บทที่ 89: อุโรโบรอส (5)
ฮันซูขมวดคิ้วขณะที่มองไปยังอูโรโบรอสที่กำลังอาละวาดอยู่
ครืนนน ครืนนนน
ขณะที่มันอาละวาดไปรอบๆ นั้น บริเวณเปลือกด้านนอกของรากแก้วต้นไม้โลกก็แตกสลายลงเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
กรอดด
ฮันซูขบฟันแน่นขณะที่มองเศษเปลือกไม้เหล่านั้นร่วงหล่นลงไปราวกับอุกกาบาต
‘ฉันต้องวางแผนให้เร็ว’
ชายหนุ่มควบคุมลมหายใจของตนเองขณะมองไปยังร่างของเจ็ดเสี้ยววิญญาณที่เคลื่อนเข้ามาใกล้จากที่ไกลๆ
แผนที่จะทำลายเส้นประสาทอีกสี่เส้นนั้นทำไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อร่างของมันกำลังเคลื่อนไหวอาละวาดอย่างค่อนข้างกราดเกรี้ยว ทั้งเกล็ดด้านในและด้านนอกยังเคลื่อนตัวไปอยู่เหนือเส้นประสาทที่เหลือราวกับคลื่น
พวกเขาทั้งแปดคนจำเป็นต้องรวมตัวกัน ป้องกันการโจมตีที่แหลมคมราวคมมีดของเกล็ดจากรอบด้าน และในเวลาเดียวกันก็ร่วมมือกันทำลายเส้นประสาทลงในครั้งเดียว จากนั้นจึงไปยังอันต่อไป
ตูมมม!
ฮันซูได้เหวี่ยงรีลิคของเอคิดรัง ลูกแก้วเจ็ดดารา ไปทั่วทุกทิศเพื่อที่จะสร้างพื้นที่วางเท้าให้กับเจ็ดเสี้ยววิญญาณเริ่มที่จะทำลายเกล็ดที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
เจ็ดเสี้ยววิญญาณได้พุ่งตรงไปรอบฮันซูด้วยความเร็วสูง
ตูม!
มิยาโมโตะที่ใช้สกิลสะท้อนการโจมตีของเกล็ดที่ถาโถมเข้ามาราวคลื่นสำรวจฮันซูที่กำลังทำลายเกล็ดลงอย่างบ้าคลั่งห่างออกไป
ไม่เพียงแค่ฮันซู แต่ว่าเจ็ดเสี้ยววิญญาณคนอื่นๆ ก็ได้ทำลายเกล็ดบนหลังของอูโรโบรอสและเส้นประสาทไปพร้อมกันอย่างมุ่งมั่น
เกาะบนลูกแก้วเมื่ออูโรโบรอสอาละวาดหนักๆ และจากนั้นจึงกระโดดลงไปโจมตีต่อ วนเวียนไปเรื่อยๆ
มิยาโมโตะพึมพำอยู่ภายในใจ
‘เขายอดเยี่ยม’
พวกเขาได้สาดการโจมตีลงไปในตำแหน่งที่ห่างจากกันและกันกว่าหนึ่งร้อยเมตร
พวกเขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะดูแลคนอื่นในเมื่อแค่การหลบการโจมตีราวพายุของอูโรโบรอสก็ยุ่งมากพอแล้ว
แต่ว่าไอ้หมอนั่นได้ควบคุมทั้งลูกแก้วและรีลิคไปพร้อมกับช่วยเหลือพวกเขาในการต่อสู้
เอาร่างตัวเองไปเกาะกับลูกแก้วเมื่ออูโรโบรอสอาละวาดอย่างรุนแรง จากนั้นค่อยกลับไปโจมตีต่อ วนไปเรื่อยๆ
มิยาโมโตะลอบพึมพำ
‘เขายอดเยี่ยม’
พวกเขากำลังสาดการโจมตีของตนเองออกไปโดยที่อยู่ห่างกันนับร้อยเมตร
พวกเขาไม่มีเวลาที่จะมาดูแลคนอื่นๆ ในเมื่อแค่หลบพายุการโจมตีของอูโรโบรอสก็ยุ่งมากพอแล้ว
ทว่าหมอนั่นกลับสามารถควบคุมลูกแก้วและรีลิค ช่วยเหลือพวกเขาในการต่อสู้ได้
เขาทำในสิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้หากไม่รับรู้การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเจ็ดเสี้ยววิญญาณที่อยู่ห่างกันนับร้อยเมตรและอูโรโบรอสที่ผันกายไปเป็นราวกับแส้อยู่ในสมองแล้ววิเคราะห์มัน
พวกเขาได้ทำลายเส้นประสาทไปแล้วสองเส้น ตอนนี้พวกเขากำลังทำลายเส้นที่สามอยู่
หากพวกเขาสามารถทำลายเส้นประสาทนี้ลงได้ ก็จะเหลืออีกเพียงเส้นเดียว
ใครบางคนที่มองอยู่อาจจะคิดว่ามันจะเป็นไปได้ด้วยดี ทว่าสีหน้าของมิยาโมโตะไม่ได้ดีขนาดนั้น
‘เวรเอ้ย’
แผนของมิยาโมโตะนั้นเรียบง่าย
ในขณะที่ฮันซูกำลังยุ่งกับการต่อสู้กับอูโรโบรอส ใช้โซเฟียที่อ่อนแอที่สุดและง่ายในการควบคุมที่สุดในการโจมตี
มันง่ายกว่าเมื่อเธอจะทำให้ฮันซูเผลอเพราะเธอรู้จักกับหมอนั่นมานานกว่าใครเมื่อเทียบกับเจ็ดเสี้ยววิญญาณคนอื่นๆ
ทำให้หมอนั่นไม่อาจต่อสู้ได้ เก็บรีลิต จากนั้นจึงหลบหนีไปหลังจากที่เปิดประตูเคลื่อนย้าย
ทว่าแผนของมิยาโมโตะกลับไม่ได้เป็นไปด้วยดี
‘ทำไมมันถึงไม่มีช่องว่างเลย?’
เขารู้ว่าฮันซูระวังตัวกับเขา
และเพราะแบบนี้ มิยาโมโตะถึงได้โจมตีเส้นประสาทจากที่ที่ห่างจากอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เพื่อที่ฮันซูจะได้รู้สึกผ่อนคลาย
ในระยะที่อีกฝ่ายจะไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามแม้ว่าเขาจะลอบโจมตี
มันไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้นเมื่อขนาดของเส้นประสาทมันใหญ่มาก
ทว่าฮันซูกลับตรวจสอบโซเฟียและเจ็ดเสี้ยววิญญาณคนอื่นๆ พร้อมกับเคลื่อนไหวไปรอบๆ
มันไม่มีช่องว่างแม้ว่าหมอนั่นจะทำลายเกล็ดขนาดยักษ์และใช้พลังงานไปจำนวนมาก
มิยาโมโตะกัดฟันกรอด
หากเป็นแบบนี้ พวกเขาจะสามารถฆ่าอูโรโบรอสได้ และเขาจะสูญเสียโอกาสที่จะได้ครอบครองรีลิค
แน่นอนว่าอาจมีบางคนถามแบบนี้
<มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าอูโรโบรอสตาย ในเมื่อพวกเราจะปลอดภัยขึ้น?>
ทว่ามิยาโมโตะรู้
ว่ากองทัพของภัยพิบัติที่ห้า <กองทัพตัวต่อ> ที่อยู่เหนือลำต้นยังมีตัวตนอยู่
ซึ่งหมายความว่านี่ไม่ใช่จุดจบ
‘ไอ้เวรนั่นอาจจะต้องการฆ่าไอ้สิ่งนั้นด้วย’
เขารู้สึกได้ถึงความโลภมหาศาลต่อรีลิคเหล่านั้น
ปริมาณมานาที่เทียบเท่าได้กับดวงอาทิตย์ดวงเล็กๆ
เขาจะสามารถทำตัวเหมือนราชาได้ในเขตต่อไปด้วยของพวกนั้น
‘ถ้ามันไม่มีโอกาส… ฉันก็แค่ต้องสร้างมันขึ้นมา’
หมอนั่นลอบจับตามองโซเฟียมากกว่าเดิม
เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความรัก ความสนใจ หรือเพียงแค่ความสงสัย
พวกเขาไม่ได้เจอกันนานพอที่จะทำให้ของพวกนั้นเกิดขึ้น
‘อืม เธอก็ค่อนข้างสวยอยู่’
มันไม่สำคัญว่ามันจะเป็นหนึ่งในสิ่งข้างบน
สิ่งที่สำคัญคือหมอนั่นกำลังจับตามองอยู่
แค่นั้นก็พอ
และจากข้อมูลที่จุงม่ามอบให้กับเขา หมอนั่นได้จัดการคนที่หมอนั่นร่วมต่อสู้มาด้วยแล้ว
มิยาโมโตะเริ่มเพ่งความสนใจไปยังเสี้ยววิญญาณ
โซเฟียพักหายใจบนลูกแก้วที่ลอยอยู่และมองไปยังการต่อสู้ของฮันซูที่อยู่ห่างออกไป
‘เขาให้ความสนใจกับฉันมากขึ้นอย่างแปลกๆ’
การกระทำของเขาเป็นตัวพิสูจน์โดยไม่ต้องใช้คำพูด
เธอสามารถบอกได้เพียงแค่ความแม่นยำในการควบคุมลูกแก้วที่เขาทำให้เธอ
ว่าเขากำลังแบ่งความสนใจให้เธอมากกว่าเดิม
ตอนแรกศักดิ์ศรีของเธอถูกเหยียบย่ำเพราะเธอคิดว่าที่อีกฝ่ายทำแบบนี้มีสาเหตุมาจากการที่เธออ่อนแอกว่าอีกหกคน แต่หลังจากสังเกตมาสักพัก มันไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น
เมื่อการเคลื่อนไหวของลูกแก้วได้บ่งบอกว่าเขาเชื่อใจเธออย่างเต็มที่
‘มันแปลก’
โซเฟียที่แสดงสีหน้างุนงงสั่นศีรษะจากนั้นจึงเริ่มเพ่งความสนใจ
ในเมื่อเธอสามารถถามเรื่องที่เธอสงสัยได้หลังจากนั้น
วูบ
โซเฟียที่กำลังเพ่งความสนใจในการใช้สกิล <สามแก้วหยกแช่ชีวิต> ที่เธอภูมิใจมากที่สุดรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อร่างกายของเธอไม่ขยับตามที่เธอคิด
“…หือ?”
ความรู้สึกที่ทั้งร่างกายของเธอถูกแย่งการควบคุมไป
เธอรีบมองไปทางคนอื่นเผื่อว่ามันจะเป็นการโจมตีจากอูโรโบรอส ทว่าคนอื่นๆ ไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ
‘ฉิบหายเอ้ย… นี่มันอะไรกัน!’
เธอพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะควบคุมร่างกายตนเอง แต่กระทั่งสติของเธอก็กำลังจางหายไป ราวกับจะเยาะเย้ยความพยายามของเธอ
ในตอนนั้นเอง ร่างยักษ์ของอูโรโบรอสได้พุ่งตรงมายังร่างของเธอราวกับแขกยักษ์
กร๊าซซซ!
‘ฉิบ… หายเอ้ย…’
ลูกแก้วพยายามที่จะพาร่างของเธอหลบไป แต่ว่ามันไร้ประโยชน์
ในเมื่อลูกแก้วนั้นทำได้อย่างมากเพียงแค่ช่วยเหลือในการเคลื่อนไหวของเธอ
หากโซเฟียไม่ขยับตัวเอง เธอก็ไม่อาจที่จะหลบออกจากระยะการโจมตีด้วยเพียงการเคลื่อนไหวนั้น
‘ฉันจะตายไปทั้งๆ แบบนี้… ฉันสงสัยจริงว่ามันจะเจ็บรึเปล่า’
โซเฟียปิดเปลือกตาลงหลังจากที่พึมพำกับสติที่แทบจะจางหายไป
และสิ่งที่เธอเห็นเป็นสิ่งสุดท้ายคือใครบางคนที่พุ่งตรงมายังเธอ
‘หมอนี่ ทำขนาดนี้ มันจะเป็นปัญหาถ้าเธอตาย!’
ฮันซูกัดฟันกรอดขณะที่พุ่งตรงไปยังร่างของโซเฟียที่กำลังร่วงลงห่างออกไป
จากนั้นเขาจึงเริ่มคิด
‘ฉันควรจะกำจัดไหม?’
การฆ่าอูโรโบรอสในยามนี้เป็นไปได้แม้ว่าจะไม่มีมิยาโมโตะ
และความเป็นศัตรูของมิยาโมโตะที่มีต่อเขาก็เกินกว่าที่เขาคาด
‘ไอ้เวรไร้ยางอายนี่ แกมันเน่าเฟะไปกับ 20 ปีแห่งความสงบสุขนี่แล้ว’
เขาไม่เคยคิดว่าไอ้หมอนี่จะทำตัวเหมือนคนขี้ขลาดแบบนี้
คนที่ทำตัวเหมือนราชาแห่งเขตสีแดงมาตลอด 20 ปี
และความสามารถที่เหมาะสมที่จะเป็น
เขาเคยคิดว่ามิยาโมโตะจะมีท่าทีที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น และมันย่อมไม่สร้างปัญหามากในการสู้กับอูโรโบรอส แต่การที่หมอนี่ทำขนาดนี้
สีหน้าของฮันซูแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
‘กำจัดมัน’
ถ้าเป็นแบบนี้ มันจะกลายเป็นสิ่งรบกวนมากกว่าช่วยเหลือ
แต่เขาต้องช่วยเหลือโซเฟียก่อน
ฮันซูเหยียบลูกแก้วพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงก่อนจะคว้าร่างของโซเฟียเอาไว้
จากนั้นเขาจึงกอดเธอและเพิ่มพลังสนับสนุนมานาของเขาจนถึงขีดสุด
‘มันสายเกินไปที่จะหลบแล้ว!’
จากนั้นร่างยักษ์ของอูโรโบรอสก็ฟาดมาที่พวกเขาราวกับแส้
ตูมมมม!
‘อั่ก!’
ฮันซูกัดฟันกรอดกับแรงที่ทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาราวกับจะแหลกเป็นเสี่ยง
ร่างของฮันซูเป็นเหมือนกับลูกเบสบอลที่ถูกตีด้วยไม้ พุ่งตรงไปยังพื้นด้วยความเร็วสูง
คว้างง
ลูกแก้วของเอคิดรังพุ่งตรงไปยังร่างของฮันซูอย่างรวดเร็ว
กิ้งงง
ฮันซูใช้ลูกแก้วเหล่านั้นในการลดความเร็วของเขากลางอากาศและพยายามสร้างสมดุลให้ร่างตัวเอง
ในเมื่อเขาจะบาดเจ็บหนักกว่าเดิมถ้าเขากระแทกพื้นทั้งๆ แบบนี้
ในตอนนั้นเองที่โซเฟียที่หมดสติเปิดเปลือกตาขึ้นในอ้อมแขนของชายหนุ่ม
จากนั้นจึงหัวเราะขณะที่มองฮันซูที่อุ้มตนเองอยู่
ด้วยสายตาที่แตกต่างออกไปจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
กิ้งง
โซเฟียใช้ <สามแก้วหยกแช่ชีวิต> อีกครั้งภายใต้คำสั่งของมิยาโมโตะ
‘ไอ้หน้าโง่เอ้ย’
มันอาจจะต่างออกไปหากอยู่เขาอยู่ห่าง แต่หากอีกฝ่ายโจมตีจากระยะเท่านี้ มันคงจะไม่จบลงแค่นั้น
โดยเฉพาะหลังจากที่เขาถูกโจมตีโดยอูโรโบรอส
แต่วินาทีที่มิยาโมโตะพยายามหัวเราะด้วยใบหน้าของโซเฟีย มือข้างหนึ่งก็ได้จับข้อมือของโซเฟีย
กิ้ง
และเพราะแบบนั้น ลูกแก้วสีหยกที่ถูกสร้างขึ้นในมือของโซเฟียก็ได้จางหายไปโดยไม่แม้แต่จะได้ใช้ออก
มิยาโมโตะที่ควบคุมโซเฟียอยู่ห่างออกไปสบถออกมาอย่างไม่รู้ตัวกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
“หือ?”
มิยาโมโตะพยายามมองไปยังฮันซู แต่สายตาของโซเฟียที่เขาควบคุมอยู่เริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็ว
‘มัน… มันเกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้…’
มิยาโมโตะแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาหลังจากที่ถูกตัดการเชื่อมต่อ
ในเวลาเดียวกัน ความหนาวเยือกก็ได้แล่นลงตามไขสันหลังของเขา
‘… ไม่มีทาง’
เหตุผลที่เขากล้าทำเรื่องรุนแรงพวกนี้เป็นเพราะเขาไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้เสียเป็นส่วนมาก
ในเมื่อเขาสามารถโทษโซเฟียได้
ฮันซูจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนทำ?
แต่อันตรายที่เขารับรู้ได้กำลังบอกเขา
ว่ามันไม่มีทางที่ความรู้สึกคุกคามจากอูโรโบรอสจะเกิดขึ้นในยามนี้
‘ฉันถูกจับได้’
เขาไม่รู้ว่าหมอนั่นค้นพบได้อย่างไร หรือว่ามีหลักฐานอะไร
แต่สิ่งที่สำคัญคือตอนนี้ฮันซูกำลังมุ่งเป้ามาที่เขา
‘เวรเอ้ย ทำยังไงดี ทำยังไงดี…’
มันให้ความรู้สึกเหมือนฮันซูจะพุ่งขึ้นมาจากด้านล่างได้ตลอดเวลา
เขาคิดถึงการควบคุมอีกห้าเสี้ยววิญญาณและลองดู แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาก็ต้องตกอยู่อันตราย
มิยาโมโตะตัดสินใจในเวลาสั้นๆ
‘หนี จากนั้นค่อยมองหาโอกาสจากห่างออกไป’
มันไม่มีทางที่ไอ้บ้านี่จะฆ่าอีกหกเสี้ยววิญญาณที่ไม่มีความผิดอะไร
เขาแค่ต้องหลบซ่อนลึกในต้นไม้โลกและรอจนกระทั่งทุกสิ่งจบลง
ถ้าเขาจะหลบซ่อนในเทือกเขาต้นไม้โลกที่แสนกว้างใหญ่นี่ แล้วหมอนั่นจะหาเขาเจอได้ยังไง?
ถ้าหมอนั่นวางแผนจะฆ่ากองทัพตัวต่อ งั้นเขาก็จะสามารถหาโอกาจากหกเสี้ยววิญญาณที่เหลือได้
‘เวรเอ้ย นี่มันน่าอนาถชะมัด’
แต่ทฤษฎีของมิยาโมโตะก็ยังคงเหมือนเดิม
ผู้ที่มีชีวิตรอดคือผู้ที่แข็งแกร่ง
มิยาโมโตะนำไพ่ใบสุดท้ายของเขาออกมา ขนนก
ไม่ใช่เพียงแค่เสี้ยวเดียว แต่เป็นทั้งใบ
เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้ด้วยสิ่งนี้
กร๊อบ
ไม่ช้า ร่างของมิยาโมโตะก็ถูกครอบคลุมไปด้วยแสงสว่างจ้าและเริ่มที่จะจางหายไป
‘หือ’
ฮันซูเดาะลิ้นเมื่ออีกฝ่ายใช้จนนกเพียงแค่เขาเพิ่งจะทำลายลักษณะพิเศษไปด้วยแหวนเนอร์มาฮา
บางทีมันอาจเป็นเพราะหมอนั่นให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเหนือทุกสิ่ง แต่ความสามารถของหมอนั่นในการรับรู้ถึงอันตรายเหนือกว่าทุกคน
เขากำลังจะเมินมันและหาโอกาสในการกำจัดมันทีหลัง ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แต่หมอนั่นกลับตัดสินใจที่จะหนีทันทีที่ทุกสิ่งไม่เป็นไปตามแผน
‘นายไม่ได้ใช้เวลา 20 ปีไปเปล่าๆ สินะ’
ฮันซูชื่นชมมิยาโมโตะขณะที่อีกฝ่ายกำลังหนี
วิธีการที่หมอนั่นใช้หนีก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ใบต้นไม้โลกที่ไม่เสถียร <ขนนก> สามารถเทเลพอร์ตได้ในระยะทางสั้นๆ ทั้งสถานที่ยังเป็นการสุ่ม
แต่จากแสงที่ล้อมรอบร่างกายของหมอนั่น ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะมีใบที่ค่อนข้างสมบูรณ์
ด้วยสิ่งนั้น หมอนั่นก็อาจจะสามารถหนีไปที่ไหนก็ได้ในระยะเทือกเขาต้นไม้โลก
มันดูเหมือนว่าหมอนั่นจะรอจนกระทั่งประตูมิติเปิดออกในสถานที่ปลอดภัย
แต่มันมีบางอย่างที่หมอนั่นไม่รู้
ว่าเมื่อใครได้กลายเป็นผู้ดูแลของต้นไม้โลก มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหาใครบางคนที่มีพลังในระดับของมิยาโมโตะ
ซึ่งหมายความว่าถ้าหมอนั่นอยากจะซ่อน หมอนั่นก็ต้องไปในสถานที่ที่แม้แต่ฮันซูยังยากที่จะเข้าไป
‘ฉันจะช่วยนายสักหน่อย เพื่อที่ขนนกของนายจะได้ไม่เสียเปล่า’
ฮันซูหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงเริ่มกระตุ้นมานาโค้ดของรีลิค
ไม่ช้า ไม้กางเขนบนหน้าผากของเขาก็เริ่มที่จะส่องสว่าง
<เปลี่ยนสถานที่เทเลพอร์ตที่กำหนดไว้>
เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้น ต้นไม้โลกที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานในการเทเลพอร์ตก็เริ่มที่จะเปลี่ยนสถานที่เทเลพอร์ต
และไม่ช้า ร่างของมิยาโมโตะก็จางหายไปในแสงนั้น
คว้างงงง
มิยาโมโตะมองไปรอบกายของเขาหลังจากที่ออกมาจากแสง
สถานที่ที่เขาเลือกที่จะหลบหนีไปคือที่หลบภัยที่เขาได้สร้างขึ้นที่ปลายของต้นไม้โลกเผื่อเหตุสุดวิสัย
แต่มิยาโมโตะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านใบหน้าของเขา
สิ่งที่สามารถเห็นได้มีเพียงแค่ก้อยเมฆสีขาวรอบกายแทนที่จะเป็นที่หลบภัยใต้ดิน
‘นี่มัน… พุ่มไม้?’
มิยาโมโตะส่งเสียงประหลาดใจออกมาหลังจากที่ตรวจสอบใต้ฝ่าเท้าของเขา
พุ่มไม้ที่หนาเป็นพิเศษของต้นไม้โลกจนให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนพื้น
แต่ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้น
หวี่
เสียงกระพือปีกถี่รัวดังขึ้น
และมันไม่ได้ปรากฏขึ้นมาจากแค่ที่เดียว
เสียงดังที่ดังขึ้นจากก้อนเมฆรอบกายของเขา
‘เวรเอ้ย… กองทัพตัวต่อ!’
สถานที่ที่แม้แต่นักผจญภัยของเขตสีแดงที่มาหาอาร์ติแฟคไม่ย่างเท้าเข้ามา
สีหน้าของมิยาโมโตะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“อ๊ากกกก!”
และไม่ช้า เสียงกระพือปีกก็ได้ดังขึ้นรอบกายของมิยาโมโตะ
‘ฉันจะไปเอาของที่นายมีที่หลัง’
ฮันซูมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งบนท้องฟ้าอย่างเย็นชา จากนั้นจึงกระโดดกลับขึ้นไปบนตัวอูโรโบรอส
ในเมื่อมันไม่มีสิ่งก่อกวนอีกต่อไป เขาก็แค่ต้องทำลายเส้นประสาทอีกเส้นลง
‘จะยังไงก็เถอะ… ทำไมร่างโคลนถึงได้ควบคุมมันแบบนี้?’
มันไม่มีทางที่หมอนั่นจะอยู่เงียบๆ แบบนี้
ฮันซูหยุดพุ่งตัวเข้าไปและมองไปยังหัวของอูโรโบรอสที่ร่างโคลนควรจะอยู่
TL: เทียร์กลับมาแล้วววว