บทที่ 89
ฉินห่าวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รับรู้ถึงความสุขความทุกข์ของเหล่าสาวก เขาปิดด่านฝึกตน
เอ่อ ปิดด่านฝึกตนอาจอาจเป็นคำที่ฟังดูดีไปหน่อย
เพราะอันที่จริงแล้ว เขากำลังนับกำไรในครั้งนี้อยู่ต่างหาก
วิชาทลายสวรรค์ , กระบี่ทองคำ , ค่ายกลกระบี่จุดสูงสุดแห่งเต๋า , วิชาสวรรค์ลี้ลับ และค่าความเกลียดชังอีกประมาณเจ็ดหมื่นแต้ม
ฉินห่าวนับนิ้วมือคำนวณกำไรตัวเอง ก่อนตบหน้าผากแล้วพูดว่า “ลืมไปได้ยังไง! คราวนี้ข้ายังได้อาจารย์เพิ่มมาอีกสองคน และริมฝีปากหอมๆที่จุ๊บแก้มอีกสองที อืม ไม่เลวเลย ไม่เลวจริงๆ”
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีวิชาในครอบครองมากเกินไป และบางวิชาก็เกือบจะลืมไปแล้ว บางวิชาก็ไม่มีประโยชน์
มองไปยังค่าความเกลียดชังเจ็ดหมื่นแต้มในระบบ เขาคิดมาซักพักแล้ว ว่ายังไม่ได้อัพเกรดฐานบำเพ็ญเพียรตัวเองเลย คงถึงเวลาซักที
“อัพเกรด”
[ติ๊ง!]
[โฮสต์ต้องใช้หมื่นแต้มค่าความเกลียดชังเพื่อขึ้นสู่ขั้นเก้าขอบเขตแก่นทองคำ และใช้หมื่นแต้มในแต่ละขั้นของขอบเขตก่อเกิดจิต]
“งั้นอัพเกรดไปขั้นห้าขอบเขตก่อเกิดจิต”
ฉินห่าวคำนวณคร่าวๆ และตัดสินใจเหลือแต้มไว้หนึ่งหมื่น ส่วนที่เหลือนำไปอัพเกรดฐานบำเพ็ญเพียรทั้งหมด
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณทะลวงสู่ขอบเขตก่อเกิดจิต ได้รับถุงของขวัญในการเลื่อนขั้น]
บรึ้ม!
ช่วงเวลาที่ฉินห่าวตัดผ่านขอบเขต ท้องฟ้าข้างนอกพลันเปลี่ยนไป เกิดสายลมแรง จากที่มีแดดส่องจ้าก็เริ่มมืดครึ้ม เมฆสีดำเริ่มก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนใหญ่
ทุกคนในนิกายเซียวเหยาตื่นตระหนักกับเหตุการณ์กะทันหันนี้ แหงนหน้ามองขึ้นไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ใช่ทัณฑ์สวรรค์รึเปล่า?”
“บ้าน่า! การรับทัณฑ์สวรรค์มีแต่ต้องทะลวงสู่ขอบเขตรู้แจ้งเท่านั้น หรือผู้อาวุโสของพวกเราจะตัดผ่านขอบเขตใหญ่ได้แล้ว?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ เหล่าผู้อาวุโสอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำเท่านั้น แล้วพวกเขาจะตัดผ่านสู่ขอบเขตรู้แจ้งได้อย่างไร? ถ้าบอกว่าตัดผ่านสู่ขอบเขตก่อเกิดจิตนี่ข้ายังพอเชื่ออยู่”
สาวกกลุ่มหนึ่งพูดคุยกัน และทุกคนต่างรู้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรนั้นต้องรับทัณฑ์จากสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการรับทัณฑ์สวรรค์ ดังนั้นมันจึงไม่ปรากฏขึ้นจนกว่ามนุษย์จะฟันฝ่าไปถึงขอบเขตรู้แจ้ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถือว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียร
บนยอดเขาเทียนหยุน ผู้อาวุโสทั้งห้าและเทียนหยุนเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ศิษย์พี่ มีคนตัดผ่านขอบเขตในพื้นที่ใกล้ๆนิกายเซียวเหยาเราหรือ?”
“ไม่ เราผู้เฒ่าไม่รู้สึกถึงคนนอกเลย”
เทียนหยุนขมวดคิ้วและส่ายหัว
“เช่นนั้นนี่มันอะไรกัน?”
“เราผู้เฒ่าว่ากลิ่นอายของทัณฑ์สวรรค์นี้แปลกไปหน่อย พลังของมันไม่เหมือนทัณฑ์สวรรค์ที่ขอบเขตรู้แจ้งควรมี แต่ด้อยกว่ามาก”
เทียนหยุนทำสีหน้าแปลกๆ กลิ่นอายของทัณฑ์สวรรค์นี้อ่อนแอมาก อ่อนแอจนไม่สมควรเรียกว่าเป็นทัณฑ์ที่เกิดจากขอบเขตรู้แจ้ง แต่เกิดจากขอบเขตก่อเกิดจิตซะมากกว่า
กระนั้น ต่อให้ทัณฑ์สวรรค์นี้เป็นของขอบเขตก่อเกิดจิต แล้วเป็นผู้ใดกันที่ตัดผ่านอย่างกะทันหันเช่นนี้?
“เอ่อ … ” ทุกคนมองหน้ากัน
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเอง บนท้องฟ้าที่มืดมิด เกิดประกายสายฟ้าทอวาบไปทางยอดเขาเซียวเหยา
“อะไรกัน!?”
ทุกคนตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าคนที่ต้องรับทัณฑ์สวรรค์จะอยู่ที่ยอดเขาเซียวเหยา
“หือ? ฟ้าผ่างั้นหรือ?”
ภายใต้เสียงดังสนั่น ร่างของฉินห่าวบินขึ้นมา จากนั้นเอื้อมมือไปคว้าสายฟ้าและขว้างมันสวนกลับขึ้นไปเบื้องบน
ทุกคน “ …. ”
พวกเขาตกตะลึง! ทัณฑ์สวรรค์สามารถขว้างกลับไปใส่เจ้าของได้ด้วยหรือ? นี่เจ้าจะโอหังเกินไปหน่อยแล้ว!
“ขั้นห้าขอบเขตก่อเกิดจิต?”
เทียนหยุนมองร่างอันโดดเด่นของศิษย์เขา พึมพำเสียงต่ำ
“อะไรนะ!? ตอนกลับมาเขายังอยู่ในขั้นเจ็ดขอบขตแก่นท่องคำอยู่เลย เหตุใดถึงกลายเป็นขั้นห้าขอบเขตก่อเกิดจิตในสองวัน?”
เหล่าผู้อาวุโสตกใจกับคำพูดนี้ นี่มันเร็วเกินไป ทะยานเจ็ดขั้นในสองวัน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีขอบเขตใหญ่คั่นอยู่ในทั้งเจ็ดขั้นนี้ด้วย!
“ แม้จะดูเหลือเชื่อ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะหากผู้บำเพ็ญเพียรเกิดการรู้แจ้ง ก็อาจเกิดเหตุการณ์ประมาณนี้ขึ้น แต่สิ่งที่เราผู้เฒ่าฉงนก็คือ เหตุใดขอบเขตก่อเกิดจิตถึงได้โดนทัณฑ์สวรรค์?”
ผู้อาวุโสจินคุ้นเคยกับความเร็วในการยกระดับของฉินห่าวแล้ว เรียกว่าเขาเป็นคนที่เห็นมันบ่อยที่สุดในนิกายก็ยังได้ ดังนั้นไม่ตื่นตระหนกใดๆ
ทุกคนเเงียบกริบ