1/10
Ep.1105
“สองลูกกระจ๊อกตายแล้ว ถึงคราวแกเป็นรายต่อไป!” ซูเฉินเบนสายตาไปหยุดลงบนบนร่างสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 มุมปากเขาค่อยๆผุดรอยยิ้มหยอกเย้า
“เหตุใดเจ้าจึงแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้?”
เมื่อตระหนักว่าสหายทั้งสองถูกซูเฉินฆ่าตายจริงๆ หัวใจของ สัตว์ร้ายมิติตนสุดท้ายเต้นแรง
เมื่อสามเดือนก่อน แม้ซูเฉินจะใช้วิชาแปลงร่าง แต่สุดท้ายเขามีฐานฝึกตนแค่ระดับเทวะขั้น 7 เท่านั้น
แล้วทําไมระยะเวลาสั้นๆแค่นั้น ความแข็งแกร่งถึงทะยานได้ขนาดนี้? แม้แต่สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ก็ยังสามารถสังหารได้ตามใจชอบ
“นี่ต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ! มันไม่ใช่เรื่องจริง!”
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 ยังไม่ปักใจเชื่อว่าซูเฉินจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ เขากัดฟันแน่น พุ่งเข้าสังหารซูเฉิน
“ก็แค่มดปลวก!”
ซูเฉินยิ้มดูแคลน พลังแห่งจิตวิญญาณถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง
สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 ถูกพลังจิตโถมเข้าปกคลุม ทันใดนั้นตัวเขารู้สึกคล้ายจมอยู่ในหล่มโคลน การเคลื่อนไหวทั้งหมดเชื่องช้าซบเซา
“พลังจิตนี่มัน … เหนือกว่าเทวะขั้น 10!”
จวบจนถึงตอนนี้ สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 ค่อยตระหนักถึงความแข็งแกร่งของซูเฉิน บังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องอุทานด้วยความตื่นตกใจ
“รู้ตัวตอนนี้ มันสายไปแล้ว!” ซูเฉินแสยะยิ้ม จ้องเขม็ง สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 เอ่ยถามเสียงเย็น “นักพรตเทียนซ่านกับผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าฝั่งสัตว์ร้ายมิติอยู่ที่ไหน?”
หวูซางในตอนนี้ มีโอกาสสูงว่ากำลังต่อสู้กับพวกนักพรตเทียนซ่าน กระนั้นตัวเขาอยู่ที่ไหน ซูเฉินยังไม่รู้
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ว่าหวูซางต้องรับมือกับผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าหลายคนเพียงลำพัง มองยังไงก็รู้ว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย จึงจำเป็นต้องรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด
“พวกเขาอยู่บนเกาะซิงหยวน” สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 หวาดกลัวจนจิตวิญญาณแทบหลุดลอย สารภาพตามจริง
เกาะซิงหยวน?
ซูเฉินทวนคำ จากนั้นเหวี่ยงกำปั้นทุบหัวสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 10 สังหารมันในคราเดียว
“จะทรงพลังเกินไปแล้ว” ผู้ทรงเกียรติ เสิ่นหยวนถึงกับอ้าปากค้าง
ซูเฉินยังอยู่แค่ ระดับเทวะขั้น 10 เท่านั้น แต่กลับสามารถฆ่าสัตว์ร้ายมิติในขั้นเดียวกันได้ง่ายดายราวกับบี้มด เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกตกใจมาก
ซูเฉินเก็บชิ้นส่วนทั้งหมด กวาดสายตามองไปยังเกาะโหยวเชิงที่อยู่ไกลออกไป ปรากฏประกายเย็นวาบสะท้อนผ่านดวงตาเขา
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น กระบี่สายฟ้านับพันเล่มปรากฏขึ้นเหนือหัวเขา ทุกเล่มปลดปล่อนคลื่นความผันผวนของพลังงานอันน่าสะพรึงออกมา
“กระบี่เทวะพันเล่ม!” ผู้ทรงเกียรติ เสิ่นหยวน ตะลึงงัน งึมงำกับตัวเอง “ว่าแต่ซูเฉินคิดจะทำอะไร?”
ในเวลานี้ ซูเฉินที่อยู่ห่างจากเกาะโหยวเชิง พลันตวาดก้อง
“จงสะบั้น!”
วินาทีถัดมา กระบี่เทวะสายฟ้าพันเล่มที่ลอยอยู่เหนือศีรษะเขา ดุจดั่งฝนดาวตก วูบวาบเป็นเส้นแสง ร่วงลงไปทางเกาะโหยวเชิง
และระหว่างทาง พวกมันยังค่อยๆหลอมรวมกัน สุดท้ายกลายเป็นกระบี่เทวะเล่มเดียวที่มีขนาดยาวร้อยจั้ง ฟาดฟันลงบนเกาะโหยวเชิง
บังเกิดเสียง ครืนนนนนนน! ดังกึกก้องไปทั่ว กระบี่เทวะฟันลงบนเกาะโหยวเชิงอย่างแม่นยำ แสงสว่างวาบเปล่งประกายไปทั่วอวกาศรอบด้าน
โอ้สวรรค์!
ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนเบิกตากว้าง จ้องไปทางเกาะโหยวเชิงอย่างไม่อาจละสายตา
ในวิสัยทัศน์ของเขา เห็นแค่เพียงเกาะโหยวเชิงถูกผ่าครึ่ง ก่อนกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ เสิ่นหยวนตกตะลึง สติหลุดลอยไปอย่างสิ้นเชิง
กระทั่งในมหาศึกเมื่อหมื่นปีก่อน ยังยากที่จะได้เห็นกระบวนท่าสังหารที่น่าสะพรึงเช่นนี้
อำนาจกระบี่ของซูเฉิน สร้างความตกใจสุดขีดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้วแก่เขา
เจ้าตัวถึงขั้นย้อนคิด ว่าหากผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าต้องเผชิญกับกระบี่นี้ เกรงว่าคงหวาดผวาและเลือกหลบหนีเท่านั้น
“ร้ายกาจจริงๆ! เขาแข็งแกร่งเกินไป!”
หัวใจของ ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนสั่นไหว
แม้ซูเฉินจะอยู่ใ ระดับเทวะขั้น 10 แต่กำลังรบที่สำแดงออกมา กลับไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าเลย
ตอนนี้ เขาถึงค่อยเข้าใจ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมซูเฉินถึงกล้าออกจากสถานที่สาบสูญ–
–ที่แท้เพราะเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้นี่เอง!
2/10
Ep.1106
เกาะโหยวเชิงถูกผ่าครึ่ง ไม่มีสัตว์ร้ายมิติตนใดบนเกาะสามารถรอดชีวิตไปได้ ทั้งหมดพินาศสิ้น
มองไปยังเศษชิ้นส่วนวาววับที่ลอยล่อง มุมปากของซูเฉินยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
แม้จะไม่สามารถระบุจำนวนชิ้นส่วนได้ แต่ยังไงอย่างน้อยก็มากกว่า 200,000 ชิ้นแน่นอน
ต่อมา ซูเฉินเก็บรวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมด กลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] อย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโส ท่านพอจะรู้ไหมว่าเกาะซิงหยวนตั้งอยู่ตรงไหน?”
ทันทีที่กลับเข้ามา ซูเฉินเอ่ยถามเสิ่นหยวน
ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนได้สติกลับมา ส่ายหัวและกล่าวว่า “ซูเฉิน ข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ ไม่มีข้อมูลของเกาะซิงหยวนในความทรงจำ ”
“อ่า”
ซูเฉินพยักหน้าว่าเข้าใจ ไม่เก็บมาคิดมาก
เขาเปิด [มิติสันโดษ] เรียกฉีชิงเฉวียนซึ่งเป็นบรรพชนตระกูลฉีออกมา อีกฝ่ายอยู่มานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็มาก น่าจะรู้อะไรบ้างไม่มากก็น้อย
“ซูเฉิน มีอะไรให้ข้าช่วยหรือ?” ฉีชิงเฉวียนมองซูเฉิน เอ่ยปากถาม
“ผู้อาวุโส ท่านนะจะรู้จักเกาะซิงหยวน ใช่ไหม?” ซูเฉินตรงเข้าประเด็น
“เกาะซิงหยวนคือฐานที่มั่นหลักของสัตว์ร้ายมิติ มีข่าวลือว่าผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตเทพเจ้าฝ่ายสัตว์ร้ายมิติก็อยู่บนเกาะแห่งนั้น”
ฉีชิงเฉวียนตอบกลับ และคล้ายนึกอะไรบางอย่างออก สีหน้าของเขาแข็งค้าง ถามหยั่งเชิงว่า “ซูเฉิน เจ้าคงไม่คิดไปเกาะซิงหยวนหรอกนะใช่ไหม?”
แม้ซูเฉินจะเลื่อนขั้นเป็น ระดับเทวะขั้น 10 แล้วก็ตาม แต่ในช่วง 100 ปีในเขตแดนลับ เขาไม่เคยเห็นซูเฉินเอาจริงสุดๆเลยสักครั้ง จึงไม่ทราบว่ากำลังรบของซูเฉินทะยานไปถึงจุดไหนแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ นั่นคือกำลังรบของเหล่าผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าเสมือนดั่งขุนเขาและทะเล ขยับทีสามารถถล่มสวรรค์และปฐพี!
เมื่อได้ยินซูเฉินเอ่ยถามถึงเกาะซิงหยวน เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าจะต้องเกิดการต่อสู้กับสัตว์ร้ายมิติในขอบเขตเทพเจ้าขึ้นอย่างแน่นอน –แล้วซูเฉินจะรับมือได้หรือ?
ฉีชิงเฉวียนอดกังวลขึ้นมาไม่ได้
“ไปเกาะซิงหยวน กำจัดนักพรตเทียนซ่านและสัตว์ร้ายมิติในขอบเขตเทพเจ้าทั้งหมด!”
ซูเฉินไม่ปิดบังเป้าหมาย กล่าวด้วยน้ำเสียงห้ามปฏิเสธ
กำจัดพวกมันทั้งหมด?
ซูเฉิน นี่เจ้ามั่นใจขนาดนี้เชียวหรือ?
ฉีชิงเฉวียนกลืนน้ำลาย สีหน้าของเขาดูทื่อด้าน จมหายเข้าไปในห้วงความคิด
ตามความเข้าใจของเขา ซูเฉินไม่เคยพูดเพ้อเจ้อ แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า! แล้วซูเฉินจะยังไร้พ่ายเฉกเช่นเดิมหรือ?
เห็นท่าทางสับสนของฉีชิงเฉวียน ซูเฉินหัวเราะและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส เชื่อใจผมเถอะ ขอแค่นำทางไปก็พอ”
ฉีชิงเฉวียน ไม่พูดอะไรอีก ในเมื่อซูเฉินตัดสินใจแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถหยุดได้ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เพียงทำหน้าที่ที่ซูเฉินมอบหมายให้ดีก็พอ
ต่อมา ด้วยการนำทางของฉีชิงเฉวียน [รถศึกอัจฉริยะ] มุ่งหน้าไปทิศทางเดียว
ระหว่างทาง บังเอิญพบสัตว์ร้ายมิติสองสามตัว แต่ซูเฉินกำลังรีบ เลยไม่ได้ลงมือฆ่าพวกมัน
[รถศึกอัจฉริยะ] ขับมาห้าวันติดโดยไม่เกิดอุปสรรคใดๆ แต่เมื่อขับผ่านเกาะๆหนึ่ง ใครจะทันคิด ว่าจะพบสัตว์ร้ายมิติจำนวนมากเข้า อีกทั้งยังพบตัวอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ บนร่างกายมีผิวสีเทา หน้าตาดุร้าย กำลังปิดล้อมเกาะอยู่
“ผู้อาวุโส ท่านรู้จักอสูรสีเทาพวกนั้นไหม?” ซฺเฉินถามด้วยความสงสัย
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมัน เลยเกิดความสนใจในสัตว์อสูรสีเทาพวกนี้มาก
“เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นมันเช่นกัน” ฉีชิงเฉวียนส่ายหัว แสดงท่าทีว่าไม่รู้เหมือนกัน
แต่ในเวลานั้นเอง ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวน จู่ๆก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พวกมันคืออสูรร้ายจากภายนอก!”
อสูรร้าย!
ซูเฉินทวนคำ ทันใดนั้นคู่ดวงตาทอประกายเย็นยะเยือก
อสูรร้าย คือผู้รุกรานจากต่างถิ่น กล้าดียังไงมาบุกโลกของพวกเขาในเมื่อเจอมัน ต้องฆ่าให้ตายให้หมด!
“เสี่ยวจือ ตรวจสอบให้ที ว่าอสูรร้ายกับพวกสัตว์ร้ายมิติแข็งแกร่งแค่ไหน?”