Ep.279
ซูเฉินถูจมูกเขา เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “เออ ฉันเองก็ไม่ได้ฆ่าพวกต่างเผ่ามาหลายวันแล้วเหมือนกัน คิดถึงซะไม่มี”
อีกฝ่ายหมายข่มขวัญเขา คนอย่างซูเฉินมีหรือจะยอม?
จึงเอ่ยประโยคนี้กลับไป ตีแสกหน้าความเย่อหยิ่งของอีกฝ่ายลง
“เผ่าวิญญาณ? เห็นอยู่ชัดๆว่าเจ้าเป็นมนุษย์ เหตุใดจึงเอ่ยภาษาของพวกเราได้?”
เสียงแหบพร่าของชายคนหนึ่งดังอออกมาจากถ้ำ
ซูเฉินชะงักไปเล็กน้อย ตอนแรกเขาเผลอตอบกลับด้วยภาษาที่อีกฝ่ายถ่ายทอดมาโดยไม่รู้ตัว เดิมเขาคิดว่าสิ่งมีชีวิตในถ้ำน่าจะมาจากเผ่าโลหิต แต่ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นเผ่าวิญญาณไปได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาจากเผ่าไหน เขาก็ไม่หวั่นเกรง
ซูเฉินกล่าวหยามเหยียด ริมฝีปากยกโค้งด้วยท่าทางดูถูก “บิดาเชี่ยวชาญทุกภาษาของหมื่นเผ่าพันธุ์ กับอีแค่ภาษาเผ่าวิญญาณ พูดง่ายไม่ต่างจากผายลม!”
“โอหัง!”
แทบจะในทันที เสียงคำรามด้วยความโกรธดังก้องออกมาจากถ้ำหิน จากนั้นร่างๆหนึ่งก็ค่อยๆก้าวออกมาอย่างช้าๆ
ระหว่างก้าวเดิน มันเอ่ยปากข่มขู่ว่า “ไอ้หนู เจ้ายั่วโมโหข้าสำเร็จแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าร้องขอชีวิต อยากตายก็ไม่ได้ตาย!”
เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตในถ้ำชัดๆ เปลือกตาของซูเฉินกระตุกอย่างรุนแรง
เพราะการปรากฏตัวตรงหน้าเขา ไม่ใช่รูปลักษณ์ของมนุษย์เลย แต่กลับกลายเป็นกระดูกสีขาวที่ตายไปแล้ว
ในมือของกระดูกที่ตายไปแล้วถือกระดูกสัตว์อสูรขนาดใหญ่เอาไว้ สองเบ้าตาของมันจมลึก มีเปลวไฟสีเขียวสองดวงกำลังเต้นเร่าอยู่ ให้ความรู้สึกพิศวงมาก
ซูเฉินมองสำรวจดู สองตาเขาค่อยๆหรี่ลง แค่นเสียงเบาๆ “แกมาจากเผ่าวิญญาณ แสดงว่าคนอื่นๆในเผ่าก็เป็นไอ้ขี้ก้างเหมือนแกใช่รึเปล่า?”
ได้ยินแบบนั้น เปลวไฟในดวงตาของเผ่าวิญญาณสั่นไหวอย่างรุนแรง ตวาดดุร้ายว่า “ไอ้หนู เผ่าวิญญาณไม่ใช่อะไรที่คนอ่อนแอเช่นเจ้าจะดูถูกได้! เจ้าต้องจ่ายราคาแสนสาหัสที่กล้าดูหมิ่นพวกเรา!”
ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวแดกดัน “ฟังจากที่พูดมา แกหมายความว่า ตราบใดที่ฉันแข็งแกร่ง ฉันก็สามารถเหยียดหยามเผ่าวิญญาณได้ใช่ไหม?”
หลังจากถูกซูเฉินล้อเลียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เผ่าวิญญาณก็แทบกักเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ คำรามออกมา “ไอ้หนู ในเมื่อปรารถนาที่จะตาย เช่นนั้นก็สมใจอยากเจ้าแล้ว!”
สิ้นเสียง อีกฝ่ายกุมกระดูกใหญ่แน่นขึ้นเล็กน้อย ชี้ลงบนพื้น
เห็นแค่เพียงแสงสีขาวฉายวาบออกมาจากมัน และทันใดนั้นก็จมหายลงไปในพื้นดิน
ซูเฉินยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ แต่ทันใดนั้นพลันรู้สึกว่าพื้นเบื้องล่างเกิดการสั่นสะเทือน
ตอนแรกมันก็ค่อนข้างเบา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุด เสียงแผ่นดินแยกก็ดดังเข้ามาในหูเขา
“เสียงนี้มัน ..!”
ซูเฉินกวาดสายตามองไปรอบๆ และพบว่าตอนนี้ ปรากฏกระดูกสีขาวหลายร้อยชิ้น ที่มีขนาดแตกต่างกันไปขึ้นในสายตาเขา
เห็นได้ชัดว่ากระดูกเหล่านี้ คือกระดูกที่เขาเคยตรวจเจอมาก่อนในใต้ดิน
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ประหลาด สีหน้าของซูเฉินขรึมลงเล็กน้อย แต่แล้วมันก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เขาจับจ้องไปยังเผ่าวิญญาณ เอ่ยดูหมิ่นต่อว่า “แค่นี้เองหรอพลังของแก?”
“ฮี่ ฮี่ ฮี่ … ”
เผ่าวิญญาณฉีกยิ้มร้ายกาจ เอ่ยเสียงเย็น “ไอ้หนู มาดูกันว่าเจ้าจะแสร้งทำทีว่าเข้มแข็งไปได้อีกสักกี่น้ำ”
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ซูเฉินมีท่าทีผ่อนคลาย ราวกับไม่เห็นมันอยู่ในสายตา
เรื่องนี้ทำให้เผ่าวิญญาณไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ทราบข้อมูลใดๆของซูเฉิน แต่ดูเซินยังเด็กนัก แถมยังเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ
มันเลยพาลคิดไปว่าซูเฉินไม่น่าจะใช่ผู้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน ที่ยังสงบอีกฝ่ายก็แค่แกล้งทำไปอย่างนั้น
“เด็กๆ ฆ่าเขาซะ!”
เผ่าวิญญาณไม่คิดปล่อยให้ซูเฉินพล่ามยั่วโมโหอีกต่อไป เขาเหยียดมือชี้ไปทางซูเฉิน ตะโกนเสียงแหบแห้ง
เมื่อได้รับคำสั่งจากเผ่าวิญญาณ กระดูกทั้งหมดก็กระโจนเข้าโจมตีซูเฉินพร้อมกันจากทุกทิศทาง
ตัวที่วิ่งอยู่หน้าสุดเป็นกระดูกสีขาวของมนุษย์ เห็นแค่เพียงหมัดกระดูกที่กำแน่นของมัน ชกมาทางซูเฉิน
ซูเฉินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเคลื่อนไหว ไม่มีความตั้งใจที่จะหลบเลี่ยงหรือป้องกัน
นั่นเพราะเขาสัมผัสได้ ว่าในบรรดากระดูกขาว ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 เท่านั้น
ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1
ตัวเขาครอบครอง [กายาเทพอสูรนิรันดร์] มีคุณสมบัติคงกระพันในเลเวลเดียวกัน
แล้วแบบนี้ กับอีแค่เลเวล 1 หรือ 2 จะมาทำร้ายเขาได้อย่างไร?