บทที่ 96
“หวางหยานคารวะสหายเต๋าจิน”
หลังจบการต่อสู้ หวางหยานขึ้นไปบนแถวที่นั่งและโค้งคำนับอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนไม่มีเจตนาใดแอบแฝง
“อืม เจ้าไม่เลวเลย สนใจเข้าร่วมนิกายเฉินเมิ่งของเราหรือไม่?” จินหัวไม่ได้โกรธที่สาวกนิกายเฉินเมิ่งแพ้ แต่กล่าวด้วยรอยยิ้มแทน
“นี่ ..ขอบคุณสหายเต๋าที่เชื้อเชิญหวางหยาน หวางหยานย่อมยินดีเข้าร่วม” หวางหยานกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ
ทันทีที่เปล่งคำนี้ออกมา สีหน้าของผู้อาวุโสจินก็แปรเปลี่ยนไป เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว ผุดลุกขึ้นชี้หน้าด้วยความโกรธ “หวางหยาน นี่เจ้า … ”
“ผู้อาวุโสจิน มนุษย์เราย่อมต้องปีนขึ้นที่สูง ด้วยพรสวรรค์ของข้า การอยู่ในเซียวเหยามีแต่จะทำให้เดินช้าลง เราทุกคนต่างเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ข้าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ใช่หรือไม่? ”
ใบหน้าของหวางหยานยังคงสงบนิ่ง
สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง จะให้ข้าอยู่นิกายเซียวเหยาไปทั้งชีวิตหรือในเมื่อตอนนี้มีสถานที่ๆดีกว่าให้พักอาศัย?
“ฮึ่ม!”
ผู้อาวุโสจินแค่นเสียงเย็นชาด้วยใบหน้าน่าเกลียด แต่ก็ไม่ปฏิเสธใดๆ
“อ้อ เจ้าคิดอย่างนั้นรึ? แต่แทนที่จะบอกว่าที่ตนเลือกนั้นคือ ‘รู้เท่าทัน’ สมควรกล่าวว่ามันคือการ ‘ทรยศนิกาย’ มากกว่า … ช่างเถอะ อยากไปก็ไป แต่เจ้าต้องคายทุกสิ่งที่นิกายเคยมอบให้มาทั้งหมด พวกเราปลูกฝังเจ้า เจ้าจะไม่ตอบแทนอะไรกลับมาเลยมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ถูกไหม?”
ฉินห่าวมองสาวกที่กำลังสู้บนสังเวียนโดยไม่หันหัวไปมองพวกหวางหยาน “ผู้อาวุโสจิน คำนวณค่าชดใช้ที่พวกนางต้องจ่าย เสร็จแล้วค่อยปล่อยไป ”
ผู้อาวุโสจินได้ฟังก็ตะลึง มีวิธีแบบนี้ด้วยหรือ? แต่พอเขาคิดแล้วก็ถูก เรามอบทรัพยากรให้เจ้า ถึงเวลาไป เจ้าจะจากไปโดยไม่ชดใช้ได้อย่างไร?
โอสถและสมบัติสวรรค์ที่ใช้ไป จะไม่คืนได้หรือ?
“นี่เจ้า …. ”
สีหน้าของหวางหยานและหวางว่านเปลี่ยนไป
“ศิษย์พี่ฉิน นั่นไม่ถูกต้อง เดิมข้าเป็นสาวกนิกายเซียวเหยา การใช้ทรัพยากรของนิกายเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เหตุใดต้องมีการชดใช้ย้อนหลังด้วย?”
หวางหยานรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของฉินห่าว ดังนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ และอธิบายอย่างใจเย็น
จินหัวมองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สิ่งที่เขารอคอยคือฉากนี้ แม้ความขัดแย้งภายในนี้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่มันก็ช่วยทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นบ้างจากเรื่องของฉินห่าว
“นิกายเซียวเหยามิใช่สถานที่พักระหว่างทาง หากทุกคนทำแบบเจ้าแล้วใครจะอยู่ในนิกายอีก? เอาอย่างนี้ดีกว่า พวกเจ้าสองคนเคยทำความดีความชอบแก่นิกายหรือไม่? หากเคยทำก็จงพูดมาซักอย่าง แล้วเจ้าอยากไปไหนก็ไป ข้าจะไม่หยุดเลย”
ฉินห่าวหันหัวกลับมา เอ่ยด้วยสีหน้าสงบ
หวางหยานกับหวางว่านมองหน้ากัน พวกเธอแทบไม่ค่อยมีส่วนร่วมมากนัก หวางว่านวันๆเอาแต่ทำให้ตัวเองงดงาม ส่วนหวางหยานมีช่องทางติดต่อกับสาวกชั้นหนึ่ง และคอยติดตามพวกเขาทำภารกิจ โดยรวมจึงถือว่ามีส่วนร่วมนิดหน่อย
กระนั้น สิ่งนี้สามารถกล่าวอวดโอ้ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวกคนอื่นๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินห่าว คุณูปการใดที่ตนเองทำก็ดูน้อยไปจนไม่น่ากล่าวถึง
“เอาล่ะ สิ่งที่สหายเต๋าฉินพูดนั้นมีเหตุผล แต่เนื่องศิษย์น้องหญิงทั้งสองยินดีเข้าร่วมกับนิกายเฉินเมิ่งของเราอย่างจริงใจแล้ว ดังนั้นข้าขอชดใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้พวกนางเอง แบบนี้ตกลงไหม?”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังลำบากใจ จินหัวยิ้มและเอ่ยขึ้น
“ได้สิ”
ฉินห่าวพยักหน้าโดยเอ่ยสั้นๆแค่คำเดียว
ด้านผู้อาวุโสจิน แม้เขาจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา ตอนนี้ สำหรับนิกายเซียวเหยาแล้ว ฉินห่าวไม่ต่างจากผู้นำ ดังนั้นคำพูดเขาจึงเด็ดขาดมาก
ยิ่งไปกว่านั้นทางนิกายเซียวเหยาไม่นับว่าสูญเสียอะไร จึงไม่เดือดร้อนนัก
อย่างมากที่เสียไปมีแค่หมาป่าตาขาวสองตัว
เหล่าสาวกที่อยู่ใต้สังเวียนไม่มีใครรู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม งานประลองบนสังเวียนได้สิ้นสุดลงแล้ว
“งานประลองจบแล้ว เอาไง? จะเล่นกันซักหน่อยไหม?”
ฉินห่าวเอียงศีรษะถาม
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
จินหัวยิ้มเล็กน้อย เขาลุกขึ้นและกลายเป็นเงาวูบ ปรากฏตัวขึ้นบนสังเวียน
ฉินห่าวนิ่งคิดพักหนึ่งและมองไปทางหวางหยานกับหวางว่าน ทันใดนั้นมุมปากเขายกยิ้ม เกิดความคิดดีๆอย่างหนึ่งขึ้นมา