Ep.76
พลตรี?
ได้ยินแบบนั้น ฉู่เซวียนพอเข้าใจขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่ากองทัพฐานเทียนหัวจะยังคงมีการปฏิบัติตามยศเหมือนก่อนวันสิ้นโลก
แต่แล้วไง? เรื่องนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขาซักหน่อย
“ตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์เสีย นายนี่มันโชคร้ายจริงๆ” ฉู่เซวียนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
ทหารยามพอได้ยินก็โกรธจัดทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “เจ้าหนู รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน? มันคือกองทัพ! แต่ถ้าแกอยากหาเรื่องตาย ฉันก็ไม่รังเกียจช่วยให้สมปรารถนา”
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของฉู่เซวียน ทหารยามที่เอ่ยปากกลับแข็งทื่อไปทั้งตัว
เพราะนัยน์ตาของฉู่เซวียน มันเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่คล้ายไม่แยแสต่อสรรพชีวิตใดในโลกหล้า อีกทั้งยังราวกับว่ามีทะเลเลือดและกองซากศพอยู่ข้างใน ปลดปล่อยแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
สองความคิดอันแตกต่างนี้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยวกันอย่างน่าแปลกประหลาด
อันที่จริงแล้ว นี่เป็นความสามารถใหม่ที่ฉู่เซวียนได้รับมาหลังจากฟิวชั่นกับแก่นแท้พลังงานมังกร และอาจเป็นเพราะด้วยสถานะซอมบี้ของเขา ทำให้ดวงตาของฉู่เซวียนเหมือนจะส่งผลกระทบต่อจิตใจอยู่บ้าง มันจะสร้างแรงกดดันต่อผู้ใช้พลังที่มีพลังรบน้อยกว่าตนเองจนอาจถึงขั้นหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
ยังไงก็ตาม พูดก็พูดเถอะ ตั้งแต่วันนั้น วิญญาณมังกรในเงาโลหิตก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย
ในเวลานี้ ทหารยามรู้สึกกดดันอย่างหนัก ราวกับตัวเขากลายเป็นมดปลวกที่พร้อมถูกบดขยี้ได้ตลอดเวลา
เจ้าตัวแทบสิ้นสติ เผลอขยับนิ้วโดยไม่รู้ตัว อาวุธที่ชี้ไปทางฉู่เซวียนถูกจุดชนวน
ปัง!
กระสุนพุ่งเข้าแสกหน้าฉู่เซวียน แต่ก็ถูกเขาใช้มือคว้าไว้ได้อย่างทันท่วงที
ทหารยามหนุ่มอีกคนที่มีหน้าตาค่อนข้างอ่อนน้อมเมื่อเห็นแบบนี้ ดวงตาเขาเบิกกว้างทันที
เพราะนี่คือกระสุนเฉพาะของกองทัพ เป็นกระสุนที่แม้แต่ผู้ใช้พลังสายร่างกายเลเวล 3 ก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ แต่เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเขากลับคว้ามันด้วยมือเดียว
เขาเป็นใครกันแน่!
“อย่า .. อย่าเข้ามา ถอยไปซะ!” ทั้งๆที่ยังถือปืนอยู่ แต่ทหารยามคนแรกกลับสั่นไม่หยุด แรงกดดันจากในดวงตาของ ฉู่เซวียนสร้างความหวาดกลัวแก่เขาจนไม่สามารถขยับตัวได้
อันที่จริงจะตำหนิว่าทหารยามคนนี้ขี้ขลาดเกินไปก็ไม่ถูกนัก เพราะเพื่อนที่เฝ้ายามด้วยกันกับเขา มีพลังรบอยู่ในเลเวล 2 เท่ากัน ขณะที่ต้องเผชิญกับผู้แข็งแกร่งเบื้องหน้า เขาเลยไม่อาจทำใจให้สงบได้
ผู้มาเยือนเบื้องหน้าเขาที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ ตอนนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากปีศาจร้าย!
ยังไงก็ตาม การกระทำต่อมาของฉู่เซวียน ทำให้ทหารยามหนุ่มที่มีหน้าตาอ่อนน้อมถ่อมตนต้องถอนหายใจโล่งอก
“พาฉันไปหาพลตรีเสิ่น” ฉู่เซวียนพูดกับเขา
“ขอรับ ขอรับ!” ทหารยามคนที่ถ่อมตนตอบรับอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเพื่อนทหารที่ยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง นำทางฉู่เซวียนไป
ณ จุดนี้ ทหารยามที่ดูอ่อนน้อมมั่นใจแล้วว่า ฉู่เซวียนคงรู้จักกับเสิ่นอี้จริงๆ ส่วนทหารยามที่พูดมากตอนแรก ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
“นายชื่ออะไร” ฉู่เซวียนเอ่ยถาม
“เซียวหง ” ทหารยามที่ดูอ่อนน้อมตอบกลับ
ฉู่เซวียนพยักหน้า แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน เซียวหงก็นำทางฉู่เซวียนมาถึงห้องที่ได้รับการตกแต่งแบบคลาสสิก และหน้าประตูมีทหารยามยืนอยู่สองคน
หลังจากฉู่เซวียนอธิบายเหตุผลในการมาเยือนของเขา หนึ่งในนั้นก็เข้าไปรายงาน และเดินกลับออกมาแทบจะในทันที เอ่ยกับฉู่เซวียนว่า “ มิสเตอร์ พลตรีเสิ่นเชิญท่านเข้าพบ”
ฉู่เซวียนพยักหน้า เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องที่ดูเก่าแก่แต่มีกลิ่นหอมรื่นรมย์
เซียวหงเห็นแบบนี้ เขาอดอ้าปากค้างไม่ได้
การที่คนๆหนึ่งสามารถทำให้พลตรีเสิ่นปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ แสดงว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
แต่ผู้มาเยือนคนนี้ดูจากหน้าตาแล้วยังเด็กมาก เหมือนไม่ใช่คนดังในฐานเทียนหัวเลย
แต่ไม่นาน คล้ายนึกอะไรบางอย่างออก ดวงตาของทหารยามหนุ่มเบิกกว้าง
เขาย้อนนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ กลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์คลั่งแห่งฐานเทียนหัวถูกทำลายลง
–เป็นไปได้ไหม ว่าบุคคลนิรนามที่ทำลายมัน คือคนๆนี้!?