บทที่ 90: กองทัพตัวต่อ (1)
“…หือ?”
หนึ่งในเจ็ดเสี้ยววิญญาณ แบคจุงซัง สะดุ้งวูบเมื่อสกิลจำนวนมากบนร่างของเขาหยุดทำงาน
‘อะไร? มีอะไรเกิดขึ้น?’
มันไม่มีทางที่มิยาโมโตะจะตาย
จุงซังรีบมองไปยังมิยาโมโตะที่ควรอยู่ที่เส้นประสาทห่างออกไป
จากนั้นจึงหรี่ตาลง
‘… ไม่ได้อยู่ที่นั่น? เขาตายจริงๆ เหรอ? ฮึ่ย!’
จุงซังกัดฟันกรอดและหลบหางที่พุ่งตรงมาทางเขาขณะที่เขากำลังคิดเรื่องอื่น
‘มันยากขึ้นเมื่อไม่มีสกิล!’
สกิลที่พวกเขามีก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ทว่ามันเป็นระบบที่สกิลหลักทั้งหมดเป็นของมิยาโมโตะ
และเมื่อสกิลเหล่านั้นหายไป ความรุนแรงของการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
‘เวรเอ้ย… เราอาจจะตายได้ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้’
จุงซังขบฟันแน่น
ในเมื่อสถานการณ์มันอันตรายมากเสียจนมิยาโมโตะตายได้
ในเมื่อคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากมิยาโมโตะ ตัวเขา ก็กำลังดิ้นรนแบบนี้
แต่สำหรับการที่คนที่มีชีวิตรอดมากว่า 20 ปีหายไปแบบนี้
‘… บางอย่างผิดปกติ’
คนอื่นๆ อาจไม่รู้ แต่จุงซังที่อยู่กับมิยาโมโตะมานานที่สุด รู้จักอีกฝ่ายมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย
มิยาโมโตะคือคนที่มักจะรักษาภาพลักษณ์ของตนเอง ทว่าจะโยนมันทิ้งไปเป็นเครื่องสังเวยเพื่อที่จะมีชีวิตรอด
ในสถานการณ์ที่ไม่ได้อันตรายมาก พวกเขาเพียงยืนอยู่บนเรือลำเดียวกันเพราะหมอนั่นให้ความแข็งแกร่งแก่พวกเขา แต่มันไม่ใช่พันธมิตรที่ดีอย่างแน่นอน
แต่สำหรับการที่คนที่ให้ความสำคัญกับการมีชีวิตอยู่อย่างมากจะตายง่ายๆ เงียบๆ แบบนี้?
นี่เป็นเรื่องสำคัญ
หากมิยาโมโตะได้ถูกฆ่าโดยใครบางคนด้วยความมุ่งร้าย พวกเขาเองก็คงไม่ใช่ข้อยกเว้นเหมือนกัน
ในเมื่อมันไม่ใช่พวกเขา ก็มีผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว
จุงซังที่แสดงสีหน้าสงสัยตระหนักขึ้นได้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้น
ในเมื่อมันดูเหมือนว่าเขากำลังจะตายในตอนนี้ถ้าพวกเขาไม่อาจจัดการอูโรโบรอสได้
‘ตั้งใจ’
พวกเขาแค่ต้องทำลายเส้นประสาทเพิ่มขึ้นอีกเส้นหลังจากนี้
มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้แม้จะไม่มีมิยาโมโตะ
‘ฉันจะตรวจสอบมัน… ทีหลัง’
จุงซังพุ่งตรงไปยังอูโรโบรอสอย่างบ้าคลั่งหลังจากคิดจบ
พรวดดด
ฮันซูดึงเศษศิลาศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากหัวใจของอูโรโบรอส
คว้างง
‘สามชิ้นแล้ว ร่างโคลนหนีไปงั้นเหรอ’
เขามุ่งหน้าตรงไปยังส่วนหัวทันทีที่เขาทำให้อูโรโบรอสเป็นอัมพาต
เผื่อว่าร่างโคลนจะอยู่ที่นั่น
ทว่ามันเป็นเวลาสักพักแล้วที่หมอนั่นหนีไป
‘มันไปที่กองทัพตัวต่อหรือเปล่า?’
กองทัพตัวต่อ
สี่ภัยพิบัติอย่างสุดท้าย
มันไม่เหมือนกับภัยพิบัติอื่นๆ ที่มีร่างกายอันใหญ่โตและระบบป้องกันภายในที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้มีราชินีและกองทัพตัวต่อนับแสนที่ปกป้องมัน
มันเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปรสิต แต่ความแข็งแกร่งของแต่ล่ะตัวนั้นไม่อาจกระทั่งเทียบกันได้
ในเมื่อกระทั่งอูโรโบรอสยังไม่อาจปีนขึ้นไปได้เพราะหวาดกลัวพวกนั้น
‘พวกมันค่อนข้างเหมาะสมที่จะเป็นทางออก’
มันไม่มีกลวิธีใดๆ ที่จะใช้ได้กับราชินีตัวต่อ
ในเมื่อพวกมันจะจัดการสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อราชินีของพวกมันในทันทีด้วยความระมัดระวังของพวกมัน
‘ครั้งนี้มันจะเป็นการเผชิญหน้าตรงๆ จริงๆ’
เขาไม่อาจเสียเวลาไปกับการต่อสู้กับกองทัพตัวต่อนับแสนได้
เขาต้องมุ่งเป้าไปที่ราชินี ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังรั้งกองทัพตัวต่อเอาไว้ และฆ่ามันในเสี้ยววินาที
พลังต่อสู้ของราชินีนั้นเหมือนกับอาคุมะ และอาจกระทั่งเหนือกว่านั้น
‘อย่างน้อยไอ้หมอนี่ก็ไม่ร่วง’
อูโรโบรอสที่อาละวาดอย่างหนักแข็งค้างขณะที่กำลังรัดรอบต้นไม้โลกแน่นเมื่อเส้นประสาททั้งหมดของมันถูกตัดขาด
แม้ว่าเขาจะได้ส่งพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาทของมันไปในร่างของมันเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ตั้งแต่แรก แต่เขาก็กลัวว่ามันจะร่วงลงไปเพราะการเคลื่อนไหวของมันรุนแรงยิ่งนัก แต่โชคดีที่มันไม่เกิดขึ้น
หากทิ้งมันไว้ มันก็จะถูกดูดกลืนไปโดยต้นไม้โลกอย่างช้าๆ และกลายเป็นปุ๋ยให้กับมัน
‘ดี’
ในตอนนั้นเองที่ใครบางคนได้เดินมายังฮันซู
แบคจุงซังเอ่ยถามฮันซูทันทีที่เขาพักหายใจ
“จากนี้นายจะเอายังไงต่อ? นายจะ… พยายามฆ่าไอ้ตัวสุดท้ายด้วยรึเปล่า?”
จุงซังมองไปยังกองทัพที่อยู่บนท้องฟ้า
พุ่มไม้ที่อยู่สูงนั้นไม่อาจมองเห็นได้เพราะมันถูกปกคลุมโดยก้อนเมฆ แต่คนในระดับของเสี้ยววิญญาณและระดับสูงของหกขั้วอำนาจล้วนรู้
ว่าสิ่งใดซ่อนอยู่ระหว่างก้อนเมฆเหล่านั้น
‘ในเมื่อไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคนที่ถูกกินเมื่อย่างเท้าเข้าไปในนั้น…’
ตัวต่อจะฉีกใบไม้ออกและนำมันไปให้ราชินี
ราชินีจะกลืนกินใบไม้เหล่านั้นและให้กำเนิดตัวอ่อนตัวต่อใหม่
ตัวอ่อนพวกนั้นจะถูกส่งไปยังใบไม้ต้นไม้โลกใกล้ๆ โดยตัวต่อที่โตแล้ว
จากจุดนั้น ตัวอ่อนจะได้รับการปกป้องจากตัวต่อที่โตแล้วขณะที่พวกมันกัดกินใบของต้นไม้โลกและเติบโตขึ้นเป็นตัวต่อตัวใหม่
แน่นอนว่ามันจะรวมตัวกันหนาแน่นรอบราชินี และที่ฝักตัวอ่อนเป็นสถานที่ต้องห้าม แต่มันมักจะมีคนบางคนที่ถูกความโลภบังตาและเข้าไปลึกในนั้น
หากพวกเขาถูกจับได้โดยตัวต่อตัวหนึ่งระหว่างทาง พวกเขาก็จะกลายเป็นอาหารให้ตัวอ่อนในทันที
ไอ้ตัวพวกนั้นไม่ได้กินใบไม้เพราะพวกมันชอบ
พวกมันแค่ไม่อาจลงมาได้เพราะภัยพิบัติอื่นๆ อยู่ด้านล่าง
พวกมันแข็งแกร่งแค่นั้นเพราะพวกมันเติบโตขึ้นจากการกินใบไม้ แต่หากพวกมันกินรูนของมนุษย์ พวกมันก็จะกลายเป็นตัวต่อที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
‘…มันอันตรายกว่าเดิมซะอีก’
จุงซังพึมพำเงียบๆ
ในเมื่อแม้อูโรโบรอสจะน่ากลัว แต่ไอ้พวกนั้นมันน่ากลัวยิ่งกว่า
ไม่เหมือนอูโรโบรอสที่รอพวกเขาในขณะที่ดูดกลืนน้ำทะเลพิษ สิ่งนั้นมันพยายามที่จะเพิ่มจำนวนและนิสัยดุร้ายมาก
ในเมื่อพวกมันเหมาะที่จะเรียกว่าเป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งในขณะที่ภัยพิบัติทุกตัวจนถึงตอนนี้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวเดียว
แต่โชคดีที่พวกมันไม่ได้ลงมาจากพุ่มไม้
ในเมื่อพวกมันคือของขบเคี้ยวที่อูโรโบรอสชอบ แม้ว่าพวกมันจะอันตราย
หากพวกมันบินออกมา เช่นนั้นอูโรโบรอสก็จะแค่ยืดร่างยาวๆ ของมันออกมาและเคี้ยวพวกมัน
‘เดี๋ยว…’
เมื่อจุงซังคิดถึงตอนนั้น เขาก็รีบมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
เช่นนั้นพวกกองทัพตัวต่อที่ไม่ลงมาจนถึงตอนนี้ทำอะไรอยู่?
จุงซังตระหนักได้ว่าความกังวลของเขาเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหลังจากที่มองไปบนท้องฟ้าสักพัก
‘มันเงียบเกินไป’
ฮันซูหัวเราะหลังจากที่มองไปยังอาการของจุงซัง
“มันไม่มีทางที่พวกนั้นจะทำอะไรผลีผลามเมื่อพวกมันต้องป้องกันราชินี”
จากสายตาของราชินี มันเป็นเรื่องดีที่ศัตรูของเธอตายไปทีล่ะตัว แต่ในทางกลับกัน มันก็อาจเป็นอันตรายต่อมันเช่นกัน
มันไม่มีทางที่กองทัพตัวต่อจะลงมือผลีผลามในขณะที่พวกมันต้องป้องกันราชินีในสถานการณ์เช่นนี้
‘ฉันก็ยังควรที่จะรีบเตรียมการ’
เขาไม่รู้ว่าร่างโคลนมีแผนการอะไรอีก แต่เขาต้องทำสิ่งที่เขาต้องทำ
เมื่อฮันซูพยายามวิ่งลงจากต้นไม้โลกอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะจัดการสถานการณ์ด้านล่าง จุงซังก็เปิดปากถามคำถามที่ติดอยู่ในปากของเขาหลังจากครุ่นคิดไปชั่วครู่
“มิยาโมโตะตายเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”
พวกเขายุ่งกับการเอาชีวิตรอดมากเกินไป ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่อาจให้ความสนใจกับมิยาโมโตะที่อยู่ห่างออกไปได้ แต่ฮันซูที่มีทั้งสนามรบอยู่ในสายตาต่างออกไป
ฮันซูยักไหล่เมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เขาไปที่ไหนสักที่ด้วยขนนก”
“…”
“มันดูเหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายระหว่างที่ฉันกำลังช่วยเหลือโซเฟียและไม่ได้สนใจหมอนั่น แต่… อย่ากังวลเลย ในเมื่อมันดูเหมือนว่าหมอนั่นจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยด้วยขนนก เขาอาจจะกลับมารวมกลุ่มกับเราทีหลังเร็วๆ นี้ จะยังไงก็เถอะ เหตุผลที่พวกนายสูญเสียสกิลไประหว่างต่อสู้มันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า?”
“…”
‘มันค่อนข้างมีเหตุผล…’
ตัวจุงซังเองก็ไม่รู้ถึงความสามารถทั้งหมดของเสี้ยววิญญาณที่เขาได้มา
มันมีโอกาสที่สกิลที่ถูกแบ่งปันจะถูกตัดการเชื่อมต่อเมื่อการเทเลพอร์ตเกิดขึ้น หรือพวกเขาอยู่ไกลจากกันมากเกินไป
หมอนั่นอาจจะกระทั่งส่งข้อความมาหาพวกเขาด้วยการเชื่อมต่อของชีวิต
และจากคำพูดของโซเฟีย ฮันซูได้ช่วยชีวิตเธอไว้จริงๆ
ในเมื่อมันไม่มีเหตุผลให้หมอนั่นช่วยเหลือโซเฟียถ้าหมอนั่นจะกำจัดพวกเขาทั้งหมด
มันไม่มีตรงไหนผิดพลาดในคำพูดของฮันซู แต่ส่วนหนึ่งในความคิดของจุงซังที่อาศัยอยู่ในเขตสีแดงมากว่า 15 ปีกระตุกวูบ
จุงซังถอยออกไปหลังจากที่คิดจบ
“โอเค เราลงไปก่อนเถอะ”
‘…ฉันต้องคุยกับคนอื่นๆ รวมทั้งหกขั้วอำนาจด้วย’
จุงซังมองไปยังฮันซูด้วยความไม่มั่นใจเล็กๆ จากนั้นจึงตามหลังอีกฝ่ายไป
เตกิลอนแสดงสีหน้าขมขื่นออกมาหลังจากมองไปยังร่างยักษ์ของอูโรโบรอสที่เขาสามารถเห็นได้จากระหว่างพุ่มไม้
เขารู้ทันทีที่สิ่งที่เหมือนพิษได้เข้ามาในร่างของอูโรโบรอส
ว่าเขาจะถูกรุกรานเร็วๆ นี้
แต่มันไม่มีสิ่งไหนที่เขาทำได้
ในเมื่อเขายังไม่ได้รับพลังของราชา
มันเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่เตกิลอนคิดและขึ้นมา
แทนที่จะเกาะติดอยู่กับสิ่งที่เขาอาจควบคุม มันดีกว่าที่จะควบคุมสิ่งที่อาศัยอยู่ในพุ่มไม้
มันจะเป็นเรื่องดีถ้าหมอนั่นตายขณะที่สู้กับอูโรโบรอส และเขาสามารถจัดการหมอนั่นได้ถ้าหมอนั่นไม่ตาย
แต่มันไม่ได้เป็นไปแบบนั้น
หวี่
เตกิลอนมองไปยังราชินีตัวต่อขนาดยักษ์เบื้องหน้าเขา
ตัวอ่อนที่จะกลายเป็นทหารตัวต่อได้ถูกสร้างขึ้นจากท้องส่วนล่างของราชินีตัวต่ออย่างต่อเนื่อง
มากกว่าปกติ
‘เฮ้อ ไม่มีอะไรง่าย’
มันน่าหงุดหงิดมากที่ถูกขัดขวางแบบนี้ในสถานที่แบบนี้ ในขณะที่เขาไม่รู้แม้แต่สถานการณ์ของเผ่าพันธุ์ตนเอง
เตกิลอนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตขณะที่เพ่งความสนใจไปยังงานของเขาและถอนหายใจ
ทำให้ลำต้นของต้นไม้โลกแห้งเหือด
พุ่มไม้เหลือเพียงกิ่งก้านแห้งๆ
ทำลายราก
มันไม่ใช่แบบนี้ยามที่เอลวินไฮล์มยังคงดำรงอยู่และต้นไม้โลกเป็นปกติ
พุ่มไม้และใบไม้ที่ปกคลุมท้องฟ้าได้ทำให้เอลวินไฮล์มสามารถเทเลพอร์ตไปไหนก็ได้
ผลของต้นไม้โลกที่กระตุ้นฮอร์โมนในการเติบโต ย่นระยะเวลาไปนับร้อยปีอย่างน่าตกใจ เอลวินไฮล์มต้องใช้เวลาเพียง 5 ปีในการโตเต็มวัย
รากต้นไม้โลกที่ดูดกลืนน้ำทะเลพิษได้สร้างพื้นที่ให้เอลวินไฮล์มมีชีวิตอยู่ และให้น้ำแร่ธาตุจำนวนมากเพื่อกินดื่ม
จำนวนประชากรที่มักจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินด้วยระยะเวลาเจริญเติบโตที่ยาวนานและอัตราการให้กำเนิดที่ต่ำแม้จะมีเทคโนโลยีวิเศษได้ระเบิดออกภายในเวลา 100 ปีหลังจากที่ต้นไม้โลกถูกสร้างขึ้น
‘นี่เป็นเหตุผล… ที่ทำให้ข้าต้องครอบครองต้นไม้โลกนี้’
แล้วเขาก็แค่ต้องเรียกให้เผ่าพันธุ์ของเขาข้ามมาที่นี่
หากเผ่าพันธุ์ของเขาที่ใกล้สูญพันธ์ต้องการที่จะกลับไปรุ่งโรจน์เช่นแต่ก่อน ต้นไม้โลกเป็นสิ่งจำเป็น
ในเมื่อที่สุดแล้ว พื้นฐานความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ก็คือจำนวน
นี่เป็นสาเหตุให้เขาไม่ฆ่าต้นไม้โลกหลังจากที่เขาสร้างภัยพิบัติขึ้น
ในเมื่อเขาต้องฟื้นฟูมันอีกครั้ง
‘ข้าต้องการรีลิคที่เจ้ามี’
ในเวลาเดียวกัน เขาต้องฆ่าเผ่าพันธุ์อื่นด้านล่าง
‘มันมีเพียงเผ่าพันธุ์เดียวที่สามารถได้รับการปกป้องจากต้นไม้โลก’
การอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นไปไม่ได้
เมื่อเผ่าพันธุ์หนึ่งได้รับการปกป้องจากต้นไม้โลก เผ่าพันธุ์อื่นๆ ก็จะถูกทำเหมือนเป็นคนนอก และถูกทำลายโดยต้นไม้โลก
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องฆ่าล้างเอลวินไฮล์ม
ในเมื่อเผ่าพันธุ์ของเขาจะไม่ได้รับการป้องกันหากเอลวินไฮล์มยังคงอยู่
และเป็นแบบเดียวกันกับพวกข้างล่าง
‘เมื่อคิดเกี่ยวกับมันแล้ว สิ่งที่ข้าพยายามเอาชนะมากที่สุดก็คือความโลภ’
เป้าหมายของเขาคือรีลิค
ซึ่งหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องควบคุมภัยพิบัติได้อย่างสมบูรณ์
ในเมื่อเขาแค่ต้องฆ่าหมอนั่นและทำให้เผ่าพันธุ์ด้านล่างนั่นสูญพันธุ์
และเพราะแบบนั้น เตกิลอนจึงไม่ได้พยายามเอาชนะความโลภในการเป็นผู้ควบคุม
กลับกัน เขาได้กระตุ้นความโลภของเขาให้มากขึ้นไปอีก และเพ่งความสนใจไปยังมัน
หากอูโรโบรอสเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อกิน เช่นนั้นไอ้สิ่งนี้ก็เกิดมาเพื่อให้กำเนิด
ตัวอ่อนจำนวนมากที่กำลังโผล่ออกมาได้พิสูจน์เรื่องนี้
‘ดี’
ในสถานการณ์ปกติ เขาย่อมไม่สร้างตัวอ่อนมากขนาดนี้ ไม่ว่าเขาจะโลภมากแค่ไหน
ในเมื่อใบของต้นไม้โลกจะขาดแคลนเกินไปถ้าจะเป็นอาหารให้กับตัวอ่อนทั้งหมดนี่
แต่ไม่ใช่ว่ามันมีแหล่งอาหารชั้นยอดอยู่หรือ?
‘อูโรโบรอส ตอนนี้ข้าต้องให้เจ้าช่วยข้าในทางที่ต่างออกไปหน่อยแล้ว’
ตัวอ่อนทำตามคำสั่งของราชินีและมุดเข้าไปในพุ่มไม้
จากนั้นจึงออกไปในลำต้นชั้นนอกที่เต็มไปด้วยน้ำแร่ธาตุ ก่อนจะเริ่มว่ายน้ำไปยังบางแห่ง
ซ่า
สายน้ำรุนแรงได้พุ่งมายังร่างของเหล่าตัวอ่อน แต่จะอย่างไรมันก็เป็นตัวอ่อนของทหารตัวต่อ
ไม่มีอะไรที่จะต้องเอ่ยถึงความทนทานและพละกำลังของมัน
แต่ตัวอ่อนที่กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังโคนรากพลันเกาะตัวของมันกับกำแพงของต้นไม้โลกชั้นนอกขณะที่กลิ่นแปลกประหลาดถูกตรวจพบ
กลิ่นของผู้ล่า
ทว่าบัดนี้มันเป็นเพียงผู้ล่าที่ตายแล้ว
มันจะกลายเป้นเพียงก้อนเนื้อที่จะกลายเป็นปุ๋ยให้กับพวกมัน
ตัวอ่อนมุดออกจากส่วนนอกของลำต้น จากนั้นจึงเกาะติดกับศพของงูยักษ์ที่พันอยู่รอบต้นไม้โลก
จากนั้น ตัวอ่อนนับหมื่นที่มาถึงก็เริ่มกัดกินร่างใหญ่โตของอูโรโบรอส
เหล่าตัวอ่อนต่างตื่นเต้น
ยีนส์ที่แข็งแกร่งอย่างมากกับสิ่งมีชีวิตโหดร้ายที่ไม่อาจกระทั่งเทียบเคียงกับใบไม้นุ่มๆ ได้
ตัวอ่อนเตรียมที่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ขณะที่พวกมันกินเนื้อที่เต็มไปด้วยยีนส์และแร่ธาตุเหล่านั้น
TL: มาเป็นลูกโซ่เลยจ้า