7/8

 

Ep.1065

 

ฉวยโอกาสขณะที่เซียวซานและสัตว์ร้ายมิติทั้ง 5 กำลังเหม่อลอย ซูเฉินรีบดึง [ดาบเสริมมนตรา] ออกมา และตัดกวาดออกไปยังทิศทางของสัตว์ร้ายมิติทั้งห้า

 

ในพริบตา กระแสพลังสามสีที่ปลดปล่อยคลื่นพลังเวทย์อันน่าสยดสยองกวาดฮือไปเบื้องหน้า

 

ในเวลาเดียวกัน เพลิงเอกลักษณ์ทั้งสามกระโจนจาก [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] เข้าไปหลอมรวมกับเวทย์ประจำตัวของตน

 

ในชั่วพริบตาเดียว เพลิงเอกลักษณ์ทั้งสามได้รวมเป็นหนึ่งกับเวทมนต์สามธาตุ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมา สามารถบรรยายได้เพียง ‘ล้างสวรรค์ถล่มปฐพี’

 

“นี่มันวิชาเทพเซียนอะไรกัน?” สีหน้าของเซียวซานแปรเปลี่ยนเป็นสยองเกล้า สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

 

สัตว์ร้ายมิติทั้ง 5 หวาดกลัวอกแทบแตกตาย ในดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความสยองอย่างลึกล้ำ คล้ายกับว่าสามารถเห็นความตายกำลังใกล้เข้ามา สั่นระริกไปทั้งร่าง

 

“ซูเฉินยังมีกระบวนท่าสังหารเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?” ฉีชิงเฉวียนและคนอื่นๆต่างตกตะลึงจนไม่อาจหาคำใดมาอธิบาย

 

เมื่อตอนอยู่ป้อมปราการมิติ พวกเขาเคยเห็นซูเฉินปลดปล่อยเวทย์ผสานสามธาตุมาแล้วก็จริง

 

กระนั้น อำนาจทำลายล้างของมันในตอนนั้นกับตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย ห่างชั้นกันอย่างน้อยก็หลายเท่า!

 

ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องนี้สามารถอธิบายได้ง่ายๆ ในช่วงต่อสู้ที่ป้อมปราการมิติ ซูเฉินอยู่เพียงระดับเทวะขั้น 5 เท่านั้น ทั้งยังไม่ได้ปล่อยเวทย์ผ่าน [ดาบเสริมมนตรา] หรือส่งมหาเพลิงเอกลักษณ์เข้าหลอมรวมด้วยเลย ฉะนั้นเป็นธรรมดาที่อำนาจของมันจะเทียบไม่ได้กับตอนนี้

 

“พวกเราสู้ตาย!”

 

เผชิญหน้ากับกระแสพลังสามสีที่พัดฮือเข้ามา สัตว์ร้ายมิติทั้งห้าตัวไม่ได้นั่งรอความตายอยู่เฉย ทั้งหมดแผดร้องสุดเสียง เข้าต้านทานอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

วินาทีถัดมา ยามกระแสพลังสามสีกวาดมาถึง เห็นแค่เพียงเหล่าสัตว์ร้ายมิติถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จบชีวิตตายคาที่

 

“จะทรงพลังเกินไปแล้ว!”

 

ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ฉีชิงเฉวียนและคนอื่นๆสูดหายใจเย็นเยียบ

 

กระบวนท่าเดียวสามารถสังหารสัตว์ร้ายมิติใน ระดับเทวะขั้น 8 ได้ถึง 5 ตัวในคราเดียว!

 

กระบวนท่านี้ของซูเฉินเรียกได้เลยว่าสั่นสะเทือนสวรรค์เขย่าปฐพี สร้างความตื่นตกใจแก่พวกเขาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

ทั้งหมดต่างเผลอคิดไปว่า ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งใน ระดับเทวะขั้น 9 หากต้องทานรับกระบวนท่านี้ ต่อให้มีเก้าชีวิตก็อาจไม่รอด มีแนวโน้มจะถูกฆ่าตายได้

 

“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง … ”

 

เซียวซานกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มุมปากของเขายังคงสั่นเทาไม่หยุด

 

แม้แต่สัตว์ร้ายมิติ ระดับเทวะขั้น 8 ถึง 5 ตัวก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉิน เกรงว่าในสายตาซูเฉิน เขาอาจสู้มดปลวกไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

ณ เวลานี้ หัวใจเขาคล้ายกำลังมอดไหม้เป็นขี้เถ้า

 

“ไม่เลวเลย” ซูเฉินถอนหายใจ พึมพำกับตัวเอง

 

สำหรับอำนาจของสามเวทย์ผสาน เขาค่อนข้างพอใจมาก

 

ในแง่ของพลังทำลาย มันได้ก้าวข้ามร้อยกระบี่คืนสู่หนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว ไต่อันดับขึ้นมากลายเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

 

หากเป็นในอดีต ยามใช้ท่าไม้ตายนี้เขาจะเกิดสภาวะอ่อนเพลียเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เมื่อระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สภาวะนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว

 

ต่อมา ซูเฉินเก็บรวบรวมชิ้นส่วนที่ดรอป แล้วหันไปทางเซียนซาน เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ตอนนี้แกคงจะยอมปริปากบอกความจริงกับฉันได้แล้วใช่ไหม?”

 

หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของซูเฉิน เซียวซานไหนเลยจะกล้าปากแข็งอีก รีบสารภาพทันที

 

“ทั้งหมดเป็นนักพรตเทียนซ่านที่สั่งให้ข้าทำเช่นนี้ ข้าเองก็ถูกบังคับ ไร้หนทางขัดขืนเช่นกัน!”

 

ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย นักพรตเทียนซ่านส่งคนมาฆ่าเขา อันนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ไฉนคราวนี้ถึงมีสัตว์ร้ายมิติมาเข้าร่วมด้วยเล่า?

 

อย่าบอกนะว่าพวกเขาได้จับมือเป็นพันธมิตรกันแล้ว?

 

แต่หมื่นเผ่าพันธุ์กับสัตว์ร้ายมิติเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อกันนี่ ถ้านักพรตเทียนซ่านทำแบบนั้น แล้วหวูซางจะให้อภัยเขาได้หรือ?

 

เมื่อนึกไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซูเฉินก็เอ่ยถามว่า “แล้วเรื่องที่แกกับสัตว์ร้ายมิติร่วมมือกันฆ่าฉัน นักพรตเทียนซ่านก็เป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยใช่ไหม?”

 

“ใช่”

 

เซียวซานไม่ได้ปิดบัง สารภาพตามตรง

 

“แล้วนักพรตเทียนซ่านสั่งสัตว์ร้ายมิติได้ยังไงกัน?” ซูเฉินยังคงถามต่อ

 

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ” เซียวซานส่ายหัว ก่อนอธิบายต่อว่า “ทุกเรื่องที่เขาจัดการ มักไม่เคยบอกเหตุผล ส่วนข้าเองก็ไม่กล้าถามเช่นกัน”

 

ดวงตาของซูเฉินทอประกายสังหาร ในเมื่อเซียวซานไม่รู้อะไรเลย งั้นเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ขณะที่เขากำลังจะลงมือ นกสำรวจ ก็ร้องเตือนขึ้นว่า “เจ้านาย ไม่ได้การแล้ว! มีสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ตัวหนึ่งกำลังตรงเข้ามาหาพวกเรา!”

 

8/8

 

Ep.1066

 

ระดับเทวะขั้น 9!

 

หางตาซูเฉินกระตุกทันที สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 มากพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อเขา

 

เซียวซานได้ยินประโยคนี้ สมองเริ่มปั่นความคิด จากนั้นหันหลังและวิ่งหนีไปทันที

 

เขาฉุกคิดขึ้นได้ ว่าสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ที่มาที่นี่ มีโอกาสสูงที่จะถูกส่งมาโดยนักรพรตเทียนซ่าน จึงคิดฉวยโอกาสในจังหวะที่ซูเฉินฟุ้งซ่าน ลอบหลบหนีไป

 

เพียงแต่ว่า หนีไปได้ไม่ไกล จู่ๆพลังที่มองไม่เห็นก็โถมเข้ามา กลืนร่างเขาคล้ายจมอยู่ในหล่มโคลนทันใด

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

 

เซียวซานตื่นตระหนก พยายามฉีกกระชากพลังที่มองไม่เห็นรอบกายอย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะที่กำลังจะสลัดหลุด จู่ๆร่างของซูเฉินก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา

 

“นี่มันร่างจำลอง!”

 

เซียวซานรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ข้อมูลก่อนหน้านี้ที่ได้รับมา ระบุว่าซูเฉินมีร่างจำลองที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับร่างต้น

 

และซูเฉินคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ย่อมเป็นร่างจำลองอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เมื่อย้อนนึกถึงกำลังรบอันน่าพรั่นพรึงของซูเฉิน และกลวิธีสังหารอันโหดเหี้ยม เซียวซานก็หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ

 

และในเวลาเดียวกันนั้นเอง จิตจำลองของซูเฉินได้ชก [ชีวิตเมามายจมอยู่ในห้วงฝัน] ออกไป จากนั้นฉวยโอกาสที่เซียวซานตกอยู่ในอาการเหม่อลอย ตวัดกระบี่ตัดหัวเขา

 

หลังเก็บชิ้นส่วน จิตจำลองก็กลับมาหลอมรวมเข้ากับร่างต้นของซูเฉิน

 

ซูเฉินรีบแปลงชิ้นส่วนทั้งหมดเป็นแต้มพลังงานอย่างรวดเร็ว จากนั้นลองตรวจสอบดู เมื่อเห็นว่าแต้มพลังงานสะสมมีมากถึง 500,000 จุด มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

 

ด้วยแต้มพลังงานนี้ มันมากพอที่จะใช้แลกเปลี่ยน[คุณสมบัติเลเวล 18 อย่างเต็มรูปแบบ] หลังจากเลื่อนขั้นเป็น ระดับเทวะขั้น 7 แล้ว เขาก็ไม่ต้องหวาดกลัวสัตว์ร้ายมิติ ระดับเทวะขั้น 9 อีกต่อไป

 

“ซูเฉิน พวกเรารีบหนีกันเถอะ!”

 

เมื่อรู้ว่ามีสัตว์ร้ายมิติ ระดับเทวะขั้น 9 กำลังตรงเข้ามาฆ่าพวกเขา ฉีชิงเฉวียน และคนอื่นๆเริ่มตื่นตระหนก ร้องเรียกเขา

 

ซูเฉินเองก็ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ในตอนนี้เช่นกัน

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาเพิ่งยกระดับไป พลังยังไม่เสถียร หากฝืนยกระดับต่อ เกรงว่าจะเป็นการสร้างภาระหนักแก่ร่างกาย

 

กระนั้น เนื่องจากตอนนี้นักพรตเทียนซ่านได้ร่วมมือกับพวกสัตว์ร้ายมิติแล้ว แสดงว่าหลังจากนี้จะต้องมีผู้แข็งแกร่ง ระดับเทวะขั้นสูงอีกมากถูกส่งมาไล่ล่าซูเฉินอย่างแน่นอน

 

หรือไม่ก็นักพรตเทียนซ่านอาจลงมือด้วยตัวเอง หากซูเฉินต้องหนีไปเรื่อยๆ แล้วเขาจะยังอยู่ที่ไหนได้อีก? หรือว่าเขาต้องกลับไปยังแผ่นดินใหญ่?

 

ทว่าในระดับเทวะแต่ละขั้น ทุกการยกระดับต้องใช้แต้มพลังงานจำนวนมหาศาล หากกลับไปแผ่นดินใหญ่ เขาคงไม่มีทางหาชิ้นส่วนมาแปลงเป็นแต้มพลังงานได้มากขนาดนี้ ไม่มีทางยกระดับได้อย่างรวดเร็วอีกต่อไป

 

ซึ่งอะไรแบบนี้ เขาไม่ต้องการจะเห็นมัน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม ในกรณีที่สู้ได้ ซูเฉินจึงไม่ยินยอมที่จะเลือกหลบหนี

 

ไม่นาน สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 ก็บุกมาถึงเบื้องหน้า

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ซูเฉิน! คราวนี้มาดูกันว่าเจ้ายังจะสู้ได้อีกไหม!”

 

สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 จับจ้องซูเฉินอย่างตั้งใจ หัวเราะอย่างกำเริบเสิบสาน

 

“แกเองก็ถูกนักพรตเทียนซ่านส่งมาเหมือนกันใช่ไหม?” ซูเฉินขมวดคิ้วถาม

 

ตอนนี้เขามีข้อสันนิษฐานบางอย่าง ว่าเทียนซ่านใช่หลุดพ้นจากการควบคุมของหวูซางแล้วหรือไม่

 

เพราะหวูซางเคยกล่าวไว้ ว่านักพรตเทียนซ่านสามารถส่งลูกน้องที่ระดับสูงกว่าเขาสองขั้นมาไล่ล่าได้เท่านั้น ขณะที่สัตว์ร้ายมิติตนนี้เป็น ระดับเทวะขั้น 9 มันสูงกว่าเขาสามขั้นแล้ว

 

“ฮี่ ฮี่ ฮี่ … ตอนนี้พวกเรากำลังร่วมมือกับ ‘ท่านเทพเจ้าเทียนซ่าน’ และทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือสังหารเจ้า!” สัตว์ร้ายมิติระดับเทวะขั้น 9 หัวเราะดุร้าย

 

ท่านเทพเจ้าเทียนซ่าน?

 

ซูเฉินทวนคำ หัวใจของเขาเริ่มแต้นแรง

 

ท่านเทพเจ้าเทียนซ่านต้องหมายถึงนักพรตเทียนซ่านอย่างแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงมีชื่อนี้ขึ้นมาได้?

 

อย่าบอกนะว่าอีกฝ่ายสามารถตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตเทพเจ้าได้แล้ว?

 

“นักพรตเทียนซ่านตัดผ่านสู่ขอบเขตเทพเจ้าได้แล้วงั้นหรอ?”

 

ซูเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง หากนักพรตเทียนซ่านสามารถทำได้แล้วจริงๆ เช่นนั้นสถานการณ์ของเขาเท่ากับว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง!