ลง 75 76

5/8

Ep.75

“นายจะไปทำอะไรที่นั่น?” เฉียวหลวนถามด้วยความสงสัย

“ตามหาใครคนหนึ่ง” ฉู่เซวียนตอบ

“คนสำคัญหรอ?” เฉียวหลวนถามต่อ

“ใช่” ฉู่เซวียนผงกหัว ผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าเขา “เป็นคนสำคัญมาก”

ฉู่เซวียนย้อนนึกถึงวันวานอันน่าเบื่อหน่ายที่ถูกเติมเต็ม นึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตเขา

แม้ตอนนี้จะเป็นวันสิ้นโลก อย่างไรก็ตาม ฉู่เซวียนยังคงภาวนาในใจเสมอ ว่าเธอต้องยังมีชีวิตอยู่ และยังคงรอเขา

เห็นท่าทีที่แสดงออกมาของฉู่เซวียน เฉียวหลวนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

เขารู้ซึ้งดีถึงความรู้สึกของฝ่ายหลัง

เมื่อครั้งเกิดวันสิ้นโลก เขากับภรรยาเองก็พลัดพรากจากกัน ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะกลับมาอยู่พร้อมหน้า ความทุกข์ทรมานระหว่างทางเป็นอะไรที่ยากจะบรรยาย

เฉียวหลวนถอนหายใจ เอ่ยว่า “สหายฉู่ ฉันจะไม่ห้ามถ้านายต้องการไป แต่ขอให้เตรียมใจเอาไว้ด้วย เพราะหลังวันสิ้นโลก มนุษย์หลายพันล้านคนหายสาปสูญ , ตาย ไม่ก็กลายเป็นซอมบี้ ”

“แม้หลังก่อตั้งพันธมิตร สถานการณ์จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การนับจำนวนและระบุตัวตนประชากรเป็นไปด้วยความยากลำบาก โอกาสที่นายจะได้พบคนๆนั้นในฐานเทียนหัวมีต่ำมาก”

ฉู่เซวียนแม้ได้ยินแบบนั้น แต่สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย เจ้าตัวทราบเรื่องนี้มานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ในความคิดเขา แม้จะไม่พบเธอในฐานเทียนหัว แต่ก็อาจหมายความว่าเธอยังรอเขาอยู่ที่ฐานอื่นก็ได้

“หัวหน้าเฉียว ผมแน่ใจว่าเธอยังมีชีวิตอยู่” ฉู่เซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เฉียวหลวนไม่พูดอะไรอีก ปล่อย ฉู่เซวียนเดินไปกล่าวร่ำลาทุกคนที่รู้จักในช่วงที่ผ่านมา แล้วออกจากฐานกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไป

กองทัพฐานเทียนหัวไม่ได้ประจำการอยู่ด้านนอก แต่มีทำเลอยู่ใจกลางฐาน

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะหากมีส่วนใดส่วนหนึ่งของฐานเทียนหัวถูกโจมตีแล้วรับมือไม่ไหว กองทัพที่ตั้งอยู่ใจกลางจะได้ส่งกำลังพลเข้าสนับสนุนอย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้าใจตำแหน่งกลางฐานเทียนหัว จำนวนคนเดินเท้าบนท้องถนนก็ค่อยๆลดลง

เดินไปได้ซักพัก อาคารที่ดูโอ่อ่าตระการตาก็ปรากฏสู่สายตาฉู่เซวียน โดยสองข้างทางเข้าประตู มีผู้ใช้พลังติดอาวุธสองคนประจำการอยู่

พิจารณาจากกลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมาของพวกเขา บ่งบอกว่าทั้งสองคือผู้ใช้พลังเลเวล 2

ฉู่เซวียนเห็นแบบนั้น เขาลังเลเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ตัดสินใจเดินเข้าไป

เขายังจำได้ว่าตอนอยู่ในสนามประลอง คนที่ชื่อเสิ่นอี้เคยเชิญเขาร่วมกองทัพ อีกฝ่ายบอกว่าถ้ามาถึงแล้วให้เอ่ยชื่อตนออกไปได้เลย

แต่เอาจริงๆ ฉู่เซวียนยังคงเกิดความสงสัยอยู่บ้าง ​

เสิ่นอี้คือใคร?

แต่ฟังจากคำพูดที่ได้เจอกันครั้งก่อน ดูเหมือนว่าตำแหน่งของเขาในกองทัพจะไม่ต่ำต้อย

ระหว่างคิดเรื่องนี้ ฉู่เซวียนก็เดินมาถึงประตูแล้ว

“ที่นี่คือสถานที่สำคัญของกองทัพ ผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าใกล้!”

ฉู่เซวียนยังไม่ทันถึงหน้าประตู หนึ่งในทหารยามก็ตะโกนใส่เขา พร้อมยกปืนในมือขึ้นเล็ง

ได้ยินแบบนั้น ฉู่เซวียนได้สติกลับมาอีกครั้ง

มองไปยังปากกระบอกปืนที่ชี้มาทางเขา เจ้าตัวอดขมวดคิ้วไม่ได้

แม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ฉู่เซวียนยังคงระงับอารมณ์เขาแล้วพูดว่า “ฉันมาหาเสิ่นอี้”

อย่างไรก็ตาม ทหารยามที่ขึ้นเสียงดุเขาคล้ายได้ยินเรื่องตลก หัวเราะออกมาทันที “เจ้าหนู อย่าหาว่าฉันดูถูกนายเลยนะ แต่คนอย่างนาย แค่เอ่ยปากว่าอยากเจอพลตรีเสิ่นก็เจอได้หรอ?”