3/4
Ep.181
“พี่สาวอันกำลังเล่าให้ฟังว่ารู้จักพี่ชายได้ยังไง” อี้อี้ตอบเขาด้วยรอยยิ้มสดใส
ฉู่เซวียนมองอันหยุนหลานด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่นึกว่าอันหยุนหลานจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้อี้อี้ฟัง
อันหยุนหลานสังเกตได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา เธอหันหน้าหลบโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าสบตาเขา
เห็นภาพนี้ ฉู่เซวียนรู้สึกขบขันเล็กน้อย มุมปากเขายกโค้ง เกิดรอยยิ้มบาง
ท่าทางเมื่อครู่มันดูน่ารักมาก ไม่เหมือนอันหยุนหลานตามปกติเลย
แม้เกิดความคิดนี้ในใจ แต่ฉู่เซวียนเพียงกระแอมเบาๆ สลายมันไป
เขาเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ เอ่ยปากถาม “ทำไมเธอถึงมาอยู่คนเดียวในพื้นที่รกร้าง แล้วทำไมถึงถูกเจ้าหมอนั่นไล่ตาม?”
ได้ยินคำถามนี้ ตอนแรกอันหยุนหลานยิ้มเจื่อน ก่อนเล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา
“หลังออกจากตงเฉิง ทีม 4 คนของพวกเราได้บังเอิญพบเถาวัลย์กลายพันธุ์ระหว่างทาง เถาวัลย์นี้ใกล้จะยกระดับขึ้นไปเลเวล 5 แล้ว แต่ภายใต้การโจมตีของพวกเรา สุดท้ายสามารถกำจัดมันได้สำเร็จ แล้วพอลองสำเร็จสินสงครามดู ก็พบผลไม้สีเลือดสี่ผล” อันหยุนหลานเล่าอย่างช้าๆ
“ตอนนั้นพวกเราสี่คนได้รับบาดเจ็บสาหัส นายก็รู้ใช่ไหมว่ากลิ่นเลือดมักดึงดูดสัตว์กลายพันธุ์ให้เข้ามาหา พวกเราไม่มีทางกลับฐานเทียนหัวอย่างปลอดภัยในสภาพนี้ ดังนั้นเลยเดิมพัน เลือกกินผลไม้นั่นเข้าไป”
แล้วมันก็ได้ผล ข้างในผลไม้ทั้งสี่อัดแน่นไม่ด้วยพลังงานมหาศาล มันถ่ายทอดพลังงานให้แก่พวกเราทั้งสี่ ให้สามารถตัดผ่านขึ้นไปเลเวล 5 ได้ทันที!
“ดูเหมือนพวกเธอจะมีโชคอยู่บ้าง” ฉู่เซวียนยิ้ม เขาพอเดาได้ว่าผลไม้นั่นคงเป็นตัวเก็บพลังงานของเถาวัลย์ เพื่อเตรียมใช้ในการยกระดับสู่เลเวล 5 ส่วนเหตุผลที่มันต้องกักเก็บพลังงานมากมายขนาดนั้น เป็นเพราะพืชกลายพันธุ์มีวงจรการพัฒนาการที่เชื่องช้าและยากลำบากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
สรุปก็คือทั้งสี่โชคดีเจอเถาวัลย์กลายพันธุ์ตอนที่มันสะสมพลังได้ครบพอดี ซึ่งระหว่างการตัดผ่านสู่เลเวล 5 มันจะอ่อนแอลง พวกเขาเลยสามารถฆ่ามันและได้กินผลไม้ในที่สุด
ได้ยินคำฉู่เซวียน อันหยุนหลานยิ้มขม “ฉันเนี่ยนะโชคดี? น่ากลัวว่าจะเป็นโชคดีในโชคร้ายมากกว่า”
“หืม ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?” ฉู่เซวียนเอ่ยถาม
“ในตอนนั้น หลังจากพวกเราสี่คนกลับไปที่ฐานเทียนหัว เนื่องจากทุกคนก้าวขึ้นเป็นเลเวล 5 พร้อมกัน เลยเกิดความวุ่นวายตามมา” อันหยุนหลานอธิบาย
ได้ยินแบบนั้น พอคิดตาม ฉู่เซวียนก็พยักหน้าเห็นด้วย นั่นเพราะพลังรบระดับเลเวล 5 ในฐานเทียนหัว มันมากพอที่จะเป็นผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างที่ทรงพลัง ไม่ก็กลายเป็นหัวหน้าหน่วยในกองทัพ ไม่แปลกที่คนอื่นๆจะตกใจเมื่อทราบข่าวนี้ ยิ่งเป็นการยกระดับทีเดียว 4 คนยิ่งแล้วใหญ่
“แล้วยังไงต่อ?” อี้อี้ถามอย่างร้อนใจ เธอกำลังตั้งใจฟังที่ อันหยุนหลานพูดอย่างจริงจัง
“แต่แค่หนึ่งหรือสองวันหลังจากที่พวกเรากลับมาฐานเทียนหัว จู่ๆก็มีคนๆนึงที่อ้างว่าเป็นทูตสวรรค์มาถึงฐานเทียนหัวพร้อมกับผู้ใช้พลังอีกหลายคน”
ฉู่เซวียนพอได้ฟังก็เริ่มตื่นตัว ตั้งสมาธิมั่น เพราะสิ่งที่จะพูดต่อไปคือประเด็นหลักแล้ว
เป็นอย่างที่คาดไว้ อันหยุนหลานเอ่ยว่า “เจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าทูตสวรรค์ สิ่งแรกที่มันทำตอนมาถึงฐานเทียนหัวคือการประกาศถึงการมีอยู่ของเผ่าเทพ ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดด้วยว่าที่หายนะวันสิ้นโลกเกิดขึ้น เป็นเพราะเผ่าเทพไม่พอใจ จึงส่งภัยพิบัติลงมา!”
ได้ยินถึงจุดนี้ ฉู่เซวียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
4/4
Ep.182
“งั้นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในวันสิ้นโลกล่ะ ทูตสวรรค์มีคำอธิบายว่ายังไง?” ฉู่เซวียนเอ่ยถามด้วยความขบขัน
“ทูตสวรรค์ประกาศว่าผู้ใช้พลังระดับสูงและเหล่าผู้สืบทอดคือมนุษย์ที่ถูกคัดเลือกโดยเผ่าเทพ ส่วนคนธรรมดา พวกเขาไม่ได้ถูกเลือก” อันหยุนหลานเล่า
“งั้นเรื่องซอมบี้กับสัตว์กลายพันธุ์ล่ะ?” ฉู่เซวียนเอ่ยถามต่อ
“ซอมบี้คือมนุษย์ที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้ง ส่วนสัตว์กลายพันธุ์เกิดจากการปนเปื้อนของพลังชั่วร้าย”
“น่าตลกชะมัด เรื่องแบบนี้มีคนเชื่อด้วยหรอ?” ได้ยินคำตอบของอันหยุนหลาน ฉู่เซวียนได้แต่ส่ายหัว
เพราะในมุมมองของเขา ไอ้เผ่าเทพอะไรนั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ทูตสวรรค์กุขึ้น เพื่อใช้มันให้ได้รับสถานะสูงส่งในฐานเทียนหัว และตัวตนที่แท้จริงของทูตสวรค์น่าจะเป็นหนึ่งในผู้ได้รับมรดกสืบทอด
ได้ยินแบบนั้น อันหยุนหลานฝืนหัวเราะออกมา กล่าวว่า “ตอนแรก ผู้ใช้พลังส่วนใหญ่ในฐานก็คิดเหมือนนายนั่นแหละ เกือบทุกคนต่างพูดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทูตสวรรค์ทำได้ยังไง เขากลับได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากคนใหญ่คนโตในกองทัพ”
“หืม ..?” ได้ยินแบบนั้น ฉู่เซวียนเริ่มรู้สึกสนใจทูตสวรรค์ขึ้นมาเล็กน้อย
ต้องรู้นะว่า ท่ามกลางสถานการณ์สิ้นโลกนี้ การที่คนๆหนึ่งสามารถได้รับตำแหน่งใหญ่โตในกองทัพ แสดงว่าคนๆนั้นย่อมไม่โง่
อย่างไรก็ตาม ทูตสวรรค์กลับได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากหนึ่งในพวกเขา กลวิธีของทูตสวรรค์คนนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว
“แล้วจากนั้น คนที่ร่วมมือกับทูตสวรรค์ก็เริ่มก่อตั้งศาสนาของตัวเองขึ้น และใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ก็มีผู้ศรัทธาหลายแสนคน” อันหยุนหลานกล่าว
“ศาสนา? น่าสนใจดีนี่” ฉู่เซวียนพยักหน้าพึมพำกับตัวเอง
ควรรู้นะว่ามนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่ต้องมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสิ้นโลกนี้ ที่มนุษย์ธรรมดาล้วนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว
ยามโลกสงบสุข ศาสนาคือสิ่งที่ช่วยให้ผู้คนได้พักผ่อนจิตวิญญาณของตนเอง ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงยามหายนะในเวลานี้ บางทีอาจเพราะพลังรบของผู้ใช้พลังกับพวกผู้สืบทอดแข็งแกร่งเกินไป จนลืมเลือนสิ่งเหล่านี้
แต่อย่าลืมนะว่าสองกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนน้อยของมนุษย์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง ศาสนาจึงแพร่หลายอย่างรวดเร็วในหมู่คนธรรมดา
เอาจริงๆเรื่องศาสนาไม่ได้เกิดขึ้นในฐานเทียนหัวเป็นครั้งแรก มีหลายคนทำมาก่อนแล้ว แต่ตราบใดที่คำสอนไม่รุนแรงเกินไป ทางกองทัพจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว ปล่อยให้เติบโต
ขณะที่ลัทธิเทพที่มีทูตสวรรค์เป็นแกนหลัก แถมยังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ เลยเป็นธรรมดาที่มีคนมากมายก้าวขาเข้ามาเป็นผู้ศรัทธา
“พี่สาวอัน ลัทธิเทพคืออะไร?” ในตอนนั้นเอง อี้อี้ที่อยู่ข้างๆเอ่ยถามขึ้นมา
“ก็ … ” อันหยุนหลานครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนตอบว่า
“คือผู้ที่เชื่อในการมีอยู่ของเผ่าเทพ เป็นกลุ่มคนที่มารวมตัวกันโดยมีทูตสวรรค์เป็นแกนหลัก”
“อ้อ” อี้อี้พยักหน้าเล็กน้อย ทำท่าทางคล้ายเข้าใจ แม้เอาจริงเธอจะไม่เข้าใจก็ตาม
“ว่าต่อสิ” ฉู่เซวียนพูดกับ อันหยุนหลาน
“นอกจากนี้ ทูตสวรรค์ยังสามารถประกอบพิธีกรรมที่เรียกว่า ‘พร’ ให้กับเหล่าผู้ใช้พลัง”
“และผู้ที่ได้รับพร พลังรบจะสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยหนึ่งขั้น!” จากนั้น อันหยุนหลานก็ได้เอ่ยประโยคที่ราวกับทิ้งระเบิดออกมา
“และด้วยลูกเล่นนี้เอง ที่ทำให้ผู้ใช้พลังและเหล่าผู้สืบทอดกว่าครึ่งฐานเชื่อถึงการมีอยู่ของเผ่าเทพ หลายคนตบเท้าเข้ารับพรกับทูตสวรรค์ สุดท้ายกลายเป็นลูกน้องของเขา”