Ep.283
“คิดหรือว่าแค่พวกแกไม่ถึงสิบคนจะคู่ควรให้พวกเราลงมือ?”
ชายกำยำชุดหนังสัตว์แสยะยิ้มหยาม จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าหยิ่งผยองว่า “พวกแกรู้รึเปล่าว่าพวกเราเป็นคนของใคร? พวกเรามาจากเมืองถันไห่ ไอ้พวกตาสุนัขมืดบอด กล้าดียังมาข่มขู่เมืองถันไห่ของพวกเรา!”
เมืองถันไห่เป็นหนึ่งในขุมกำลังที่ทรงพลังที่สุดในพื้นที่นี้ เจ้าเมืองถันไห่เป็นยอดฝีมือปรมาจารย์มนตราเลเวล 4
ยังไม่พอ ในแถบนี้ยังมีขุมกำลังใหญ่อีก 12 กลุ่ม และที่กล่าวมาล้วนเป็นพันธมิตรกับเมืองถันไห่ทั้งสิ้น
หลังจากร่วมมือกัน ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะ สิบสามเมืองแห่งทะเลแห่งการหลงเลือน
นอกจากเจ้าเมืองถันไห่ นามถันสือไห่ที่เป็นปรมาจารย์มนตราเลเวล 4 แล้ว พวกเขายังมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 อีกถึงสองคน
สิบสามเมืองรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เมื่อพบศัตรูภายนอก พวกเขารวมพลเข้ากำจัด
ดังนั้นในอาณาเขตทะเลแห่งการหลงเลือนนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด
ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับวาจาข่มขู่ของหวู่หยาง เขาจึงรู้สึกว่าคำขู่นี้ช่างเพ้อเจ้อนัก
หยางฮ่าวและคนอื่นๆต่างไม่พอใจ มองไปทางหวู่หยางเป็นสายตาเดียว
เมื่อไม่มีซูเฉิน หวู่หยางเลยรับไม้ต่อเป็นผู้นำของพวกเขา ก่อนจะเริ่มลงมือ เป็นธรรมดาที่ต้องรอคำอนุญาตจากหวู่หยาง
หวู่หยางกุม [ดาบเหล็กดาวตก] ในมือแน่น ขณะที่เขากำลังจะตอบ ก็พลันได้ยินเสียงเต๊าะแต๊ะดังมาแต่ไกล
“เมืองถันไห่แล้วยังไง! ต่อให้ยกมาทั้งสิบสามเมืองแห่งทะเลแห่งการหลงเลือน ในสายตาฉัน ก็ไม่นับเป็นตัวผายลมอะไร!”
“นั่นซูเฉิน! เขากลับมาแล้ว!”
สีหน้าของตันหลิน จากอึมครึมเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม เหลียวมองไปข้างหลัง
เธอคุ้นเคยกับเสียงนี้ดี มันเป็นเสียงของซูเฉินอย่างแน่นอน
“พี่เฉิน!”
ดวงตาของหยางฮ่าวและคนอื่นๆสว่างไสวขึ้นเช่นกัน
ผู้มาเยือนจะเป็นใครอื่นไปได้อีกหากไม่ใช่ซูเฉิน!
ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่เขาจะเริ่มออกเดินทางในทะเลแห่งการหลงเลือน ซูเฉินเคยตรวจสอบกองกำลังใกล้เคียงบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางแล้ว เขาทราบถึงการดำรงอยู่ของสิบสามเมืองแห่งทะเลแห่งการหลงเลือน
แม้จะไม่รู้กำลังรบของทั้งสิบสามเมือง แต่ต่อให้อีกฝ่ายมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 5 อยู่ก็ตาม ตราบใดที่พวกมันกล้ายั่วโมโหเขา โชคชะตาที่รออยู่มีเพียงการถูกสังหารเท่านั้น
“ไอ้บ้าที่ไหนตะโกน? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ!?”
เมื่อชายกำยำชุดหนังสัตว์ได้ยินว่ามีคนกล้าไม่เห็นเมืองถันไห่อยู่ในสายตา สีหน้าของเขามืดมนลงทันใด จากนั้นเหลียวมองไปยังต้นเสียง
ทว่าเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งมาตามเกลียวคลื่น สีหน้าของเขาก็ดูหมองลงถนัดตา
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
มีคนสามารถเดินเหินได้อย่างอิสระบนทะเลอย่างนั้นหรือ?
ฉันตาฝาดไปรึเปล่า?
อย่าบอกนะว่านี่เป็นความฝัน?
ลูกน้องสิบกว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังชายกำยำชุดหนังสัตว์ ณ ขณะนี้ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นตะลึง
หนึ่งในลูกน้องเดินเข้าไปหาชายกำยำ เรียกสติเขา “นายท่าน ผู้มาเยือนไม่น่าจะธรรมดา พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
ชายกำยำชุดในหนังสือกลอกตาไปมา ใบหน้าเขาปรากฏร่องรอยของความโหดเหี้ยม เอ่ยน้ำเสียงชั่วร้าย “เปลือกนอกของมันก็แค่แสร้งทำตัวเหมือนเทพเจ้าไปอย่างนั้น ใครก็ตามที่กล้าล่วงเกินเมืองถันไห่ของพวกเราจะต้องตาย!”
แม้การเดินบนคลื่นได้จะน่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง แต่ก็ไม่พอที่จะพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็นว่าซูเฉินยังเด็กมาก เขาจึงลดความกังวลลงได้หลายส่วน
…
“ซูเฉิน”
“พี่เฉิน!”
เมื่อซูเฉินกลับมา ฝูงชนก็ก้าวเข้าไปต้อนรับเขาอย่างพร้อมเพรียง
ซูเฉินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นแหงนมองไปบนเรือใหญ่ กล่าวเสียงขรึมว่า “คนของเมืองถันไห่จงออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นก็เตรียมกลายเป็นอาหารปลาได้เลย!”
“ก็สวยสิวะ! มาดูกันว่าวันนี้ใครจะตาย!”
ชายกำยำชุดหนังสัตว์เผยสีหน้าดุร้าย แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เขาโบกมือใหญ่ ตะโกนเกรี้ยวกราด “เหล่าพี่น้องเอ๋ย ร่วมมือกันกำจัดพวกมัน!”
สิ้นเสียง เรือเล็กหลายสิบลำที่เดิมกำลังเก็บกู้ซากศพสัตว์ทะเล ทั้งหมดหันหัวเรือ แล่นเข้าหาซูเฉิน
ในเวลาเดียวกัน เรือใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้าหาเต่าทรราชปราณฟ้า
“แส่หาที่ตาย!”
ดวงตาของซูเฉินสาดประกายเย็นยะเยือก สองมือกุม [ดาบเสริมมนตรา] ชูขึ้นเหนือศีรษะ
หลังจากอัดฉีดเวทย์สายฟ้าลงไปมากพอแล้ว เขาก็สับไปยังทิศทางเรือใหญ่
“นั่นเขาคิดจะทำอะไร”
ทุกการกระทำของซูเฉินตกอยู่ในสายตาชายกำยำชุดหนังสัตว์ ภาพนี้ทำให้เขารู้สึกงงงวยมาก
แต่ในขณะที่ยังสับสน เห็นแค่เพียงกระแสสีฟ้าขนาดใหญ่ผุดออกมาในอากาศที่ว่างเปล่า
สัมผัสได้ถึงเสียงสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัว และคลื่นความผันผวนที่แผ่ออกมาจากมัน สีหน้าของชายกำยำก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง หัวใจเขาแทบหยุดเต้น!