บทที่ 86
“อา ฉินน้อย เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสจินเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เทียนหยุนจ้องอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง ตาแก่นี่ สองสามเดือนที่ผ่านมา เขาแวะมาที่นี่หลายครั้ง เพราะเห็นว่าฉินห่าวมักกลับมาพร้อมของดีเสมอๆ
“คารวะผู้อาวุโสจิน ขอรับ ข้าเพิ่งกลับมา ”
ฉินห่าวรีบทักทาย
“อืม โอ้ ยังคงเป็นฉินน้อยที่มีความสามารถในการค้นหาสมบัติ”
ผู้อาวุโสจิตถึงกับตกใจเมื่อเห็นกองสมบัติตรงหน้า
“ฮี่ ฮี่ หากผู้อาวุโสจินชอบ ท่านเชิญเลือกหยิบไปได้เลย”
“นี่ … มันจะดีหรือ?”
ผู้อาวุโสแสร้งทำสีหน้าลำบากใจ
“เอาล่ะ ในเมื่อนี่คือความตั้งใจของศิษย์ข้า เจ้าก็ควรจะรับไว้ … ช้าก่อน นั่นเจ้าจะทำอะไร? ข้าขอเลือกก่อน เจ้าไปต่อแถว!” เทียนหยุนสะบัดแขนเสื้ออย่างหมดความอดทน
สองแก้มของผู้อาวุโสจินกระตุก บ่นน้อยเนื้อต่ำใจ ศิษย์พี่ ท่านช่างโหดเหี้ยมนัก ไม่ไว้หน้าข้าเลย
เทียนหยุนมองไปรอบๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้เขาจะคิดว่าทุกอย่างที่นี่ดี แต่ก็ไม่อาจรับมันไว้ได้ทั้งหมด มิฉะนั้นไม่เสียหน้าแย่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าต้องเหลือให้ศิษย์เขานำไปใช้พัฒนายอดเขาของตัวเองอีก
ดังนั้นฉันจึงเลือกห้าหกอย่างแล้วจึงหยุด
“อาจารย์ ทำไมท่านหยิบไปแค่นิดเดียวเอง?” ฉินห่าวถามพลางชี้ไปยังหนึ่งในกองสมบัติ “ชิ้นนี้ท่านไม่สนใจหรือ?”
“ไม่จำเป็น ครอบครองวัตถุนอกกายมากไปมันจะไม่ดีต่อการฝึกบำเพ็ญเพียร” เทียนหยุนส่ายหัวอย่างใจเย็น
“ศิษย์พี่ พูดแบบนี้ท่านกำลังดักทางข้านี่ … ”
ผู้อาวุโสจิตมองเขาอย่างว่างเปล่า
“ดักทางที่ไหนกัน เจ้าอยากได้อะไรก็หยิบไป แต่จำไว้แค่ห้าชิ้น! เพราะพวกมันคือสิ่งที่ศิษย์ข้าพยายามอย่างหนักเพื่อได้มา และพวกมันต้องถูกนำไปใช้พัฒนายอดเขาอีก ”
“เข้าใจแล้วๆ”
ผู้อาวุโสจินไม่เสียเวลาเถียง เขาไม่ได้ซ่อนความตื่นเต้นเลย เริ่มเลือกอย่างกระตือรือร้น
“โอ้ ฉินน้อย เจ้ากลับมาแล้วรึ?”
ขณะนั้นเอง เสียงอุทานอีกด้านหนึ่งได้ดังขึ้น
ใบหน้าของเทียนหยุนกระตุก เมื่อเขาหันไป ก็พบผู้อาวุโสมู่ ผู้อาวุโสสุ่ย … ผู้อาวุโสทั้งห้ามากันพร้อมหน้า
เห็นแบบนี้ เขาเกิดความรู้สึกอับอายจนอยากเอาหัวไปโขกเสาที่มีศิษย์น้องเช่นนี้!
ต่อให้พวกเจ้าอยากได้สมบัติ ก็ช่วยทำท่าทีให้มันเนียนกว่านี้ได้หรือไม่? พวกเจ้าเป็นผู้อาวุโสของนิกายนะ รีบร้อนมาเอาสมบัติกันแบบนี้ แล้วจะยังเหลือบารมีอีกไหม? ศักดิ์ศรีพวกเจ้าเล่า?
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้ากลับมาแล้ว ท่านอาวุโสทั้งหลาย เชิญเข้ามาและหยิบพวกมันติดไม้ติดมือกลับไปเถิด”
ฉินห่าวหัวเราะเบาๆ เอ่ยเชื้อเชิญทุกคน
ผู้อาวุโสทั้งห้าไม่เกรงใจ พวกเขากระโจนเข้าค้นกองสมบัติภายใต้สายตาดำทะมึนของเทียนหยุน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่กำลังเลือกสมบัติ ผู้อาวุโสแต่ละคนเมื่อนึกถึงศิษย์ตัวเองต่างก็ทอดถอนหายใจ เฮ้อ ศิษย์ข้าเอ๋ย เหตุใดเจ้าถึงไม่ทำแบบฉินห่าวบ้าง เหตุใดไม่นำของดีๆมามอบให้อาจารย์ พวกข้าจะได้ไม่ต้องมาแย่งกันอย่างสุนัขเช่นนี้!
ระหว่างรอ ฉินห่าวได้บอกทุกคนเรื่องการเดินทางสำรวจนิกายเฟิงเทียน แน่นอน เขาไม่พูดเรื่องที่ไม่ควรพูด ไม่ใช่ว่าบอกไม่ได้ แต่ถึงผู้อาวุโสทั้งห้าจะทราบเรื่องไป ก็ไม่มีประโยชน์ ตรงกันข้าม ยิ่งอาจเกิดผลเสีย
หลังจากผุ้อาวุโสทั้งห้าจากไป ฉินห่าวก็เล่าเรื่องจริงให้อาจารย์เทียนหยุนฟัง แน่นอนเขายังมีปกปิดบางเรื่อง และหยิบกระบี่สีทองออกมา
“นี่คือของขวัญที่อาจารญ์หวงเย่มอบให้ข้า ส่วนอาจารย์หวงเทียนเย่มอบของขวัญเป็นทักษะฝึกต้องห้าม พวกเขาเห็นว่าศิษย์มีพรสวรรค์สูงส่ง จึงยืนกรานว่าจะรับเป็นศิษย์ ข้าต่อต้านไม่ได้ ขออาจารย์อย่าถือโทษโกรธกัน”
ฉินห่าวทำสีหน้าจนใจ เล่าเรื่องราวเท็จปนจริง แต่ไม่แสดงออกจนมากเกินไป
“ไม่อยู่แล้ว ข้ากลับยินดีเสียอีกที่เจ้าได้ผู้แข็งแกร่งเป็นอาจารย์ นับเป็นโชคที่ดีนัก”
เทียนหยุนมีความสุขมากจริงๆ เพราะในที่สุดก็มีคนมาแบ่งเบาแรงกดดันกับเขา และสองคนนี้แข็งแกร่งมาก น่าจะช่วยบดบังร่มเงาให้ฉินห่าวได้เยอะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะศิษย์เขามีความสามารถในการสร้างปัญหายิ่งใหญ่นัก! เทียนหยุนกลัวจริงๆ ว่าวันหนึ่งฉินห่าวจะรุกรานนิกายชั้นหนึ่งจนถึงแก่ความตาย!
แต่เมื่อศิษย์เขามีอาจารย์เพิ่มมาอีกถึงสองคน–
–ต่อไป แม้ผู้ที่เขาหาเรื่องคือ ‘สวรรค์’ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร!