5/8

 

Ep.743

 

ซูเฉินสังเกตได้ ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จังหวะที่เนี่ยซือเฉียนออกมาช่วย มันผิดปกติเกินไป

 

ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้นเอง เห็นแค่เพียงเนี่ยซือเฉียนง้างแขน และขว้างลูกแก้วทรงกลมสีดำขนาดเท่าไข่ห่านออกไป

 

เมื่อลูกแก้วดำลอยเข้ามาใกล้ จู่ๆมันก็ระเบิดอย่างกะทันหัน

 

จากนั้น ดวงตาขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลก็ปรากฏขึ้น ปราณชั่วร้ายจากในตัวมันแผ่กระจายไปทั่ว ชวนให้คนที่มอง เกิดอาการหนาวสั่นไปทั้งตัว

 

เห็นแค่เพียงลูกตากลอกไปมาเล็กน้อย ก่อนยิงประกายแสงจากนัยน์ตา ตรงเข้าหาซูเฉิน

 

“มันเล็งมาที่ฉัน!”

 

ซูเฉินอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อได้สติ จิตสังหารก็ฟุ้งกระจายไปทั่วร่างเขา

 

ช่วงเวลานี้ ซูเฉินเข้าใจแล้ว ว่าเนี่ยซือเฉียนไม่ได้คิดช่วยเขาเลย แต่จะทำร้ายเขาต่างหาก!

 

ประกายแสงที่ลูกตาฉายออกมา ปะปนไปด้วยปราณชั่วร้าย ที่เหมือนกับของต้นผลกำเนิดมารและต้นม่านหมอกนรกทมิฬไม่มีผิดเพี้ยน และทั้งสองมีผลให้จิตสำนึกเกิดอาการปั่นป่วน

 

หากสัมผัสโดนปราณชั่วร้าย มีแนวโน้มว่าอาจตกอยู่ในสภาวะไร้สติเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในกรณีนั้น ซูเฉินจะไม่ต่างจากปลาบนเขียง ปล่อยให้ผู้อื่นลงมือฆ่าตามสะดวก

 

อาจกล่าวได้เลยว่า เนี่ยซือเฉียนลงมือในเวลานี้ ก็มากพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าจิตใจของเธอเลวร้ายเพียงใด

 

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงได้รับความเดือดร้อนจากพิษร้ายนี้ อย่างไรก็ตาม ร่างของซูเฉินมี [กายาเทพอสูรนิรันดร์] สามารถต้านทานสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง

 

ดังนั้น การที่เนี่ยซือเฉียนคิดใช้วิธีร้ายกาจนี้จัดการกับเขา เห็นได้ชัดว่าคำนวณผิด!

 

ในเวลาเดียวกัน ข้างนอกเวที เสียงตะโกนด้วยความโกรธของฉางไช่หลีดังขึ้น

 

“หลิวเฉียนฉิน! ประมุขวังน้ำแข็งกล้าดียังไงมาทรยศเรา! ทั้งยังให้ลูกศิษย์ใช้เนตรปีศาจกับซูเฉิน! ช่างกล้าแส่หาที่ตาย!”

 

เฉินเฟิงและคนอื่นๆได้ยินคำ ‘เนตรปีศาจ’ สีหน้าของพวกเขากลายเป็นน่าเกลียดถึงขีดสุด

 

มีข่าวลือว่า เนตรปีศาจถูกสร้างขึ้นจากดวงตาของเทาเที่ย

 

เทาเที่ยคืออสูรร้ายจากโบราณกาล และการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของมันคือปลดปล่อยแสงชั่วร้ายออกจากดวงตา มีผลทำให้จิตใจสับสน

 

ซึ่งเนตรปีศาจที่ถูกสร้างขึ้นจากดวงตาของเทาเที่ย นับเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะ ผู้ใดก็ตามที่ถูกลำแสงชั่วร้ายนี้ นอกเหนือจากระดับเทวะแล้ว ไม่มีใครสามารถหลบลี้จากการถูกควบคุมจิตใจได้

 

ขณะที่ซูเฉินอยู่แค่ขั้น 8 เท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดพ้นจากประกายแสงชั่วร้ายนี้

 

เฉินเฟิงและคนอื่นๆเริ่มกระวนกระจาย ทั้งหมดพุ่งเข้าหาซูเฉินพร้อมกัน พยายามช่วยซูเฉินแก้สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกตรงหน้า

 

“พวกนายคิดหรอว่าจะทันเวลา?”

 

สีหน้าของเนี่ยซือเฉียนฉายแววร้ายกาจ กล่าวเย้ยหยัน

 

ในเวลานี้ ซูเฉินถูกแสงจากเนตรปีศาจปกคลุมไปทั้งตัวแล้ว และตัวเขาคล้ายตกอยู่ในสภาวะมึนงงขาดสติ

 

เฉินเฟิงและคนอื่นๆคิดช่วยเหลือตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าสายเกินไป

 

“ตายซะ!”

 

ขณะเดียวกันนั้นเอง หยางเหวินเซวียนที่รวมร่างกับกระบี่ พุ่งเข้าสังหารซูเฉิน

 

ขณะที่ปลายแหลมกำลังจะเข้าถึงตัว พริบตานั้นลำแสงห้าสีปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซูเฉิน ภายใต้รังสีแสงของมัน ภูเขาทองขนาดสิบจั้งขยายใหญ่ขึ้นบดบังร่างเขาเอาไว้

 

กึ้งงงงงง!

 

วินาทีถัดมา หยางเหวินเซวียนในร่างกระบี่แทงลงบน [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] เสียงเหล็กดังสะท้อนกึกก้องไปทั่ว

 

ภายใต้แรงกระแทกมหาศาล [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] สั่นไหว ลำแสงทั้งห้าสายกระเพื่อมอย่างรุนแรง คล้ายได้รับความเสียหายไม่น้อย

 

อย่างไรก็ตาม มันสามารถป้องกันกระบวนท่าสังหารของหยางเหวินเซวียนเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

 

“ทำไมถึงทำอะไรมันไม่ได้เลย?”

 

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ร่างที่แท้จริงของหยางเหวินเซวียนถูกเปิดเผยออกมา จ้องมองไปยัง [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ด้วยอาการเหม่อลอย

 

“ทุกคนที่พยายามฆ่าฉัน พวกมันต้องตายด้วยน้ำมือฉัน ต่อให้เป็นแกก็ไม่มีข้อยกเว้น!”

 

ระหว่างที่หยางเหวินเซวียนกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ ทันใดนั้นเสียงเย้ยหยันดังลอดเข้ามาในหูเขา

 

6/8

 

Ep.744

 

“ท่าไม่ดีแล้ว!”

 

หยางเหวินเซวียนตระหนักถึงอันตราย ชักฝีเท้าถอยกลับอย่างรวดเร็ว

 

กระนั้น ล่าถอยได้แค่ไม่กี่ก้าว รอบด้านก็ปรากฏพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นกดทับเข้ามา

 

เจ้าตัวรู้สึกคล้ายสองเท้าจมลงไปในหล่มโคลน ทุกการเคลื่อนไหวกลายเป็นเชื่องช้าซบเซา

 

“พลังจิตขั้น 10! เป็นไปได้ยังไง!?”

 

สัมผัสได้ว่าเป็นพลังจิตขั้น 10 พันธนาการตนเองเอาไว้ สีหน้าของหยางเหวินเซวียนแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน สิ่งที่เห็นในสายตาเขา คือยักษ์ขนาด 10 จั้ง ที่กำลังยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น เตรียมเหยียบย่ำศีรษะเขา

 

ยักษ์ตนนี้มิใช่ใครอื่น เป็นซูเฉินที่เปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์]

 

“ไม่!”

 

มองไปยังเท้าของซูเฉินที่ย่ำลงจากเบื้องบน หยางเหวินเซวียนเปล่งเสียงร้องด้วยความสิ้นหวัง

 

ตูมมม!

 

ตามมาด้วยเสียงสะเทือนดังแสบแก้วหู หยางเหวินเซวียนถูกเหยียบเต็มเท้า กลายเป็นเนื้อบดบนเวทีประลอง ตายในสภาพมิอาจตายได้อีก

 

เหตุการณ์พลิกผันอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึง

 

ณ ตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงตกใจกับความแข็งแกร่งของซูเฉินเท่านั้น แต่ยังคงสับสนงงงวย

 

เห็นอยู่ชัดๆว่าซูเฉินถูกแสงชั่วร้ายห่อหุ้มเอาไว้ แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย?

 

หลังจากสังหารหยางเหวินเซวียน เขาหันขวับกลับมา จ้องเขม็งไปยังเนี่ยซือเฉียนไม่วางตา ข้างในดวงตาเต็มไปด้วยประกายเย็นเยียบ

 

“ศิษย์น้องซู .. ได้โปรดให้โอกาสสักครั้ง! ไว้ชีวิตฉันด้วย!”

 

ภายใต้การจับจ้องของซูเฉิน ร่างของเนี่ยซือเฉียนสั่นงันงก ลมหายใจเธอแทบจะขาดห้วง

 

“นังแพศยา!”

 

ซูเฉินแค่นเสียงเย็น สองเท้าสาดประกายสีม่วงระยิบระยับ เหินทะยานด้วยความเร็วอันน่าตกใจ พุ่งเข้ามายังเบื้องหน้าเนี่ยซือเฉียน ง้างแขนและทุบลงทันที

 

เนี่ยซือเฉียนถูกข่มโดยแรงกดดันของซูเฉิน ทั้งคนทั้งร่างแข็งค้าง นิ่งงันอยู่ที่เดิมราวกับคนโง่เขลา กระทั่งความกล้าที่คิดหลบหนี ก็ยังไม่อาจเรียกได้

 

หลิวเฉียนฉินนอกเวทีไม่ยินยอมเห็นเนี่ยซือเฉียนถูกฆ่า ขยับกายวูบไหว กระโจนขึ้นไป หมายเข้าขวาง

 

อย่างไรก็ตาม ทุกการกระทำของเธอ เดิมถูกฉางไช่หลี่จับตามองตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นยังไม่ทันถึงเวที เธอก็ถูกกิ่งไม้หลากสีของฉางไช่หลีส่งปลิวออกไป

 

“ฉางไช่หลี่! ถ้าเจ้ากล้าหยุดข้าอีกครั้ง ข้าขอสาบานว่าจะทำลายวังสุริยันจันทราของเจ้า!” หลิวเฉียนฉินร้องคำรามเดือดดาล

 

แต่พอสิ้นเสียง เธอก็ไออย่างรุนแรง อ้าปากพ่นโลหิตออกมาเป็นสาย

 

เห็นได้ชัด ว่าตอนถูกฉางไช่หลี่โจมตี เธอได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

 

“อาศัยเพียงเจ้าน่ะหรือ?”

 

ดวงตาของฉางไช่หลี่เย็นชา ผุดยิ้มหยามหยั่น

 

ตูมมมม!

 

ในเวลนั้นเอง เสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้นบนเวทีประลอง

 

เห็นแค่เพียงร่างของเนี่ยซือเฉียนจมหายลงในหมัดซูเฉิน

 

“อ๊าาาา!”

 

เห็นฉากนี้ หลิวเฉียนฉินกรีดร้องด้วยความโศกเศร้า ร่างเธอสั่นคลอนอยู่พักหนึ่ง เกือบจะเป็นลมล้มพับลงกับพื้น

 

ซูเฉินฆ่าเนี่ยซือเฉียนเสร็จ ก็หันกลับไปมองคนอื่นๆที่ถูกแช่แข็ง ขณะที่เขากำลังจะลงมือสังหารพวกมันให้สิ้นซาก ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นอย่างกะทันหัน

 

จู่ๆเขาก็พบว่าตลอดทั้งเวทีเปล่งแสงเจิดจ้า ในเวลาเดียวกัน คลื่นพลังงานขนาดใหญ่แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่

 

“ค่ายกลเคลื่อนย้าย?”

 

หนังตาซูเฉินกระตุก

 

หลังจากได้ใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายมาหลายครั้ง เพียงมองก็ทำให้เขาสามารถตระหนักได้ทันที ว่านี่คือกระบวนการของมัน

 

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนเวที คือสัญญาณของการเปิดค่ายกลเคลื่อนย้าย และในเวลานี้ ต่อให้คิดกระโจนหนีออกจากเวทีประลอง เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

 

เมื่อไม่ทราบว่าจะถูกส่งไปที่ใด ซูเฉินเปิด [มิติสันโดษ] อย่างรวดเร็ว รวบเอาพวกเฉินเฟิงและคนอื่นๆเข้าไป

 

วินาทีต่อมา ซูเฉินรู้สึกราวกับฟ้าหมุน จากนั้นทั้งร่างเขาก็สลายเป็นไอระเหย หายวับไปจากบนเวทีประลอง

 

“นี่พวกเจ้าส่งเขาไปที่ใด?”

 

เห็นซูเฉินถูกส่งตัวออกไป ฉางไช่หลี่มองหลิวเฉียนฉินและคนอื่นๆด้วยความโกรธ

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

 

ในตอนนั้นเอง ชายชราเคาแดงก้าวออกมาข้างหน้า หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เอ่ยปากกล่าวด้วยน้ำเสียงมืดมนว่า “เขาถูกส่งไปยังดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง”

 

ได้ยินคำ ‘ดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง’ ใบหน้าของฉางไช่หลี่และพวกเดียวกันซีดเผือดทันที