12/12
Ep.210
“ถึงจะฟังดูแปลกอยู่บ้าง แต่พวกซอมบี้ในเมืองอี้เถียนไม่ค่อยออกไปไหนนัก ต่อให้มีบ้าง แต่ก็จะถูกส่งออกมาเป็นชุด และมีจำนวนที่น้อยมาก”
หานคุนอธิบายและเตือนว่า “แต่จะยังไงก็ช่าง ตราบใดที่เฮียเข้าไปในเมืองอี้เถียน สุดท้ายเฮียจะถูกฝูงซอมบี้รุมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง”
ได้ยินแบบนั้น สมองของซูเฉินก็เริ่มปั่นความคิด
เขารู้สึกได้ลางๆ ว่าซอมบี้ในเมืองอี้เถียนและซอมบี้ในเหมืองตรงเทือกเขาฮวงเจ๋อ มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน
ในกรณีนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเมืองอี้เถียนก็น่าจะมีทางผ่านเขตแดนเช่นกัน?
และซอมบี้ที่นั่นกำลังถูกควบคุมโดยสิ่งมีชีวิตจากโลกอื่น?
ซูเฉินยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น
ซอมบี้ในเทือกเขาฮวงเจ๋อในเวลานั้น ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเผ่าเต่าเขียว ยิ่งคิดก็ยิ่งใช่
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ว่าในเมืองอี้เถียนจะมีสิ่งมีชีวิตเช่นนั้นอยู่หรือไม่ ซูเฉินก็ยังไม่มั่นใจนัก คงมีแต่ต้องไปค้นหาความจริง จึงจะได้รู้
ต่อมา ซูเฉินก็เลิกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และสนทนากับหานคุนเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น
ระหว่างการสนทนาดำเนินไปอย่างเข้มข้น ซูเฉินพบว่าหานคุนเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีความรับผิดชอบสูง
อีกทั้งยังมีความสามารถค่อนข้างดี
สถานชุมชนเฝิงซีเป็นแค่เมืองขนาดเล็กไม่โดดเด่น แต่ที่สามารถรักษามันจนอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ท่ามกลางหายนะวันสิ้นโลก
กุญแจสำคัญอยู่ที่การวางแผนและกลยุทธ์ของหานคุนนั่นเอง
เรื่องนี้ทำให้ซูเฉินค่อนข้างประทับใจหานคุนทีเดียว และตัวหานคุนก็เช่นกัน
เพราะแม้ซูเฉินจะทรงพลังชนิดหาผู้ใดเทียบ ทว่าเขากลับไม่ให้ความรู้สึกกดดันแม้แต่น้อย
ต้องรู้นะว่า ผู้แข็งแกร่งในวันสิ้นโลกจักเป็นที่เคารพนับถือ
ผู้แข็งแกร่งมักแสดงท่าทีหยิ่งยะโสต่อผู้อ่อนแอ เรื่องแบบนี้หานคุนเจอมาเยอะ
แต่ระหว่างการสนทนากับซูเฉิน เขาไม่รู้สึกแบบนั้นแม้แต่น้อย อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่การแสดงละครแต่อย่างใด
หานคุนถึงขั้นคิดว่า หากไม่ใช่เพราะยังมีห่วงอย่างสถานชุมชนเฝิงซี บางทีเขาอาจขอเข้าร่วมกลุ่มกับซูเฉิน ต่อให้เขาได้รับสถานะเป็นน้องเล็ก ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีมาก
ทุกคนดื่มกินจนอิ่มแปล้ พูดถึงเรื่องราวทางโลกจนดึกดื่น หานคุนค่อยขอตัวแยกจากไป
เนื่องจากต้องรีบไปเมืองอี้เถียนในวันพรุ่งนี้ พวกซูเฉินจึงแยกย้ายกันพักผ่อน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หานคุนพาคนทั้งเมืองออกมาส่งซูเฉิน ผู้คนมหาศาลรวมตัวกัน ก่อเป็นบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ ราวกับว่าพวกเขากำลังปฏิบัติต่อผู้นำประเทศ
ก่อนออกเดินทาง ซูเฉินมอบเมล็ดพันธุ์ให้แก่หานคุนสองเมล็ด
[เมล็ดพันธุ์ต้นขนมปัง] และ [เมล็ดพันธุ์ต้นแอปเปิ้ล]
เขามีเมล็ดพันธุ์เยอะแล้ว ไม่สามารถปลูกใน [พื้นที่เพาะปลูก] ได้ เก็บไว้ก็เสียเปล่า เลยไม่ใส่ใจที่จะมอบให้คนอื่น
เมื่อซูเฉินแจ้งวงจรเวลาออกผลของมัน หานคุนตกใจมาก เกือบก้มกราบกรานซูเฉินในฐานะเทพเจ้า
จากนั้น ทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามประโยค ซูเฉินก็ขึ้นรถและจากไป
ล็อคตำแหน่งมุ่งหน้าสู่เมืองอี้เถียน [รถศึกอัจฉริยะ] ขับเคลื่อนด้วยความเร็วเต็มพิกัด
อย่างไรก็ตาม เมืองอี้เถียนยังคงอยู่ห่างไกลจากที่นี่ ต่อให้ [รถศึกอัจฉริยะ] เร่งความเร็วเต็มสูบ ก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะไปถึง
เมื่อไม่มีอะไรทำ ซูเฉินจึงนำหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 ทั้งหมดออกมา และอัพเกรด [รถศึกอัจฉริยะ] เป็นเลเวล 3
หลังจากเลื่อนขั้น พลังป้องกันของรถศึกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มันสามารถต้านทานการโจมตีของสิ่งมีชีวิตเลเวล 3 ได้
นอกจากนี้ ระบบการตรวจจับ , พลังโจมตี และพื้นที่ภายในก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ตาข่ายพายุแม่เหล็กสามารถสังหารซอมบี้เลเวล 2 ได้แล้ว
ขอบเขตการตรวจจับเพิ่มขึ้นจาก 50 กม. เป็น 100 กิโลเมตร
ผลลัพธ์จากการอัพเกรด ซูเฉินค่อนข้างพอใจมาก
จากนั้น เขาละสายตาหันมามองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง และเริ่มค้นหาที่อยู่ของซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์
เป้าหมายหลักของเขาคือซอมบี้ในเมืองอี้เถียนก็จริง แต่หากมีซอมบี้ในจำนวนที่น่าพอใจระหว่างทาง แวะไปเคาะประตูหาพวกมันก็ดีเหมือนกัน