Ep.329

 

“โต้วหวู่ฉางที่แกพูดถึง เป็นมนุษย์หรือซอมบี้?” ซูเฉินถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ

 

“เป็นซอมบี้” เจียงคุนตอบทันที

 

สมองของซูเฉินเริ่มปั่นความคิด ในกรณีนี้ ไม่ใช่หมายความว่าเมืองจินอากำลังถูกซอมบี้ยึดครองอยู่หรือ?

 

และเมืองใหญ่เช่นนั้น จะมีซอมบี้อาศัยอยู่กี่ตัวกัน? อาจถึงหลักแสนเลยก็ได้

 

หากสามารถสังหารพวกมันทั้งหมด คงดรอปชิ้นส่วนได้ไม่น้อย

 

“โต้วหวู่ฉางอยู่ในระดับไหน? แล้วเมืองจินอามีซอมบี้ทั้งหมดกี่ตัว?” ซูเฉินถามอย่างใจเย็น

 

“โต้วหวู่ฉางอยู่ในระดับเลเวล 5 ส่วนในเมืองมีซอมบี้ทั้งหมด 50,000 ตัว” เจียงคุนตอบตามความจริง

 

“แค่นั้นเองหรอ?” ซูเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

 

เจียงคุนเกิดความสับสน ลอบคิดในใจว่า ‘ 50,000 ตัวนี่ยังนับว่าน้อยหรือ? แล้วทำไมฟังจากที่พูด ดูเหมือนแกกำลังคิดจะกวาดล้างซอมบี้ในเมืองจินอาทั้งหมดกัน?’

 

‘คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานขนาดนั้นเชียว?’

 

‘ก็เอาสิ ถ้าแน่นักก็ลองไปที่เมืองจินอาดู ฉันกล้าพนันเลยว่าแกจะไม่มีวันได้กลับออกมา กระทั่งศพก็ยังไม่เหลือแม้แต่กระดูก!’

 

แน่นอน เขาทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมาเด็ดขาด

 

ซูเฉินหยุดความคิดตัวเอง เอ่ยถามต่อ “แล้วผู้หญิงอ้วนที่แกแลกเปลี่ยนด้วยคือใคร?”

 

“เธอคือรองหัวหน้ากลุ่มอินทรีทอง” เจียงคุนตอบ

 

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของซูเฉินเริ่มหม่นลง

 

แน่นอนว่าเขารู้จักกลุ่มอินทรีทองเป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งฆ่าพวกมันไป

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ กลุ่มอินทรีทองกล้าขายเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของตนให้กับซอมบี้ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง แบบนี้ไม่มีความเป็นมนุษยธรรมเลย

 

แม้ซูเฉินจะไม่ใช่คนชอบวุ่นวายเรื่องคนอื่น แต่สิ่งที่กลุ่มอินทรีทองทำ เขายอมไม่ได้

 

ซูเฉินได้ใส่ชื่อกลุ่มอินทรีทองลงในลิสรายชื่อที่ต้องสังหาร

 

ในอนาคต หากเจอรังของพวกกลุ่มอินทรีทอง เขาจะขุดรากถอนโคนพวกมัน

 

ซูเฉินสูดหายใจลึก ระงับความโกรธในใจ เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “แล้วทำไมแกถึงต้องซื้อมนุษย์ด้วย?”

 

ได้ยินคำถามนี้ เจียงคุนก็เกิดความลังเลขึ้นมา ลูกตาเขาเริ่มกลิ้งกลอก

 

ซูเฉินสังเกตเห็นพฤติกรรมของมัน เอ่ยเสียงแข็งว่า “แกทำตัวฉลาดและรู้งานมาโดยตลอด ถึงตอนนี้ถ้ากล้าโกหกขึ้นมา ได้ตายศพไม่สวยแน่”

 

เจียงคุนสูดลมหายใจเย็นเยียบ สุดท้ายกัดฟันกล่าวว่า “ท่านอาวุโส นี่ไม่ใช่ความต้องการของฉัน ฉันก็แค่เด็กวิ่งงาน คอยจัดการธุระแทนให้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นโต้วหวู่ฉางที่ต้องการ”

 

“ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น?” น้ำเสียงของซูเฉินเย็นชา เขารู้สึกได้รางๆว่าเรื่องนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด

 

“โต้วหวู่ฉางเลี้ยงอสูรร้ายเอาไว้ และอสูรร้ายตัวนั้นชอบกินเลือดเนื้อเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะของมนุษย์ … ” เจียงคุนกล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดไป

 

แต่ความหมายนั้นกระจ่างแล้ว ที่แท้มนุษย์พวกนี้ก็ถูกซื้อกลับไปเพื่อเป็นอาหารของอสูรร้ายนี่เอง

 

“อสูรร้ายที่ว่านี่ใช่สัตว์กลายพันธุ์รึเปล่า?” ซูเฉินถาม พยายามระงับความโกรธไม่ให้ปะทุออกมา

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำ ‘อสูรร้าย’ แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือสัตว์กลายพันธุ์รึเปล่า

 

“อสูรร้ายคือสัตว์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่ง ทว่าพวกมันไม่ได้มาจากโลกของพวกเรา แต่เป็นสัตว์กลายพันธุ์จากอีกโลกหนึ่ง” เจียงคุนอธิบาย

 

“งั้นมันก็คือพวกสิ่งมีชีวิตต่างเผ่า” ซูเฉินพยักหน้าว่าเข้าใจ เอ่ยถามอีกรอบ “แล้วอสูรร้ายตัวนั้นอยู่ในระดับไหน?”

 

เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าจะไปบุกเมืองอาจินเพื่อสังหารซอมบี้ เขาจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของอสูรร้ายตัวนี้

 

เจียงคุนส่ายหัวและกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ อสูรร้ายตนนั้นไม่ค่อยปรากฏตัว แต่ถึงปรากฏตัวก็ไม่ได้สำแดงความแข็งแกร่งออกมา”

 

สิ่งที่ควรถามก็ถามแล้ว ซูเฉินระเบิดหัวเจียงคุนโดยไม่เหลียวมอง

 

จากนั้นก็ไปแก้เชือกให้มนุษย์ที่ถูกมัดไว้ทั้งหมด สอบถามข้อมูลบางอย่าง และปล่อยพวกเขาไป

 

สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการเก็บชิ้นส่วน

 

ซูเฉินกวาดมองรอบๆ แต่ไม่พบชิ้นส่วนสีม่วงทอง ดังนั้นเริ่มเก็บจากชิ้นส่วนที่อยู่ใกล้ที่สุด

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชิ้นส่วนทั้งหมดก็ถูกเก็บกู้ เกือบทุกชิ้นถูกแปลงเป็นแต้มพลังงาน

 

แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่ดรอปเป็นชิ้นส่วนของหินศักดิ์สิทธิ์ แถมยังเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ชนิดใหม่ มีชื่อว่า [หินทองคำสดับเงา]