Ep.144

“ฉันคงประเมินแกต่ำไป” หญิงชุดเหลืองแค่นเสียงเย็น หันไปตะโกนทางพุ่มไม้อีกฝั่งหนึ่งว่า “ออกมาเถอะ พวกมันรู้แผนการของพวกเราแล้ว”

ทันทีที่ประโยคนี้จบลง ในพุ่มไม้ใหญ่บังเกิดเสียงกรอบแกรบ มนุษย์กว่าร้อยคนก้าวออกมา

ซูเฉินและ [รถศึกอัจฉริยะ] ตกอยู่กลางวงล้อมอย่างรวดเร็ว

“ให้ตายเถอะน้องสาว ทักษะการแสดงของเธอนี่มันแย่จริงๆ ทำไมถึงปล่อยให้พวกเขาจับได้เร็วแบบนี้?”

ในเวลานั้นเอง ชายหน้าแดงที่รูปร่างใหญ่เหมือนเนินเขาขนาดย่อม ได้เดินเข้ามาในวงล้อม หยุดยืนข้างกายหญิงชุดเหลือง

“ไม่ใช่หรอก ฉันว่าเขาน่าจะเป็นปรมาจารย์พลังจิตมากกว่า ระวังตัวด้วย” หญิงในชุดเหลืองเตือน

“อ้อ” ชายหน้าแดงร่างใหญ่มองซูเฉินด้วยความสนใจ แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมายังคงเป็นไปในเชิงดูแคลน “ไอ้หนู นายเป็นปรมาจารย์พลังจิตจริงๆหรอ?”

ความยากลำบากในการฝึกฝนของปรมาจารย์พลังจิตน่ะสูงมาก ขณะที่ซูเฉินยังดูอ่อนเยาว์อยู่เลย ดังนั้นต่อให้ซูเฉินเป็นปรมาจารย์พลังจิตจริงๆ อย่างมากก็น่าจะมีระดับแค่เลเวล 1 เท่านั้น

ซึ่งปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 1 ไม่มีความสามารถในการโจมตีใดๆ ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง ชายหน้าแดงร่างใหญ่ถึงกล้าหยิ่งผยองต่อหน้าซูเฉิน

“ฉันจะเป็นปรมาจารย์พลังจิตหรือไม่ แกไม่คู่ควรที่จะได้รับคำตอบ” ซูเฉินปาดจมูกเขา กวาดสายตามองไปรอบๆ เอ่ยอย่างไม่แยแส “แล้วยังไงต่อ ตกลงพวกแกตั้งใจจะปล้นฉันใช่ไหม”

“ไอ้เด็กอวดดี!” มองไปยังท่าทีและคำพูดของซูเฉิน ใบหน้าของชายหน้าแดงก็กลายเป็นบูดบึ้ง กล่าวเสียงขรึมว่า “เจ้าหนู มอบทุกอย่างที่แกมีออกมาซะดีๆ ถ้าเชื่อฟัง ฉันจะยอมให้แกตายในสภาพครบสามสิบสอง!”

“ฟังดูน่ากลัวซะจริง แต่เสียใจด้วยนะ เพราะเกรงว่าพวกเขาคงไม่ยอม”

ซูเฉินเสยมือ ชี้นิ้วโป้งไปทาง [รถศึกอัจฉริยะ] ที่อยู่ข้างหลัง ตะโกนว่า “ทุกคนออกมา! มีคนจะปล้นพวกเรา!”

เอาจริงๆการสังหารมนุษยร้อยคน สำหรับซูเฉินแล้ว เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้นเอง ไม่ลำบากหรือเปลืองแรงเลยสักนิด

แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วว่าหากเขาต้องจัดการเองในทุกๆครั้ง แบบนี้สมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มจะไม่กลายเป็นแค่ดอกไม้ในเรือนกระจกเอาหรือ?

หากมิเคยเผชิญลมฝน แล้วจะเห็นสายรุ้งได้อย่างไร?

ถึงเวลาที่พวกเขาต้องเผชิญกับความโหดร้ายในวันสิ้นโลก ได้เวลาหาประสบการณ์ต่อสู้แล้ว!

“ฮะฮ่า! ไอ้โง่ตามืดบอดคนไหนกล้ามาปล้นเรา? ขอให้ฉันได้เห็นหน้ามันหน่อย!” หวู่หยางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กระโดดลงจากรถ

นับแต่สามารถยกระดับขึ้นเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 เขาก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คำพูดและท่าทีอวดดีกว่าแต่ก่อนมาก

“นี่ก็นานแล้วที่ฉันไม่ได้ขยับแข้งขยับขา วันนี้เป็นโอกาสที่ดี” หยางหลิงเทียนยิ้ม ค่อยๆก้าวตามหวู่หยางลงจากรถ

สือต้าหนิวและคนอื่นๆตามมาติดๆ แม้แต่ตันหลินกับหยางเฉียนก็เช่นกัน

ชายหน้าแดงสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้คนมากมายลงมาจาก [รถศึกอัจฉริยะ]

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นตันหลินกับหยางเฉียน ในดวงตากลับสว่างไสวไปด้วยประกายร้อนแรง

เขาเคยเห็นสาวงามมานักต่อนัก แต่หญิงสาวที่งดงามระดับตันหลินหรือหยางเฉียน เขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลย

ความคิดอยากเป็นเจ้าของทะลักล้นออกมาจากใจเขา

หญิงชุดเหลืองที่อยู่ข้างๆชายหน้าแดง สีหน้ามืดมนลงเล็กน้อย

เดิมที เธอคือหนึ่งในสาวงามของแถบนี้ แต่การปรากฏตัวของตันหลินกับหยางเฉียน ทำให้เธอดูหมองไปถนัดตา

ความริษยาของผู้หญิงน่ะรุนแรงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผู้หยิงที่สวยกว่าตัวเอง ความอิจฉานี้ก็เพิ่มเป็นเท่าทวี

ณ จุดนี้ เธอลอบสาบานในใจ ว่าระหว่างชุลมุน เธอจะต้องฆ่าตันหลินและหยางเฉียนให้จงได้

ซูเฉินสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายของชายหน้าแดงร่างใหญ่ หันไปพูดกับเฉาหรานที่อยู่ข้างๆ “เฉาหราน หลังจบเรื่องนี้ ฝากเจาะลูกตามันด้วยนะ”

“พี่เฉิน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง” เฉาหรานเลียริมฝีปาก จิกสายตามองชายหน้าแดง

“ซูเฉิน จะให้พวกเราทำยังไงกับไอ้พวกหัวขโมยดี?”

หวู่หยางกระตือรือร้นที่จะลองพลังใหม่ แต่ก่อนลงมือเขายังคงถามความเห็นของซูเฉิน

“พวกคุณฝึกฝีมือกันเถอะ แต่จำไว้อย่างนึง ห้ามปล่อยทิ้งไว้แม้แต่คนเดียว ฆ่าพวกมันให้หมด!” รอยยิ้มเย็นผุดขึ้นตรงมุมปากซูเฉิน

จริงอยู่ที่ตัวเขาชอบเอ่ยปากฆ่าคน แต่นั่นมิใช่อุปนิสัยโดยกำเนิด ตราบใดทีฝ่ายตรงข้ามไม่ยั่วโมโห หรืออาจเป็นพิษร้ายต่อเขาและสมาชิกของกลุ่มในภายหลัง ซูเฉินจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน

แต่หากมีใครมากวนประสาทเขา จุดจบเดียวที่รอพวกมัน .. คือความตาย!

และเห็นได้ชัดว่ากลุ่มของชายหน้าแดง จัดอยู่ในประเภทนั้น