บทที่ 90 การมาถึงของหลงหวางเอ๋อ
ทันทีที่อาบน้ำเสร็จซูเหมิงหานในชุดลูกไม้สีฟ้าเดินมาอย่างสง่างามตรงทางเข้าบ้าน ผมยาวสลวยดูเปียกชื้นเล็กน้อยจากการพึ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ
เด็กสาวได้ยินเย่เฟิงคุยกับพ่อของเธออยู่ด้านนอกเกี่ยวยาอะไรบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะเดินออกมาถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เป็นอยู่
เย่เฟิงที่เห็นซูเหมิงหานเดินออกมา เดินเข้าไปหาเธอพร้อมกระซิบบางอย่างที่ข้างหู ยังไงก็ตามเธอได้ฝึกทักษะเซียนและกำจัดฤทธิ์ยาออกไปจากร่างกายทั้งหมดแล้ว ดังนั้นการบอกความจริงไปจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก
หลังจากฟังเย่เฟิงพูดจบซูเหมิงหานพลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้น
“ช่วยโกหกเขาไปก่อนได้ไหม?”
ซูเหมิงหานกระพริบตา
“ได้สิ”
เย่เฟิงยิ้มพลางพยักหน้า
หลังจากทั้งสองกระซิบกระซาบกันจบ พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของซูซินฉาง ส่วนชายร่างสูงสองคนนั้นยืนอยู่ฝั่งด้านนอกของสวนคอยอารักขา
เมื่อเห็นทั้งสองค่อยๆใกล้เข้ามา ซูซินฉางเริ่มตื่นตระหนก โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นสภาพของซูเหมิงหานที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนักยิ่งทำให้เขากระวนกระวายมากขึ้นไปอีก เขาไม่คิดเลยว่าลูกสาวของเขาจะถูกจับฉีดยาไปเช่นนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ซูซินฉางเสียใจอย่างมาก
“คุณมีอะไรจะพูดรึเปล่า?”
เด็กสาวหยุดอยู่ใกล้ๆกับเย่เฟิง สายตาที่งดงามมองไปยังซูซินฉาง เธอถามอย่างเศร้าๆราวกับว่าเธอพึ่งรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ
“พ่อ… เหมิงหาน พ่อมันไม่ดีเอง พ่อมันเลว”
มุมปากของซูซินฉางสั่นเทาอย่างรู้สึกสำนึกผิด เขาพยายามฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ “ขอแค่เหมิงหานยอมยกโทษให้พ่อ เหมิงหานจะสั่งให้พ่อทำอะไรก็ได้ บอกมาเลย”
“คุณจะทำอะไรให้กับหนูได้งั้นเหรอ?”
ซูเหมิงหานพูดด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดราวกับฝืนทนและกำลังทุกทรมาณอยู่
“พ่อ…”
ซูซินฉางไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรดี ตอนนี้เขาจะมีปัญญาทำอะไรให้เธอได้กันล่ะ?
“อย่างน้อย… อย่างน้อยพ่อก็ยังมีบ้านมีรถนะ… เหมิงหานอภัยให้พ่อเถอะ ได้มั้ย? แล้วเรากลับไปอยู่ด้วยกันนะ…”
ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาจากไปทีละคนทีละคนทิ้งให้เขาอยู่เดียวดาย มันช่างเป็นความรู้สึกที่ขมขื่นเหลือเกิน ตอนนี้ซูซินฉางไม่เหลืออะไรแล้ว เขาแค่อยากได้ลูกของเขากลับมาอยู่กับตัวเอง
อย่างที่ทุกคนรู้ว่าซูเหมิงหานไม่เคยสนใจอยู่แล้วว่าพ่อของเธอจะมีหุ้นมากเท่าไร รถกี่คันหรือว่าบ้านกี่หลัง ของพวกนั้นไม่ได้สำคัญกับเธอเลย เด็กสาวต้องการแค่เพียงให้พ่อดูแลเธอดีๆแค่นั้น ขอแค่นั้นเองไม่ว่าจะเจอเรื่องลำบากอะไรเธอก็รับได้หมด
แต่น่าเสียดาย…
“บ้านเหรอรถเหรอ มันมีประโยชน์อะไรกับหนูกันล่ะตอนนี้?”
ซูเหมิงหานพูดอย่างโศกเศร้า ใบหน้าของเด็กสาวดูเหมือนพร้อมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา “ที่หนูต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เพราะคุณนั่นแหละ คุณทำร้ายหนูขนาดนี้ได้อย่างไรกัน”
คำพูดของเธอทำให้หัวใจของซูซินฉางสั่นสะท้าน
ตอนที่เขารู้ว่าซ่งเทียนยิงได้ฉีดยานั่นเข้าใส่ลูกสาวของเขา ซูซินฉางยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อยกับการกระทำของเขา แต่ตอนนี้ที่ได้เห็นซูเหมิงหานตะโกนต่อหน้าเขาในสภาพที่ย่ำแย่เช่นนี้ มันปลุกให้ความเป็นพ่อของซูซินฉางตื่นขึ้นมา
เขามองไปยังใบหน้าอันบริสุทธิ์ของเธอ ลูกสาวของเขาที่ถูกฉีดยาจนต้องอยู่ในสภาพขาดยาไม่ได้!
ทันใดนั้นเองเขาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะตัวของเขาเองทั้งนั้น
ซูซินหางลองคิดดูว่าต่อให้เขาร่ำรวยเหมือนเดิม เงินของเขาก็ไม่อาจช่วยอะไรเหมิงหานได้อีกแล้ว ลูกสาวเขามีชีวิตเหลืออีกแค่ปีเดียวเท่านั้นในตอนนี้
“หนูไม่อยากเห็นคุณอีกแล้ว”
เด็กสาวเอนตัวพิงไปที่ร่างของเย่เฟิงขณะมองไปที่พ่อของเธอ “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหนูไม่ต้องการจะโทษอะไรคุณอีก แต่ถ้าคุณยังมีสำนึกอยู่รับปากหนูมาเรื่องนึงสิ”
“ขอแค่เหมิงหานพูดออกมา พ่อจะทำให้ทุกอย่างเลย!”
ซูซินฉางพลันผงกหัวตอบรับ
“ถ้าอย่างนั้นบอกความจริงเรื่องอุบัติเหตุของยายหนูมา หนูต้องการให้คนทำผิดตัวจริงรับโทษ”
ซูเหมิงหานกล่าวอย่างน้ำตาคลอ
ซูซินฉางได้ยินเช่นนั้นก็ลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเขาคิดถึงสภาพของซูเหมิงหานแล้วได้แต่ถอนหายใจตกลง ช่างมันเถอะ ในเมื่อเธอเป็นเช่นนี้แล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรอีกที่จะปิดบังความจริง
ด้วยเหตุนี้ซูซินฉางจึงบอกเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อหกปีที่แล้วออกมาอย่างไม่ซ่อนเร้น
เดิมทีในอดีตซูซินฉางอยากจะแต่งงานกับเซี่ยหมิน อย่างไรก็ตามยายของซูเหมิงหานไม่ชอบนัก และเธอพยายามทุกทางเพื่อที่จะหยุดงานแต่งงานนี้ ที่ยายของซูเหมิงหานทำเช่นนี้เพราะรู้ว่าเซี่ยหมินไม่ใช่คนที่ดีนัก และต้องมีปัญหากับซูเหมิงหานในอนาคตอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ทำให้เซี่ยหมินเกิดความแค้นขึ้นในใจ หกปีก่อนเซี่ยหมินและน้อยชายของเธอเซี่ยเฉิงเย่จึงได้จ้างคนมาฆ่ายายของซูเหมิงหานโดยทำให้มันดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งพวกเขาก็ทำตามแผนสำเร็จ ยายของซูเหมิงหานจึงต้องจบชีวิตลงไปแบบนั้น
เมื่อซูซินฉางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากมันผ่านไปแล้ว เขาไม่เพียงไม่ปรักปรำเซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่แต่ยังกลับช่วยปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับคนที่ถูกจ้างวานไปฆ่าคนนั้น
เพราะตอนนั้นบริษัทของซูซินฉางกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือทรัพยากรของเซี่ยหมิน…
“อย่างที่คิดเอาไว้ พวกมันจริงๆด้วย”
เย่เฟิงคาดเดาไว้ในใจ จากเหตุการณ์ที่ร้านอาหารจิงเฉิงทำให้เขามั่นใจถึงร้อยเปอร์เซนต์ นอกจากเซี่ยหมิน เซี่ยเฉิงเย่และซูซินฉาง ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งนั้น
เมื่อทราบความจริงซูเหมิงหานรู้สึกโล่งใจ จากนั้นซูซินฉางกล่าว “พ่อมั่นใจว่าจะต้องเอาความผิดกับพวกนั้นได้แน่ ถ้าพวกนั้นไปขึ้นศาลเมื่อไหร่พ่อจะเป็นคนไปเป็นพยานด้วยตัวเอง”
การกระทำของซูซินฉางถือว่าเป็นการปกปิดความผิด ดังนั้นถึงเขาจะไม่ได้กระทำความผิดด้วยแต่การปกปิดมันไว้ก็ถือเป็นความผิดหนักเช่นกัน แต่ถ้าเกิดว่าเขาเป็นพยานในคดีความนี้ โทษของเขาก็คงจะลดหย่อนไปได้บ้าง
ซูซินฉางพยักหน้าช้าๆ “งั้นพ่อไปก่อนนะ…”
“ก่อนจะะถึงเวลานั้น คุณอยู่กับหน้าบากไปก่อนก็แล้วกัน”
เย่เฟิงกวักมือ “อย่าคิดจะหลบหนีเด็ดขาด ด้วยความสามารถของผมมันไม่ยากเลยที่จะหาตัวคุณ”
“เข้าใจแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้นทำให้ซูซินฉางค่อนข้างรู้สึกกลัวจนเหงื่อแตก เท่าที่เขารู้เย่เฟิงเป็นคนต่อยซ่งเทียนยิงร่วงลงมาจากตึกหกชั้น! ถ้าเย่เฟิงยอมปล่อยเขาไปตอนนี้ก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาไม่คิดจะหลบหนีเลยในเมื่อเย่เฟิงเองก็มีความสัมพันธ์กับตระกูลหลิน ต่อให้เขาหนีก็ไม่มีทางรอดไปได้หรอก
เมื่อเห็นชายร่างสูงสองคนพาตัวซูซินฉางขึ้นรถจากไปทำให้ซูเหมิงหานยิ้มออกมา เธอยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออก
“เธอนี่แสดงเก่งจริงๆให้ตายสิ”
เย่เฟิงก็ยิ้มเช่นกันขณะที่โอบไหล่ของเธอ เขากล่าวชมการแสดงของเด็กสาว ถ้าเธอไม่เล่นบทโศกได้ดีเช่นนี้คงไม่ทำให้ซูซินฉางเชื่อได้หรอก แล้วเรื่องก็คงไม่ราบรื่นขนาดนี้
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงสามารถทำให้ซูซินฉางเปิดเผยความจริงออกมาง่ายๆด้วย ‘การสะกดจิต’ เพียงแต่ผลข้างเคียงจะเกิดหากอีกฝ่ายขัดขืน มันจะทำให้เกิดความเสียหายแก่สมองของคนที่โดนสะกดจิต แล้วถ้าหากใช้การสะกดจิตบ่อยครั้งอาจจะทำให้คนที่โดนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปได้ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นพ่อของซูเหมิงหานเขาจึงไม่อยากเลือกใช้วิธีนี้เสียเท่าไหร่
อย่างที่ซูเหมิงหานบอกไว้ เธอต้องการให้เรื่องนี้ไปขึ้นศาล เย่เฟิงไม่รู้เกี่ยวกับมันเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเขามาอยู่ในโลกปัจจุบันแล้วก็ได้แต่ตามใจเธอ ความรุนแรงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้เสมอไป
“งั้นเหรอ?”
ใบหน้าของเด็กสาวแดงระเรื่อเพราะถูกเย่เฟิงกอด แต่เธอก็ไม่ได้พยายามขัดขืน แต่กอดชายหนุ่มกลับอย่างแนบแน่นกว่าเดิมแล้วกล่าว “นี่ถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ได้ติดยาไปจริงๆเขาจะไม่สงสัยเหรอ ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้ด้วยว่าฉันฝึกวิชาเซียนแบบนาย…”
สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงทุกอย่าง ตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาคนจากยาตัวนั้นได้ ถ้าเรื่องที่ซูเหมิงหานไม่มีอาการติดยารั่วออกไปมันคงทำให้หลายๆฝ่ายเกิดความสงสัยแน่นอน
“หือ?”
ทันใดนั้นซูเหมิงหานที่อยู่ในอ้อมกอดของเย่เฟิงเห็นบางสิ่งและก้าวถอยออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
เย่เฟิงถามด้วยความสงสัย
“เธอคนนั้นอีกแล้ว”
ซูเหมิงหานมองออกไปด้านนอกประตูบ้าน
เย่เฟิงมองตายสายตาของเธอไป มันทำให้เขารู้สึกตะลึงทันที
หลงหวางเอ๋อ? เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
เขาเห็นเงาของใครบางคนยืนอยู่ตรงข้ามกับบ้านใต้ต้นไม้ใหญ่ เป็นร่างที่ดูคุ้นตาเหลือเกิน หลงหวางเอ๋อไม่ใช่หรือนั่น?
เวลานี้หลงหวางเอ๋อยืนอยู่อีกฝั่งของถนนขณะกอดอกเอาไว้ และกำลังจ้องมองมายังบ้านของเย่เฟิง ใบหน้างดงามอันละเอียดของเธอปรากฏความเศร้าโศกออกมา ตอนแรกเย่เฟิงแทบไม่เชื่อสายตาตนเองแต่หลังจากมองอย่างชัดเจนแล้ว มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บแปลบ
………………………
แปลโดยทีมงาน GSI
Solar Spark : เอาแล้วรถไฟชนกัน แนะนำให้ไปเรียนวิธีสับรางกับปรมาจารย์หยุนเช่อโดยด่วนเลยเย่เฟิง