนามประลองเท่านั้น แต่ยังฆ่าหวังเทียนป่า และกวาดล้างกลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์คลั่งจนเหลือแค่ชื่อ แถมเขายังวิวัฒนาการจากเลเวล 3 ขึ้นเป็น 4 ระหว่างสู้กันได้ด้วย ” เล่ยซานอธิบายอย่างช้าๆ

 

ชายร่างใหญ่ที่ถูกเรียกว่าเหล่าหลี่พอได้ฟัง ก็หัวเราะออกมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ถึงงั้นก็เถอะ ไอ้นิสัยทำตามใจตัวเองของเจ้าเด็กนั่น ฉันว่าเหมือนนายเลยนะ”

 

เล่ยซานโบกมือด้วยท่าทีทุกข์ใจ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพลตรีเสิ่นมาขอด้วยตัวเอง ฉันไม่อยากให้เขาอยู่ในทีมของฉันเลย เหล่าหลี่นายช่วยรับเขาไปแทนได้ไหม”

 

“ไม่ล่ะ ให้อยู่กับนายนั่นแหละดีแล้ว” เหล่าหลี่กลอกตา “ตอนรับไม่รู้จักปฏิเสธแต่แรกเอง ”

 

จากนั้น ทั้งสองก็คุยกันอักสักพัก แล้วตัดสินใจว่าจะไปดูการต่อสู้ระหว่างฉู่เซวียนกับเว่ยฉี