3/10

 

Ep.593

 

ซูเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วประกาศแผนการรบทันที “พี่เฉิน ฝากคุณกับพี่เซี่ยจัดการพวกเลเวล 7 ส่วนเลเวล 8 สองตน และเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”

 

แม้เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้จะอยู่ในเลเวล 6 ทว่ากำลังรบของพวกเขาเหนือกว่าเลเวลเดียวกันมาก ต่อให้ไม่ถึงขั้นสามารถสังหารเลเวล 7 ได้ แต่ถ้าถ่วงเวลา ไม่น่ายาก

 

ว่าจบ เขาก็เปิด [ระบบรับสมัครทหาร] จ่ายสองแต้มพลังงานผูกมัดสองศิษย์พี่น้อง

 

หากบังเอิญโชคดีสังหารเลเวล 7 ได้จริงๆ มันจะดรอปชิ้นส่วนได้อย่างน้อยหลายร้อยชิ้น ถ้าไม่ผูกมัดเอาไว้ ซูเฉินคงขาดทุนแย่

 

เมื่อได้ยินว่าซูเฉินจะรับมือกับเลเวล 9 และเลเวล 8 อีกสองตนเพียงลำพัง เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง

 

“อาเฮียซู นี่ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม?”

 

เฉินเฟิงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

“วางใจเถอะ ฉันเองก็มีผู้ช่วยเหมือนกัน” ซูเฉินยิ้ม ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก

 

จากนั้น เขาก็เรียก [นักรบจักรกล] ออกมายืนเคียงข้าง ใช้ [อัญมณีอัพเกรด] เลื่อนขั้นมันเป็นเลเวล 7 แล้วติดตั้งหินพลังงานเลเวล 7 สองก้อนลงไป

 

เฉินเฟิงส่ายหัว ลอบถอนหายใจ ‘อาศัยแค่หุ่นเชิดกับคนบนรถคันนี้น่ะเหรอ?’

 

เมื่อเห็นว่าผู้ช่วยที่ซูเฉินกล่าวถึงคือพวกหวู่หยางและ [นักรบจักรกล] หัวใจของเฉินเฟิงก็กลายเป็นด้านชา

 

แม้ว่าหวู่หยางและคนอื่นๆจะมีกำลังรบไม่เลว แต่คนที่แข็งแกร่งสุดอยู่ในเลเวล 5 เท่านั้น แค่ผู้ฝึกตนเลเวล 7 ฝั่งศัตรูตนเดียว ก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดลงได้แล้ว เรียกได้เลยว่าไม่มีทางก่อคลื่นลมใดๆ

 

ส่วน [นักรบจักรกล] อย่างมากแค่สกัดกั้นผู้ฝึกตนเลเวล 7 ได้ และไม่อาจคาดหวังอะไรมากกว่านี้

 

ดังนั้น หมายความว่าซูเฉินต้องเผชิญหน้ากับเลเวล 9 และ 8 เพียงลำพัง ในกรณีนี้ไม่ต้องพูดถึงชัยชนะ เกรงว่าคงถูกสังหารในพริบตาเดียว

 

บอกเล่าแผนการเสร็จสิ้น ซูเฉินหันมากำชับอีกครั้ง “เสี่ยวจือ ถ้ามีผู้ฝึกตนเลเวล 7 โจมตีนาย ขอให้บินหนีขึ้นฟ้าทันที เข้าใจไหม”

 

ว่าจบ เขาก็เปิดประตูและก้าวลงจากรถ

 

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้กัดฟัน ก้าวเดินตามอย่างช่วยไม่ได้

 

ขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารกลุ่มใหญ่ของชาวราชวงศ์อสูรก็มาถึงเบื้องหน้าแล้ว

 

“มนุษย์! เป็นเจ้าจริงๆ!”

 

ท่ามกลางชาวราชวงศ์อสูร ชายตนหนึ่งที่สวมมงกุฏเหนือศีรษะ มีอายุย่างเข้าวัยกลางคน และกำลังแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามออกมา เมื่อมองเห็นหน้าซูเฉินชัดๆ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นทันที

 

“เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ซูเฉินยิ้มบาง

 

ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าเขามิใช่ใครอื่น เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ ที่เคยพบกันในเมืองทงเทียนนั่นเอง

 

“ฮ่า ฮ่า … ”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย “ไอ้หนู ทางไปสวรรค์มีไม่เลือกเดิน ดันมาเคาะประตูนรก ครั้งก่อนในเมืองทงเทียน เจ้าโชคดีหลบหนีไปได้ คราวนี้มาดูกัน ว่าเจ้าจะรอดชีวิตไปได้อย่างไร!”

 

ในตอนที่อยู่เมืองทงเทียน ซูเฉินสังหารลูกน้องของเทพศักดิ์สิทธิ์ไปนับพันตน และในบรรดาลูกน้องเหล่านั้น ยังมีผู้ฝึกตนเลเวล 5 กว่า 20 ตน ที่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาเขา

 

อาจกล่าวได้ว่าทำให้เทพศักดิ์สิทธิ์เสียหน้ายับเยิน ด้วยเหตุนี้ ความเกลียดชังที่เขามีต่อซูเฉินจึงบาดลึกเข้ากระดูกดำ

 

ครั้งนี้เมื่อได้พบซูเฉินในอาณาเขตของตัวเอง เขาสาบานว่าจะถลกหนังซูเฉิน ทำให้ซูเฉินรู้สึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้

 

ซูเฉินเบ้ปาก เขาหัวเราะและกล่าวคำดูถูก “ครั้งก่อนที่เจอกันในเมืองทงเทียน แกทำอะไรฉันไม่ได้ วันนี้ก็จะทำไม่ได้เช่นเดียวกัน รู้ไหมว่าเพราะอะไร?”

 

กล่าวถึงตรงนี้ ซูเฉินนิ่งไปเล็กน้อย ผุดยิ้มออกมา “ก็เพราะแกมันก็แค่ขยะในสายตาฉันอย่างไรเล่า!”

 

ทันทีที่คำนี้ประกาศออกมา รอบด้านตกอยู่ในความเงียบสงัดจนน่าขนลุก

 

เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้อ้าปากค้าง ในสมองคล้ายมีเสียงอื้ออึงเล็กน้อย

 

ซูเฉินเยาะเย้ยผู้แข็งแกร่งเลเวล 9 แบบต่อหน้าต่อตา นี่ไม่เท่ากับเป็นการโยนตัวเองลงสู่ความตายหรอกหรือ?

 

เหล่าราชวงศ์อสูรเบิกตากว้างจ้องมองซูเฉิน ในแววตาของพวกมันเต็มไปด้วยความโกรธ

 

เพราะความยิ่งใหญ่ของเทพศักดิ์สิทธิ์มิใช่สิ่งที่จักถูกดูหมิ่นได้!

 

แต่มนุษย์คนหนึ่ง กล้าดีอย่างไรถึงพ่นวาจาให้ร้ายเขา?

 

ผู้ใดกันที่ให้ความกล้ามนุษย์ผู้นี้? หรือสมองของมันใช่เสียสติไปแล้วหรือไม่?

 

4/10

 

Ep.594

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ไอ้หนู เจ้าทำให้ข้าโกรธได้สำเร็จแล้ว เราราชาจะทำให้เจ้ารู้สึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้!”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์เป่ยยี่หัวเราะกราดเกรี้ยว ปราณสังหารอันรุนแรงแผ่ซ่านออกมาจากทั่วร่างเขา กระพือไปเบื้องหน้าดั่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ กดดันเฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้จนไม่สามารถหายใจได้ ต้องชักฝีเท้าถอยไปหลายก้าว

 

“เหอะ!”

 

ซูเฉินแค่นเสียงเย็น หลังจากนั้น ได้ยินเพียงเสียง ‘ปึดดด!’ สะท้อนออกมาจากตัวเขา ร่างกายค่อยๆสูงใหญ่ขึ้นเป็นสิบจั้ง กลิ่นอายอันทรงพลังของผู้ฝึกตนเลเวล 8 เปิดเผยออกมาโดยไม่มีการเก็บงำใดๆ

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ เขาไม่กล้าประมาท

 

ทันทีที่ไพ่ตายนี้ถูกเปิดเผยออกมา มันไม่เพียงสามารถข่มชาวราชวงศ์อสูรเท่านั้น แต่ยังช่วยเรียกความมั่นใจของเฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ให้กลับมาอีกด้วย

 

“อาเฮียซู ที่แท้คุณก็มีวิชาแปลงร่างด้วย!”

 

เฉินเฟิงประหลาดใจมาก แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเริ่มกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง

 

เพราะหลังจากที่ซูเฉินแปลงร่าง ระดับฐานฝึกตนได้ขึ้นมาอยู่ในเลเวล 8

 

ซึ่งในกรณีนี้ มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะงัดกับเทพศักดิ์สิทธิ์เลเวล 9 ได้

 

“นี่เจ้ามาถึงขั้น 8 แล้วจริงๆ?”

 

สีหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ทั้งตกใจและสับสน

 

เพราะเขายังจำได้แม่น ย้อนกลับไปตอนเมืองทงเทียน ซูเฉินมีเลเวลอยู่ที่ 4 เท่านั้น แต่นี่ผ่านมาแค่ไม่กี่เดือน กลับสามารถปีนป่ายมาถึงเลเวล 8 ได้อย่างน่าทึ่ง

 

แม้ได้เห็นกับตา แต่ก็ยังยากจะทำใจเชื่อ

 

‘อย่าบอกนะว่านี่คือพรสวรรค์อันน่าสะพรึงของผู้ที่จักสามารถก้าวข้ามขั้น 10 ไปได้?’ เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่กำหมัดแน่น ลอบร้องในใจ

 

ความไวในการฝึกฝนของซูเฉินรวดเร็วมาก เป็นความเร็วที่พบเจอได้ยากยิ่งในโลกใบนี้ นี่ทำให้ในหัวใจเขาเกิดความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ

 

แต่ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เขายิ่งตั้งมั่นกว่าเดิม ว่าจะต้องกำจัดซูเฉินให้สิ้นซากให้จงได้

 

หลังจากซูเฉินเปิดใช้งาน เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] เขาก็เปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] ต่ออย่างรวดเร็ว ยกเว้นหมาป่ากลายพันธุ์สามตัว สัตว์เลี้ยงวิญญาณตนอื่นๆล้วนถูกเรียกออกมาทั้งหมด

 

“สัตว์เลี้ยงวิญญาณ … หนึ่งในนั้นมีขั้น 8 รวมอยู่ด้วย!!”

 

สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่เล็ดลอดออกมาจากด้วงเขมือบทองคำ สีหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

ชาวราชวงศ์อสูรก็ไม่ต่างกัน การแสดงออกของพวกเขาเริ่มดูตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย

 

สัตว์เลี้ยงวิญญาณที่ซูเฉินเรียกออกมา มีเต่าทรราชปราณฟ้าและหงส์เพลิงที่เลเวลต่ำสุดอยู่ที่ 6 สูงสุดคือด้วงเขมือบทองคำเลเวล 8 พวกมันสร้างแรงกดดันทางจิตใจอย่างหนักต่อชาวราชวงศ์อสูร

 

“เฮียซูมีสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่ทรงพลังอยู่มากขนาดนี้เชียว!?”

 

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ตกใจมาก แทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี

 

ในตอนแรก พวกเขาคิดว่าผู้ช่วยที่ซูเฉินกล่าวถึงคือหวู่หยางและคนอื่นๆ ไม่นึกเลยว่าซูเฉินจะยังเก็บงำไพ่ตายที่ทรงพลังเอาไว้มากขนาดนี้

 

ด้วยผู้ช่วยที่ทรงพลังจำนวนมาก บางทีอาจมีโอกาสชนะจริงๆ

 

“เสี่ยวฉง เสี่ยวหลิว เลเวล 8 สองตนนั้นขอมอบให้พวกนาย!”

 

ระหว่างนั้นเอง ซูเฉินออกคำสั่งทันที “ลงมือได้!”

 

สิ้นเสียง ทั้งคนทั้งร่างของเขาทะยานเข้าหาเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่

 

ด้วงเขมือบทองคำและสัตว์เลี้ยงวิญญาณตนอื่นๆต่างมองหาคู่ต่อสู้ของตัวเอง

 

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ มุ่งเป้าไปทางชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 7 ตรงเข้าสังหารพวกมัน

 

“รนหาที่ตาย!”

 

เห็นซูเฉินโร่เข้ามาเพียงลำพัง สีหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่แปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย ง้างแขนและทุบกำปั้นสวนออกไป

 

ชาวราชวงศ์อสูรตนอื่นๆก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เข้าต่อสู้กับด้วงเขมือบทองคำอย่างดุเดือด

 

ส่วนพวกระดับต่ำลงมา ตรงเข้าล้อมรอบ [รถศึกอัจฉริยะ]

 

 

สัมผัสได้ถึงลมกรรโชกที่พัดเข้ามา ซูเฉินไม่ลังเลใจเลยที่จะชก [หมัดดาวตก] สวนไป

 

วินาทีถัดมา เงาหมัดสีทองอร่ามปะทะเข้ากับหมัดสายลมของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ บังเกิดเสียงปะทะดังเป็นชุด

 

ตูม ตูม ตูมมม!

 

เงาหมัดทองคำสูญเสียประกายแสงทว่ายังไม่หมดไป ขณะเดียวกันหมัดสายลมของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ถูกทำลาย เงาหมัดที่เหลือชกลงบนร่างอีกฝ่าย

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่เลือกที่จะไม่หลบ ต้านทานหมัดอันหนักหน่วงเหล่านี้ ผลลัพธ์คือร่างกายเขาสั่นไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

“เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งจริงๆ”

 

เห็นภาพนี้ สีหน้าของซูเฉินทอแววประหลาดใจ แต่ก็ยังพุ่งเข้าหาเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่อย่างไม่ลังเล