บทที่ 84

“อาจารย์ อาจารย์ พวกท่านทั้งสองใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งตื่นตูม พวกเรายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”

ฉินห่าวหวาดกลัวเกือบสติแตก รีบเกลี้ยกล่อมโดยเร็ว

อันที่เขาพูดถึง มันหมายถึงสวรรค์ต่างหาก! มิใช่ท้องฟ้า

ทุกคนมองรอยแยกที่ทอดยาวไปนับพันลี้ด้วยอาการหนาวสั่น มิน่าเล่าฉินห่าวถึงบอกพวกเขาว่าห้ามยุ่งกับคนพวกนี้เด็ดขาด

แต่อย่าเรียกว่าคนเลย พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับที่สมควรถูกเรียกว่าคนแล้ว!

“ฮู่ว … ”

หวงเย่ผ่อนลมหายใจ และเก็บกระบี่

“อาจารย์ทั้งสอง คือเรื่องมันเป็นเช่นนี้ ศิษย์ได้อาศัยความวุ่นวายในตอนนั้นหลบหนีมา แน่นอน ไม่ใช่ว่าศิษย์กลัว ไม่อย่างนั้นศิษย์คงไม่กลับมาที่นี่ สาเหตุหลักที่กลับมาก็เพื่อหาสิ่งจำเป็นไว้ใช้แก้แค้นในอนาคต”

ฉินห่าวเริ่มพูดไร้สาระ “ตอนหลบหนีข้ารีบร้อนไป จึงไม่มีเวลาเอาของส่วนใหญ่ติดมือกลับไปด้วย ดังนั้นฐานบำเพ็ญเพียรจึงไม่รุดหน้า ต้องขออภัยอาจารย์ทั้งสองที่ข้าไร้ความสามารถ”

เขาพูดทั้งน้ำตา คนฟังซาบซึ้งกินใจ

ลมหายใจของทุกคนขาดห้วง พวกเขาไม่คาดฝันว่าฉินห่าวจะมีภูมิหลังเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเชื่อสนิทใจ มิฉะนั้นจะอธิบายเรื่องที่ฉินห่าวรู้จักทั้งสองคนได้ยังไง?

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงัน

หวืออออ!

ทันใดนั้น หงเทียนเยว่ก็เข้ามาข้างหลังฉินห่าว ยื่นนิ้วหยกเรียวและจิ้มบนจุดเดียวกับหน้าผากเขา เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ถ่ายทอดวิชาทลายสวรรค์!”

หวงเย่ยืนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบกระบี่ทองของตัวเองออกมา และสะบัดมันเป็นลำแสง พุ่งเข้าสู่ข้างในร่างของฉินห่าว

“ไปเถิด .. รอวันที่ข้าหวนกลับมา”

หงเทียนเยว่พูดประโยคหนึ่ง แล้วทั้งสองก็หายไป

“ขอรับ!”

ฉินห่าวโค้งคำนับ ในใจตื่นเต้นมาก แม้แต่ตัวเขาก็ยังคาดไม่ถึง! ว่าจะได้รับวิชาทลายสวรรค์!

นี่คือวิชาต้องห้าม และไม่ทราบระดับชั้น!

อย่างไรก็ตาม แม้ที่เขาโม้เหม็นขี้ฟันนี่จะเป็นเรื่องโป้ปดหลอกลวง แต่ฉินห่าวตัดสินใจแล้ว ว่าหากวันนั้นมาถึง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะมาช่วยเหลือทั้งสอง

บุญคุณนี้ เขาจะจดจำไว้!

“ไปกันเถิด”

ฉินห่าวร่อนลง เอ่ยประโยคหนึ่งและเป็นคนนำทาง

ทุกคนมองหน้ากัน สายตาที่มองฉินห่าวตอนนี้ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้จะไม่ทราบว่าหงเทียนเยว่และหวงเย่มีฐานบำเพ็ญเพียรอยู่ในขั้นใด แต่ตราบใดที่ทั้งคู่ปรากฏตัว ก็มากพอแล้วที่จะล้างบางโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร

ภูมิหลังนี้มันยิ่งใหญ่เกินไป!

ไม่ใช่สิ่งที่สามารถล่วงเกินได้!

เดิมพวกเขาคิดจะทวงถามฉินห่าวว่าได้สมบัติอะไรจากข้างในบ้าง แต่ตอนนี้มองยังไงก็ห้ามถามเด็ดขาด ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีวิธีเรียกอาจารย์ของตัวเองออกมาหรือไม่?

พวกเขาไม่กล้าเดิมพัน

เมื่อโผล่พ้นน้ำ

“สหายน้อยผู้นี้ ไม่ทราบว่าเจ้าอาศัยอยู่ที่ใด”

“นิกายเซียวเหยา”

“โอ้ ที่แท้ก็นิกายเซียวเหยา อย่างไรก็ตาม ข้าสงสัยว่ารางวัลที่สหายน้อยต้องการคือสิ่งใด?” ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้า เขาไม่รู้หรอกว่านิกายเซียวเหยาคือที่ไหน แต่นั่นไม่สำคัญ ประเด็นคือต้องรีบสร้างความสัมพันธ์

“รางวัลที่ข้าต้องการก็คือ … ”

ฉินห่าวมองผู้อาวุโสหลิวด้วยรอยยิ้ม เปล่งเสียงที่ฟังดูหลงใหล

“อ้อ”

ทุกคนเข้าใจโดยปริยาย กระนั้น พวกเขาไม่ได้พูดอะไร เรื่องนี้เอาจริงไม่สามารถบังคับกันได้ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคอยสนับสนุนอย่างจริงจัง

“ฮี่ ฮี่ เช่นนั้นสหายน้อยก็มาที่นิกายเฉินเมิ่งของเราบ่อยๆ พวกเรายินดีต้อนรับ” ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดเป็นประกาย ยกมือขึ้นลูบเครา

ตรงกันข้ามกับผู้อาวุโสหลิว เวลานี้ขมับทั้งสองข้างปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดดำ

ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกขาย?

“ตกลง ข้าจะแวะไปที่นั่นบ่อยๆ”

ฉินห่าวพยักหน้า

ทุกคนแยกย้ายกันไป

“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” เซียวหลงเอ่ยถามระหว่างทางกลับ

“ยอดเยี่ยมมาก มีพรสวรรค์แก่กล้า กระทั่งในรุ่นข้าก็ยังไม่เคยพบเจอคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้มาก่อน เซียวหลง โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรน่ะต้องรู้จักรักใคร่กัน หากมีเวลาว่างจงแวะไปเยือนนิกายเซียวเหยา อาศัยข้อดีที่นิกายเฉินเมิ่งของพวกเราเป็นนิกายชั้นหนึ่ง คอยช่วยเหลือพวกเขายามมีปัญหา”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ขอรับ”

ผู้อาวุโสหลิวที่คอยฟังถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

“แล้วอีกอย่าง เมื่อกลับถึงนิกายแล้ว ขอให้รีบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของฉินห่าวและนิกายเซียวเหยา จากนั้นนำมันมาแจ้งให้ข้า”

ผู้อาวุโสสูงสุดยังหวาดกลัวหงเทียนเยว่กับหวงเย่ไม่หาย มีสุภาษิตกล่าวว่ายิ่งแก่ยิ่งหวาดกลัวความตาย ดังนั้น ผู้บำเพ็ญเพียรที่มีฐานฝึกตนสูงส่ง จึงหวาดกลัวความตายยิ่งกว่าใครๆ