บทที่ 83

สถานการณ์ตอนนี้เงียบมาก

เซียวหลงเองก็เพิ่งตระหนักได้ถึงการกระทำหยาบคายของตัวเอง รอยยิ้มที่เผยในตอนแรกค่อยๆแข็งทื่อ

“หาที่ตายแท้ๆ” ฉินห่าวพึมพำเสียงต่ำ ‘แค่รอเงียบๆก็จบแล้ว ยังไงเขาก็มาเพื่อช่วยพวกเจ้า แต่พวกเจ้าดันประกาศกันโต้งๆ แบบนี้จะเดินออกมาเงียบๆได้อีกหรือ?’

สถานการณ์ตอนนี้มันช่างน่าอึดอัดซะจริง!

“เอ่อ …. ”

ฉินห่าวรู้สึกถึงสายตาสองสายที่จ้องมองมา ใบหน้าที่แข็งทื่อของเขาค่อยๆเบนตาม และสบเข้ากับสายตาของหงเทียนเยว่และหวงเย่พอดี

“เอ่อ สวัสดีพี่สาวหง พี่ชายหวง”

ใบหน้าแข็งๆของเขาฝืนยิ้มเพื่อไม่ต้องการให้เสียมารยาท

ไม่ใกล้ไม่ไกล ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจโล่งอกที่เป้าสายตาไม่ใช่ตน เหลือบมองคู่ชายหญิงอย่างคลุมเครือ จากนั้นหยิบอาวุธวิเศษออกมาแล้วเปิดช่องว่างค่ายกล!

เมื่อถูกขุมพลังที่แสนร้ายกาจทั้งสองจ้องมอง ฉินห่าวรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก

แต่แล้วสายตาของทั้งสองพลันถอนออก แล้วหันกลับมามองหน้ากันอีกครั้ง

บรึ้ม!

ชั่วขณะหนึ่ง กลิ่นอายอันน่าสะพรึงของทั้งสองปะทุออกมา ผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังเปิดช่องว่างค่ายกลทรุดตัวลงทันที ส่วนคนอื่นๆใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ

มีเพียงฉินห่าวที่ไม่รู้สึกอะไรเลย

มองไปยังทั้งสอง ความคิดแปลกๆปรากฏขึ้น ‘อย่าบอกนะว่าสองคนนี้จะทะเลาะกัน?’

ตูม!

ทั้งสองหายวับไปในชั่วพริบตา เกิดเสียงสั่นสะเทือนบนท้องฟ้า แต่มองไม่เห็นว่าคนอยู่ที่ไหน ทุกอย่างมันเร็วเกินไป

ค่ายกลด้านล่างผันผวนเป็นระลอกคลื่น ราวกับว่าแค่คลื่นปะทะของทั้งสอง พวกมันก็ยังไม่สามารถทนได้

เซียวหลงและคนอื่นๆหน้าซีด โชคดีที่มีค่ายกลคุ้มกะลาหัว ไม่งั้นพวกเขาทั้งหมดอาจถูกบดตายที่นี่ไปแล้ว

“ทำไมเจ้าถึงเรียกชื่อพวกเขาได้? รู้จักพวกเขางั้นหรือ?”

ผู้อาวุโสหลิวกระซิบเสียงต่ำ

“เอ่อ เรียกว่ารู้จักก็พอได้ล่ะมั้ง”

ฉินห่าวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า ตัวเองรู้จักพวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้จักตนก็เท่านั้น

“เจ้า … ”

ผู้อาวุโสหลิวตกใจมาก นึกไม่ถึงว่าฉินห่าวจะรู้จักอีกฝ่ายจริงๆ แต่งั้นในเมื่อเขาสามารถรู้จักผู้แข็งแกร่งที่น่าสะพรึงเช่นนี้ได้ แล้วตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นใครกันแน่?

ใช่แค่สาวกของนิกายเซียวเหยาจริงๆน่ะหรือ?

อารมณ์ของผู้อาวุโสหลิวตอนนี้ซับซ้อนมาก

“เรียบร้อย! รีบออกมาเร็ว!”

อาศัยประโยชน์จากความผันผวนของค่ายกล ผู้อาวุโสสูงสุดสามารถสร้างช่องโหว่ได้สำเร็จและเรียกคนข้างในออกมา

ทุกคนไม่กล้าเปล่งเสียงตอบรับ เร่งฝีเท้าหลบหนี และเมื่อตัวโผล่พ้นเขตแดนค่ายกล ก็ถอนหายใจโล่งอกและเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน

“พวกเจ้ามัวมองอะไรอยู่ รีบไปเร็ว!”

ผู้อาวุโสสูงสุดอยากจะทุบตีเจ้าสุนัขพวกนี้ให้ตายคามือ การต่อสู้นี้เป็นสิ่งที่พวกเจ้าสามารถดูได้หรือ? แค่แรงปะทะก็บดขยี้พวกเจ้าให้เป็นเศษเนื้อได้แล้ว!

“เฮ้ พวกท่านหยุดตีกันได้แล้ว!”

ในตอนนั้นเอง ฉินห่าวบินขึ้นและตะโกนเสียงดัง

ได้ยินฉินห่าว ทุกคนที่กำลังหนีเหมือนสะดุดขาตัวเอง เกือบล้มลงพื้น

“สหายน้อยทำอะไร? รีบหนีกันเร็ว!”

เซียวหลงกระซิบเรียก ณ เวลานี้เขาไม่ได้มีเจตนาดี เพียงแต่กังวลว่าเสียงนี้จะดึงดูดความสนใจของทั้งสอง

“ค่ายกลกระบี่จุดสูงสุดแห่งเต๋า!”

ฉินห่าวคิดพักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจใช้วิชาของนิกายเฟิงเทียน

เบื้องหลังเขา กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับล้านเล่มปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บรึ้ม!

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองหยุดลง พวกเขามองมาทางฉินห่าว

“ท่านทั้งสองต่างมาจากนิกายเดียวกัน หนึ่งศิษย์น้องหญิงหนึ่งศิษย์พี่ชาย แต่ตอนนี้กลับสู้กันเอง ไม่รู้สึกปวดใจหรือ?”

ฉินห่าวกล่าวอย่างเจ็บปวด

ทุกคน “ ???”

“เจ้า … เป็นใครกัน?”

คลื่นความผันผวนจางๆปรากฏขึ้นในดวงตาของหงเทียนเยว่

“ข้า? ข้าก็คือลูกศิษย์ของพวกท่านไง! ลืมไปแล้วหรือ? ข้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้น!” ฉินห่าวกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ลูกศิษย์งั้นหรือ?  ทุกคนข้างล่างตกตะลึง

บรรยากาศรอบด้านกลายเป็นเงียบงัน!

“แก้แค้น?”

คราวนี้ดวงตาของหวงเย่เกิดระลอกคลื่นบ้าง เขาพึมพำเบาๆ

“ใช่ จากเจ้าศัตรูตนนั้น … แค่ก เอาเป็นว่ามองตามมือข้าสิ” ฉินห่าวพูดพร้อมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า

ทุกคน “ ??? ”

หมายความว่ายังไง?

บรึ้มมม!

แรงกดดันสองสายทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า กลุ่มคนเบื้องล่างกระอักเลือดคำโต พวกเขารีบถอยกลับไปข้างในค่ายกลอย่างรวดเร็ว ดวงตาเต็มไปด้วยความสยดสยอง

“ตาย!”

แรงกดดันของหวงเย่ยิ่งมายิ่งสูงขึ้น ในมือเขา กระบี่สีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น และฟาดฟันไปยังท้องฟ้าเบื้องบน

ฟุ่มมมมม!

ท้องฟ้าประหนึ่งเศษแก้วที่แตกเป็นเสี่ยงๆ บังเกิดรอยแยกสีดำทะมึนลากยาวไปนับพันลี้!