7/10

 

Ep.663

 

วังสุริยันจันทรา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะขุมกำลังอันดับหนึ่งของขุนเขาหวังเฉียวนอกจากนี้ซูเฉินยังคุ้นเคยกับเฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ จะมากจะน้อยพอรู้พื้นเพของพวกเขา

 

ซึ่งหากต้องเลือกขุมกำลังใดขุมกำลังหนึ่ง วังสุริยันจันทราเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

 

แน่นอน ยังไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะตกปากรับเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาได้ล่วงเกินขุมกำลังอื่นไปไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือตระกูลโอวหยางที่มีผู้แข็งแกร่งระดับเทวะอยู่

 

หากวังสุริยันจันทรายอมรับเขา ก็มีแนวโน้มว่าจะถูกขุมกำลังอื่นกดดัน และไม่แน่ว่าจะทนไหวรึเปล่า

 

ครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายซูเฉินยังตัดสินใจว่าจะถามออกไป เพราะนอกจากวังสุริยันจันทราแล้ว เขาไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วจริงๆ

 

“พี่เฉิน ถ้าฉันขอเข้าร่วมกับวังสุริยันจันทราของคุณ คุณคิดว่าทางนิกายจะยอมอ้าแขนรับฉันรึเปล่า?” ซูเฉินลองเลียบเคียงถาม

 

“หา?”

 

เฉินเฟิงไม่คิดว่าซูเฉินจะถามคำถามนี้ เขาชะงักไปทันใด

 

สีหน้าการแสดงออกของเซี่ยจิงอี้เองก็เปลี่ยนไป เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เฮียซู ที่เฮียพูดมาจจริงรึเปล่า? เฮียจะเข้าร่วมกับวังสุริยันจันทราของพวกเราจริงๆน่ะหรอ?”

 

ซูเฉินเป็นอัจฉริยะในการฝึกตนที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้

 

สัตว์ประหลาดเช่นเขา ไม่ว่าขุมกำลังใดก็ต้องการแก่งแย่งไปครอบครอง

 

“ใช่” ซูเฉินพยักหน้า

 

ได้รับคำตอบยืนยันของซูเฉิน เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้มองหน้ากัน ในแววตาของแต่ละฝ่าย สะท้อนให้เห็นถึงความประหลาดใจของกันและกัน

 

ทั้งสองสามารถจินตนาการได้ หากซูเฉินเข้าร่วมกับวังสุริยันจันทรา กำลังรบโดยรวมของวังสุริยันจันทรจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน

 

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของซูเฉิน อย่าว่าแต่โควต้างานประลองรอบคัดเลือกของขุนเขาหวังเฉียวเลย แม้แต่โควต้าเข้าสู่มิติท้ารบเกรงว่าก็ยังสามารถคว้ามาไว้ในมือ

 

“เฮียซู ถ้าเฮียต้องการเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราของเราจริงๆ ทางเบื้องบนของนิกายจะต้องอ้าแขนต้อนรับเฮียอย่างอบอุ่นแน่นอน” เฉินเฟิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น

 

“เกรงว่าพวกเขาจะต้องกังวลในภายหลังน่ะสิ” ซูเฉินปาดจมูก พึมพำกับตัวเอง

 

เหลิงมู่เย่ที่อยู่ข้างๆรู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้ถึงตื่นเต้นมากขนาดนี้? เป็นไปได้ไหมว่าซูเฉินคืออัจฉริยะชั้นยอด?

 

แต่ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ไม่เห็นต้องกระตือรือร้นถึงขั้นนี้เลยถูกไหม? เพราะใครบ้างในวังสุริยันจันทราที่ไม่ใช่อัจฉริยะ?

 

เหลิงมู่เย่จ้องมองซูเฉินด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนเอ่ยถามว่า “ขอโทษที น้องซูตอนนี้มีระดับฝึกตนอยู่ในขั้นไหน?”

 

“ขั้น 7 ” ซูเฉินตอบตามความจริง

 

“ขั้น 7!”

 

สีหน้าของเหลิงมู่เย่แปรเปลี่ยนไป กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “น้องซู ปีนี้นายอายุเท่าไหร่”

 

ซูเฉินดูยังไงก็อายุไม่ถึง 20 ปี การที่สามารถขึ้นเป็นผู้ฝึกตนขั้น 7 ทั้งที่ยังเยาว์ เรียกได้เลยว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ ที่แม้แต่ในวังสุริยันจันทราก็ยังถือว่าโดดเด่นเป็นกระเรียนท่ามกลางฝูงไก่ คุ้มค่าที่จะให้ความสนใจแน่นอน

 

“17 ปี”

 

ซูเฉินปาดจมูกเขา ตอบอย่างเฉยเมย

 

“แค่ 17 ปี!”

 

เหลิงมู่เย่อ้าปากค้าง ทั้งคนทั้งร่างตะลึงลานไปชั่วขณะ

 

เมื่อเห็นสีหน้าของเหลิงมู่เย่ เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้อดหัวเราะไม่ได้

 

ในตอนที่พวกเขารู้ว่าซูเฉินอายุ 17 ปี ก็แสดงอาการตกใจจนเกินบรรยายแบบนี้เช่นกัน

 

“ศิษย์พี่เหลิง เฮียซูอายุแค่ 17 ปีเท่านั้นจริงๆ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ฝึกตนทุกอาชีพขั้น 7 อีกด้วย” เฉินเฟิงช่วยเสริม

 

“อะไรนะ?”

 

เหลิงมู่เย่ตอนนี้อ้าปากจนกรามค้างไปแล้ว

 

แค่ผู้ฝึกตนขั้น 7 อาชีพเดียวก็น่าเหลือเชื่อมากพอแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องผู้ฝึกตนทุกอาชีพขึ้นมาอีก นี่มันเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว!

 

เฉินเมิ่งเฟยที่อยู่ไม่ไกลยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิต

 

ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยตกตะลึงกับซูเฉิน หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เห็นคนเกิดอาการเดียวกับเธอ หญิงสาวก็อดรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

เหลิงมู่เย่กลืนน้ำลายลงคือ ค่อยๆผ่อนคลายลง

 

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงของเซี่ยจิงอี้ก็ดังเข้ามาในหูเขา

 

“แม้เฮียซูจะอยู่แค่ขั้น 7 แต่ความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาเหนือกว่าระดับเดียวกันมาก มีครั้งหนึ่งที่เคยสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งขั้น 9 ลงได้!”

 

8/10

 

Ep.664

 

“สังหารศัตรูข้ามขั้นได้ถึงสองระดับ?”

 

เหลิงมู่เย่เบิกตากว้างจนดูคล้ายลูกปัด สมองของเขาหยุดสั่งการ

 

คำพูดนี้ของเซี่ยจิงอี้ สร้างความตื่นตกใจแก่เขาอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน

 

แต่เหลิงมู่เย่หารู้ไม่ ว่าที่เซี่ยจิงอี้พูดนั้นตัดความจริงบางส่วนออกไปแล้ว

 

เพราะซูเฉินไม่ได้ฆ่าผู้ฝึกตนขั้น 9 เพียงคนเดียว แต่เคยฆ่าไปถึง 3 คน!

 

อีกทั้งที่สังหารไป ทั้งหมดล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่ายิ่งเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่และหนันหมาน ทั้งสองคนนี้เทียบได้เลยกับตัวตนขั้น 10

 

แต่พวกเขาก็ยังตายด้วยน้ำมือของซูเฉิน

 

แค่นี้คงพอแสดงให้เห็นแล้ว ว่าซูเฉินน่ากลัวขนาดไหน

 

ซูเฉินกระแอม เอ่ยถามว่า “พี่เฉิน คุณก็น่าจะรู้เรื่องฉันไม่มากก็น้อย แล้วแบบนี้ฉันยังเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราได้อีกหรอ?”

 

“คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ขนาดนั้นนะ” เฉินเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับ

 

ช่วงที่ผ่านมา เอาจริงๆซูเฉินสร้างปัญหาขึ้นไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับคุณค่าของเขาแล้ว ภัยพิบัติเหล่านี้ไม่นับเป็นสิ่งใด

 

“น้องซูไม่ต้องเป็นห่วง ตราบใดที่นายเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทรา จะไม่มีใครกล้าแตะต้องนายแม้แต่ปลายเส้นผม”เหลิงมู่เย่เอ่ยขึ้น

 

หลังจากที่ได้รู้ถึงกำลังรบที่แท้จริงของซูเฉินแล้ว เขาตระหนักได้ทันที ว่าการเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราในครั้งนี้เป็นอะไรที่พิเศษมาก

 

อัจฉริยะเช่นซูเฉิน จะต้องกลายเป็นเป้าหมายในการแก่งแย่งกันของนิกายต่างๆอย่างแน่นอน หากเขาไม่ได้เข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทรา คงนับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่

 

“พี่เหลิง พี่ยังไม่รู้ว่าฉันทำอะไรลงไปบ้าง มีคนมากมายต้องการฆ่าฉัน” ซูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

การเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ขณะเดียวกัน คนที่เขาล่วงเกินก็ไม่ใช่ขุมกำลังธรรมดา ซูเฉินเลยคิดว่าต้องบอกเรื่องนี้กับเหลิงมู่เย่

 

เหลิงมู่เย่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นน้องซูก็ลองเล่ามาเถอะ

 

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้เพิ่งรู้จักซูเฉินไม่นาน ทั้งสองจึงเงี่ยหู ตั้งใจฟังเช่นกัน

 

ซูเฉินค่อยๆเล่าอย่างช้าๆ แน่นอน สิ่งที่เขาประสบ หากให้บอกทุกขั้นทุกตอนอย่างละเอียด เกรงว่าสามวันสามคืนก็คงไม่หมด จึงมุ่งเน้นไปในส่วนที่สำคัญๆ

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อซูเฉินเล่าจบ การแสดงออกทางสีหน้าของเหล่าศิษย์แห่งวังสุริยันจันทราก็กลายเป็นเคร่งขรึมผิดปกติ

 

วีรกรรมของซูเฉิน มากพอที่จะใช้อธิบายด้วยคำว่า ‘ทำลายล้างโลก’

 

สังหารอัจฉริยะของสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ , สังหารบุตรชายของเฝิงหลี่ , สังหารอาวุโสของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู , สังหารอาวุโสของจักรวรรดิเฉินเชิ่ง นอกจากนี้ยังมีอัจฉริยะจากตระกูลโอวหยางที่มีระดับเทวะอยู่ด้วย

 

เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว สามารถกล่าวได้เลยว่า ซูเฉินได้ล่วงเกินขุมกำลังใหญ่เกือบทั้งหมดในเผ่ามนุษย์

 

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคนๆนั้นคงตายไปนานแล้ว แม้แต่เศษซากก็ไม่หลงเหลือ

 

ทว่าซูเฉินกลับยังคงมีชีวิตอยู่ และสุขสบายดี! จุดนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงกำลังรบอันแข็งแกร่งของเขา

 

“น้องซู นายน่าทึ่งมากจริงๆ” เหลิงมู่เย่เดาะลิ้น ทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์จากก้นบึ้งของหัวใจ

 

“พี่เหลิงชมกันเกินไปแล้ว”

 

ซูเฉินหัวเราะ แล้วหันมาถามว่า “ได้รู้เรื่องราวของผมแล้ว พี่เหลิงคิดว่าผมยังสามารถเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราได้อยู่ไหม?”

 

“แน่นอน นายเข้าร่วมได้”

 

เหลิงมู่เย่ไม่ลังเลเลยสักนิด กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ

 

อัจฉริยะเช่นซูเฉิน หมื่นปีถึงจะถือกำเนิดขึ้นซักคน เขาผู้นี้มีโอกาสสูงมากๆที่จะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับเทวะ

 

ผู้อาวุโสระดับสูงของวังสุริยันจันทราจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?

 

สำหรับขุมกำลังอื่นที่ซูเฉินล่วงเกิน เรื่องนั้นเป็นปัญหาแน่นอน

 

แต่ด้วยรากฐานกำลังรบของวังสุริยันจันทรา ย่อมสามารถต้านทานศัตรูเหล่านั้นได้

 

เห็นเหลิงมู่เย่มั่นใจ ซูเฉินประหลาดใจมาก เลียบเคียงถามว่า “พี่เหลิง ในบรรดาขุมกำลังที่ฉันล่วงเกิน มีระดับเทวะอยู่ด้วยนะ”

 

เหลิงมู่เย่หัวเราะ และกล่าวว่า “มีระดับเทวะอยู่แล้วยังไง? ถ้านายไปถึงระดับเทวะเมื่อไหร่ นายจะไม่สามารถกลับมายังทวีปนี้ได้โดยง่าย แล้วถ้าจะให้พูดอีก ทางวังสุริยันจันทราของพวกเราเองก็มีบรรพชนระดับเทวะอยู่ถึง 2 คนเหมือนกัน แล้วแบบนี้–

 

–ไอ้หน้าไหนจะกล้ามายั่วโมโห?”