ไซตามะต่างโลก Ep.4 – กำปั้นเหล็กแห่งความรัก
…
วันแล้ววันเล่าได้ผ่านพ้นไป
ในแต่ละวัน ไซตามะมักจะใช้เวลาไปกับการแวะเวียน เดินสำรวจเมืองและหมู่บ้านอยู่เสมอๆ
และแน่นอน ว่างานอดิเรกฮีโร่ของเขาก็ยังคงดำเนินต่อไป
เนื่องจากการปรากฏตัวของไซตามะ ส่งผลให้โจรสลัดเกือบทั้งหมดที่สุมหัวกันอยู่ในกองภูเขาขยะหายไปจนเกลี้ยง
ในช่วงแรกๆ พวกโจรสลัดก็ยังคิดต่อต้านเขาอยู่หรอก ทั้งหมดพยายามรวมตัวกัน ใช้จำนวนคนติดอาวุธครบมือเข้าสู้ และอีกหลากหลายวิธีเพื่อจัดการกับไซตามะ
แต่ไม่ว่าจะกลยุทธ์หรือวิธีการใดๆ พวกเขาก็ล้วนต้องพบกับความสิ้นหวัง
ไม่ว่าจะมีจำนวนคนแค่ไหน หรือมีอาวุธมากมายเพียงใดก็ตาม สุดท้ายก็ถูกหัวล้านที่มีใบหน้าเฉยชาดั่งปลาตายซากจัดการได้ในหมัดเดียวอยู่ดี
เรียกได้ว่าความรู้ความเข้าใจที่มีมาในอดีตของพวกเขาพังทลายลงในพริบตา
เมื่อทำอะไรไม่ได้ พวกโจรสลัดที่เหลือรอดก็เลือกที่จะวิ่งหางจุกตูดออกจากอาณาจักรนี้ไป
แต่เหมือนกับว่าพวกโจรสลัดจะเร่งหนีไปอย่างรีบร้อนจนเกินไป ทำให้ไม่มีเวลามามัวขนของจากในรังเก่า ไซตามะที่กะจะเดินเข้าไปทำงานอดิเรก ‘ฮีโร่’ ของเขาเลยได้บังเอิญเจอกับหนังสือพิมพ์เก่าๆหลายฉบับ รวมไปถึงกองเหรียญทองคำ เครื่องเพชร อัญมณี และเงินอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ไอ้ที่บอกๆมาในส่วนหลัง ไซตามะไม่ได้เหลียวแลมันเลย เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นของที่ถูกขโมยมา ไม่ใช่ของเขาซะหน่อยหนิ? ที่ไซตามะทำ ก็แค่เลือกที่จะหยิบหนังสือพิมพ์เก่าๆทั้งหมด นำมันกลับไปยังรังโจรของดาดัน และอ่านพวกมันเพื่อหวังว่าจะทำความเข้าใจคร่าวๆเกี่ยวกับโลกใบนี้
โจรสลัด …
กองทัพเรือ …
คณะปฏิวัติ …
‘แกรนไลน์’
…
หลังจากรวบรวมข้อมูลมาได้จำนวนหนึ่ง ก็ได้ข้อสรุปมาดังนี้
โลกใบนี้กับโลกของไซตามะ ที่จริงแล้วก็มีหลายส่วนที่คล้ายกันอยู่
อย่างเช่นในแง่ของโจรสลัด ถ้าจะให้เปรียบเทียบมันเครือๆเดียวกับพวกมนุษย์ประหลาดในโลกของเขา
กองทัพเรือก็เครือๆเดียวกันกับสมาคมฮีโร่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าโลกของตนเองจะปรากฏมนุษย์ประหลาดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ทุกที ทางสมาคมฮีโร่ก็จะสามารถใช้พลังแห่งความยุติธรรมที่เหนือกว่าคว้าชัยชนะมาได้อยู่เสมอ
แต่ในโลกใบนี้ โจรสลัดน่ะมีจำนวนมากมายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า แถมพวกเขายังสามารถต่อกรกับความยุติธรรมอย่างกองทัพเรือ และเข้ายึดครองอาณาจักรต่างๆได้อีก ฉะนั้น ความชั่วร้ายและความหวาดกลัวจึงแพร่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง กลุ่มอิทธิพลและกองกำลังมากมายต่างพากันอาละวาดและสร้างความโกลาหลตามอำเภอใจ
ถึงบางที ในหนังสือพิมพ์ จะมีผู้คนออกมาพูดปกป้องโจรสลัด ป่าวประกาศว่าพวกเขาก็ไม่ได้แย่ไปซะทุกคนอยู่ก็เหอะ
แต่นั่นมันก็แค่ส่วนน้อย พวกโจรสลัดส่วนใหญ่น่ะมันเป็นพวกขยะโดยแท้ ทั้งออกปล้นสะดม ทั้งเผา ทั้งฉุดคร่าผู้คน -พวกมันในโลกใบนี้ ถ้าจะเทียบให้ชัดๆกับโลกของไซตามะ ก็คงจะประมาณว่าเป็นพวกมนุษย์ประหลาดที่สามารถเอาชนะสมาคมฮีโร่ได้นั่นเอง
โลกใบนี้มันน่ากลัวจริงๆ นี่มันชักจะเลวร้ายเกินไปแล้ว …
เมื่อได้ข้อสรุปในสมอง ไซตามะก็ปิดหนังสือพิมพ์ เขาลุกขึ้นเตรียมที่จะออกไปดื่มน้ำซักแก้ว
แต่ในตอนนั้นเอง ร่างเล็กสองหน่อที่แสนจะคุ้นเคย พร้อมกับท่อเหล็กในมือก็กระโจนเข้ามาจากนอกหน้าต่าง!
“พวกเรากลับมาแล้ว!”
“ตายซะเถอะ! เจ้าสัตว์ประหลาดหัวล้าน!”
วินาทีเดียวกันกับที่เกิดเสียงกระจกแตก ไซตามะก็เดินออกจากห้องโดยไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ
ปากบนใบหน้าตายซากของเขาขมุบขมิบพึมพำเบาๆ
“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรจะทำตัวหยาบคาย”
เบื้องหลังของเขา สองอันธพาลน้อยนอนหมอบกับพื้น หนึ่งใบหน้าปูดบวม อีกหนึ่งขอบตาฟกช้ำและมีเลือดเกาเดาไหลออกทางจมูก
…
“บ้าที่สุด”
เอสนอนแผ่กับพื้น ยกแขนขึ้นมาปิดบังดวงตาของเขา กัดฟันกล่าวด้วยความเจ็บปวด “เจ้าเหม่งนั่นเหมือนจะหนักมือกับพวกเราขึ้นทุกที .. ”
ซาโบ้สูดเลือดกำเดา “บางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะว่านายไปเรียกเขาว่าสัตว์ประหลาดหัวล้านก็ได้นะเอส … ”
“จิส์ จะต้องทำยังไงกัน ถึงจะเอาชนะหมอนั่นได้!”
เอสผุดลุกขึ้นนั่งอย่างแรง เหวี่ยงกำปั้นทุบลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจ “ฉันได้ยินมาว่าพวกโจรสลัดในภูเขากองขยะก็ถูกเขาจัดการในหมัดเดียว แบบนี้พวกเราไม่มีโอกาสชนะได้เลย!”
“เจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งสมชื่อสัตว์ประหลาดของมันจริงๆ!”
ซาโบ้ลุกขึ้นนั่ง ไตร่ตรองสักพักก็เสนอความคิดขึ้นมา “ถ้าในเมื่อในแง่ของความแข็งแกร่ง พวกเรามั่นใจว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้แน่ๆ ถ้างั้นมาลองเอาชนะเขาด้วยปัญญาดูดีไหม เพราะยังไงซะ ดูจากท่าทีและหน้าตาตายซากของเขาแล้ว คิดว่าไม่น่าจะฉลาดเท่าไหร่ … ”
ใบหน้าที่ดูเกียจคร้านของหัวล้านวาบผ่านขึ้นมาในจิตใจของเอส เขาพยักหน้าเห็นด้วยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ในเมื่อนายเองก็เห็นด้วย ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็มาวางกับดักกันเถอะ!”
ซาโบ้ลุกขึ้นยืน “ตัดสินใจแล้ว! เจ้าหมอนั่นมักจะเดินผ่านภูเขากองขยะแล้วก็หมู่บ้านฟูฉะทุกวัน ในเมื่อเป็นแบบนั้น พวกเราก็จะวางสองกับดักซ้อนกันบนถนน ต่อให้บังเอิญรอดจากกับดักแรกมาได้ แต่ก็ยังต้องตกหลุมพรางที่สองอยู่ดี ติดกับเมื่อไหร่ นั่นแหละคือโอกาสที่พวกเราจะได้แก้แค้น!”
“เจ๋งไปเลยซาโบ้ นายคิดได้ไง!”
ดวงตาของเอสเปล่งประกายสดใส ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ไว้รอให้ฉันออกทะเลก่อนเถอะ จะจับตัวนายมาเป็นลูกเรือคนแรกให้ได้เลย!”
ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งสองจึงใช้เวลาตลอดทั้งช่วงเย็นลากยาวไปจนถึงกลางดึก ในที่สุดก็ขุดวางสองกับดักจนเสร็จสิ้น และพากันปีนขึ้นไปดักรอบนกิ่งไม้ในป่าไม่ใกล้ไม่ไกล สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป
วันถัดมา
ในช่วงเวลาเช้าตรู่
“อ๊า!! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!?”
ซาโบ้และเอสที่ยังคงหลับ เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
ทั้งสองรีบลุกขึ้น สบสายตากันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ฮะฮ่าฮ่า! มันได้ผล!!!”
“ไชโย! ซาโบ้ นายนี่มันอัจฉริยะ!”
สองหน่อเอื้อมมือไปคว้ากุมท่อเหล็ก กระโดดลงจากต้นไม้ วิ่งพรวดพราดออกมาจากป่า ง้างท่อเหล็กทุบตีไม่ยั้ง โดยไม่ทันได้ดูว่าเป็นใครที่ติดอยู่ในกับดัก
แต่เมื่อหลับตาทุบไปสักพัก ซาโบ้ก็ค้นพบว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
เพราะผู้ชายที่ถูกกับดักตาข่ายแขวนอยู่อยู่กลางอากาศคนนี้ ถ้าเทียบกับเจ้าหัวล้านแล้ว ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หรือเสียงของเขา มันก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
และที่สำคัญที่สุดก็คือ คนๆนี้น่ะยังมีผมอยู่!
“ใจเย็นก่อนเอส”
ซาโบ่รีบกระชากแขนเอสที่ทั้งฟาดทั้งทุบด้วยความตื่นเต้นและตะโกนว่า “ดูเหมือนพวกเราจะตีผิดคน เขาไม่ใช่เจ้าหัวล้าน!”
“อ๋า?”
เอสแข็งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลองหันกลับมามองอย่างรอบคอบ และพบว่าคนที่ถูกแขวนอยู่ในตาข่าย เป็นชายแก่ที่มีผมสีขาว …
“เอ๊!!!”
เอสชักฝีเท้าถอยกลับไปหลายก้าว สะบัดมือชี้ไปยังชายแก่ด้วยความตกใจ “ทำไมถึงเป็นแกไปได้? ตาแก่ตัวเหม็น!”
“อา .. ฉันก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าพวกโจรภูเขามันคงไม่กล้าถึงขนาดนี้ … ”
ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของการ์ปเกร็งแน่น ขยายตัวจนเชือกตาข่ายที่รัดพันปริฉีกขาดออกจากกัน บนหน้าผากของเขาปรากฏรอยเส้นเลือดลากยาวไปทั่ว ทั้งคนทั้งร่างฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายสังหาร สองมือบดกันเสียงดังกร๊อบๆ “กลับกลายเป็นแกนี่เองเอส ไอ้เด็กเหลือขอ ทำได้แสบนักนะ ไม่เจอกันแค่สองสามเดือน ก็กล้าที่จะลงมือกับคุณปู่หัวแก้วหัวแหวนคนนี้ซะแล้ว”
สีหน้าของซาโบ้ชะงักงันไป “เอส … นี่ปู่นายหรอ?”
ท่อเหล็กในมือของเอสชูสูงขึ้น ตะโกนขู่กลับไป “ตาแก่ตัวเหม็น อย่า .. อย่าเข้ามานะ”
“ก็บอกให้เรียกฉันว่าคุณปู่!!”
วินาทีเดียวกันกับเสียงที่แผดดังดั่งสิงโตคำรามก้องขึ้น ใบหน้าของเอสก็ถูกกำปั้นของการ์ปฮุคเข้าตรงๆจนเบี้ยวผิดรูป ทั้งคนทั้งร่างปลิวกระเด็นอย่างกะลูกกระสุนปืน หลังจากกระแทกเข้ากับต้นไม้จนมันหักโค่นลงไปกว่าสองต้น ร่างของเอสจึงค่อยร่วงตกลง ฝังตัวลงไปในพื้นดิน และแน่นิ่งไปในที่สุด
ขณะเดียวกัน ซาโบ้ที่อยู่ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดก็พลอยโชคร้ายไปด้วย จำต้องรับประทานกำปั้นเหล็กแห่งความรักของการ์ปเข้าไปเช่นกัน
การ์ปก้าวฉับๆตรงไปยังเอสที่นอนแผ่บาดเจ็บสาหัส และซาโบ้ที่กำลังกุมจมูกด้วยความเจ็บปวด เอ่ยน้ำเสียงเย็นชากับเด็กทั้งสอง “อย่าพึ่งรีบฟุบหลับไป มาคุยกันก่อนซะดีๆ คนอะไรกันมาวางกับดักน้องชายตัวเองแบบนี้? บ้าจริง .. เดิมทีฉันกะจะพาน้องชายแกมาเซอไพรส์ซักหน่อย แต่ใครจะรู้ ว่ากลับเป็นแกที่จัดชุดใหญ่ให้ปู่ซะเอง … ”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ การ์ปก็หันไปมองรอบๆ เหมือนกับว่าพึ่งนึกบางสิ่งบางอย่างออก
ผ่านไปนาน การ์ปจึงค่อยตบหน้าผากตนเองดังแผะ! แล้วอุทานด้วยความตกใจ “อ๊ะ! จำได้แล้ว! เจ้าเด็กเหลือขอลูฟี่มันตกลงไปในหลุมนี่นา!!!”
ผละตัวออกจากซาโบ้กับเอส การ์ปวิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ใกล้ไม่ไกลกับเชือกตาข่ายที่มัดตัวเขา การ์ปกระโจนลงไปช่วยลูฟี่ในอีกหลุมกับดักหนึ่ง
เมื่อลูฟี่ถูกอุ้มขึ้นมา การ์ปก็พาเขาไปหาเอสกับซาโบ้
“เลวที่สุด! นั่นคือวิธีที่นายใช้ต้อนรับน้องชายอย่างงั้นหรอ!?”
แต่น่าเสียดาย ที่เอสกับซาโบ้ไม่มีแรงมากพอที่จะลุกขึ้นเถียงกับเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้
…
สิบนาทีต่อมา
มันไม่ง่ายเลยที่จะรอให้การ์ปใจเย็นลง
เอส , ซาโบ้ , ลูฟี่ และการ์ปนั่งลงบนพื้นหญ้า หนึ่งฝ่ายรับฟัง อีกหนึ่งฝ่ายเริ่มอธิบายเกี่ยวกับความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นในวันนี้
“หืม .. ”
การ์ปที่พึ่งแทะขนมเซมเบ้ พูดทั้งๆที่ยังเคี้ยวอยู่ “ที่แท้กับดักนี้ก็มีไว้ใช้กับคนที่เรียกว่าสัตว์ประหลาดหัวล้านสินะ ว่าแต่เขาแข็งแกร่งจริงๆใช่ไหม? ชักอยากจะลองทดสอบฝีมือเขาดูซะแล้วสิ”