บทที่ 82 อันธพาลตามชนบท
2 สัปดาห์ต่อมา
เด็กหนุ่มในสภาพเสื้อผ้ารุ่งริ่งคนหนึ่งเดินจากเขาฉางไป่ลงมาหมู่บ้านที่เชิงเขา ซึ่งมองเห็นแผลเป็นจากดาบสองรอยบนหน้าอกและต้นขาอย่างชัดเจน
เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ใคร เย่เฟิงนั่นเอง! เขาได้โยนหน้ากากของเขาทิ้งไปแล้ว และลงเขามาด้วยหน้าจริงของเขาเอง
ในช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเย่เฟิงได้สำรวจถ้ำที่ถล่มลงมาอย่างละเอียดเพื่อหาร่องรอยของซูเฟยหยิ่งอาจารย์ของเขา แต่ก็ล้มเหลว เขาไม่พบร่องรอยใดๆ จนเขาเริ่มหมดอารมณ์ ออกมองหาบริเวณรอบๆ อีกหลายวันก็ไม่เจอร่องรอยแม้เล็กน้อย ดังนั้นการรั้งอยู่ในซากถ้ำที่ถล่มลงมานี้คงไม่มีประโยชน์อันใดเสียแล้ว เขาจึงเดินถือไข่มุกเรืองแสงพร้อมกับหลิงฉีที่เขาได้มาโดยบังเอิญลงเขาฉางไป่ เตรียมตัวให้ชายหน้าบากมารับ
ที่เชิงเขามีหมู่บ้านไม่ใหญ่ น่าแปลกที่มีถนนซีเมนต์ออกไปสู่โลกภายนอก ถนนนี้กว้างพอที่รถ Hummer ของชายหน้าบากจะวิ่งผ่านไปได้ เย่เฟิงทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับไปยังเมืองหลินเจียงในสภาพรุ่งริ่งเช่นนี้ มันจะดูน่าสงสัยเป็นอย่างมาก เขาต้องยืมโทรศัพท์จากใครสักคนในหมู่บ้าน โทร. ไปหาชายหน้าบากให้มารับเขาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ดูดีกว่าชุดปุปะนี่
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน เขาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เมื่อพบว่าไม่พบใครหรืออะไรที่น่าสงสัยในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้าไปในหมู่บ้านในที่สุด
ทันทีที่โผล่เข้าไปชายหนุ่มเห็นคุณป้าสองคนมองมาแปลกๆ หลังจากนั้นก็ชี้มือมาที่เขาแล้วเริ่มซุบซิบกันเองขณะที่ค่อยๆ เดินกลับเข้าบ้านแล้วก็ปิดประตู คงเป็นเพราะขณะนั้นเขาดูคล้ายพวกนอกกฎหมายที่ถูกสับเป็นชิ้นๆ โดยใครบางคน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่คนที่พบเห็นจะกลัวเขา
เย่เฟิงเดินเข้าไปในหมู่บ้านและตรงเข้าไปหาวัยรุ่นสี่คนที่ยืนเรียงแถวอยู่ พวกเขา ต่างจ้องมาที่หน้าอกที่โป่งออกมาของเย่เฟิง
“เด็กน้อย นายซ่อนอะไรไว้ในเสื้อน่ะ?”
แน่นอนว่าเขาต้องเก็บไข่มุกเรืองแสงในตำนานกับหลิงชี่ที่เขาได้มาในอกเสื้ออยู่แล้ว ของสองสิ่งนี้ประเมินค่าไม่ได้
เย่เฟิงไม่ได้ตอบคำถาม เขากล่าวเพียงเบาๆ ว่า “ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหม ฉันจำเป็นต้องใช้จริงๆ ฉันไม่ทำอะไรพวกนายหรอก”
“เข้….โคตรอวดดีเลยว่ะ นี่ขนาดมันมีแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ตัวตั้งสองแผล”
วัยรุ่นทั้งสี่โห่ใส่กันเป็นจังหวะ พวกเขามองราวกับว่าเย่เฟิงเป็นพวกโง่เง่า
คนพวกนั้นเป็นสมาชิกแก๊งของเมืองเป่าชานที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งมักจะสุ่มหัวกันอยู่แถวๆนี้ทั้งวัน พวกมันมักจะเข้ามาเก็บค่าคุ้มครองในบริวณนี้เป็นบางโอกาสซึ่งเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว และถูกเรียกว่าสี่หนุ่มรูปหล่อแห่งเป่าชาน ทั้งสี่คนนี่มักลงมืออย่างโหดเหี้ยม และนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงได้รับการยอมรับจากหัวหน้าแก๊ง
วันนี้ พวกมันมาเดินเล่นที่หมู่บ้านนี้ และคอยมองหาเหยื่อที่เป็นเด็กสาวมาเล่นสนุก เมื่อเห็นเย่เฟิงที่เดินผ่านมา ก็ปลุกความสนใจของพวกมันทันที ด้วยท่าทางที่ดูมีพิรุธของเย่เฟิง พวกมันไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆแน่
“ไอ้หนู เข้ามาหาฉันแล้วเอาของนั่นออกมา ไม่งั้นถ้าพวกเราเริ่มลงมือเมื่อไหร่ แกได้ร้องขี้มูกโป่งหาแม่แกแน่”
หนึ่งในคนพวกนั้นที่มีผมสีพบลอนด์และเจาะหูข้างเดียว พูดอย่างหยิ่งยโสขณะชี้นิ้วมาทางเย่เฟิง
“หวงจื่อ ไม่ต้องพูดมากไป เดี๋ยวกระทืบมันสักที มันก็เชื่อฟังพวกเราแล้ว”
เกาโซ่ว คนตาตี่ซึ่งอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้น พูดขึ้นมาพร้อมกับถกแขนเสื้อขึ้น มันเตรียมตัวจะจัดการกับเย่เฟิง “แกไม่ยอมเอาของออกมาใช่ไหม? ได้”
ชัดเจนว่าชายคนนี้ต้องการจะปล้นของๆเขา
สีหน้าของเย่เฟิงจึงพลันเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นทันที
ตอนนี้ชายหนุ่มอารมณ์เสียอยู่แล้วจากการที่เขาไม่สามารถหาร่องรอยของซูเฟยหยิ่งได้เลย และยิ่งไปกว่านั้น คนพวกนี้ยังมาออกคำสั่งกับเขาอีก นี่จะไม่เขาโมโหได้อย่างไร? เย่เฟิงดึงของทั้งสองออกมาซึ่งเป็นไข่มุกอันแวววับและของอีกสิ่งที่เต็มไปด้วยหลิงชี่ จากนั้นจึงพูดเสียงเย็น “นี่ แล้วบอกฉันได้หรือยังว่าพวกนายมีโทรศัพท์มือถือไหม?”
“ของที่ดูสวยงามพวกนี้มันอะไรกัน?”
เมื่อคนพวกนั้นเห็นสิ่งที่เย่เฟิงเอาออกมา พวกมันก็ตกใจและรู้สึกงงงวยเล็กน้อย จากนั้น พวกมันจึงเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“เห้ย มันอาจจะเป็นไข่มุกเรืองแสงก็ได้จะเว้ย! ฉันเคยเห็นในทีวี”
“เย็xเข้ ถ้ามันเป็นไข่มุกเรืองแสงในตำนานจริง งั้นก็ขายได้หลายตังเลยสิว่ะ?”
“ถึงว่า เจ้าเด็กนั่นมีสภาพแบบนั้นเพราะมันเข้าไปหาสมบัตินี่เอง”
ตาของวัยรุ่นทั้งสี่คนลุกวาวทันที พวกมันมองมายังเย่เฟิงด้วยเจตนาร้าย ชัดเจนว่าพวกมันเห็นเขาเป็นแกะอ้วนตัวใหญ่ เจ้าเด็กที่เสื้อผ้าขาดรุงริ่งนี่ถึงกับมีสมบัติล้ำค่าแบบนี้ นั่นทำให้พวกมันรู้สึกอยากได้อย่างยิ่ง
เย่เฟิงที่เข้าใจความคิดของพวกมันแจ่มแจ้งแค้นเสียงเย็น เขาขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีก ดังนั้น เขาจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วปลดปล่อยฝ่ามือแปดทิศออกไปทันที
เขาไม่จำเป็นต้องออกแรงเต็มที่เพื่อจัดการกับคนพวกนี้ พวกมันไม่มีเวลาได้ตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ในชั่วพริบตา หมัดของเย่เฟิงต่อยใส่พวกมันจนลงไปนอนกับพื้น และร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
จากระยะไกล คนในหมู่บ้านบางคนเห็นวัยรุ่นทั้งสี่ถูกต่อยโดยใครบางคน ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
อันธพาลทั้งสี่คนนี้มาจากเป่าชานซึ่งมักเข้ามาขู่กรรโชกผู้คนทุกๆวัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังล่อลวงเด็กสาวที่ไร้เดียงสาในหมู่บ้านสู่ธุรกิจสกปรกจนต้องลาออกจากโรงเรียน คนพวกนี้มีอิทธิพลมาก เด็กสาวมากมายต้องถูกนำพาไปในทางที่ผิด และสุดท้ายพวกเธอก็ต้องกลายเป็นหญิงโสเภณี
แต่สิ่งที่พวกเขากังวลคือเด็กที่สวมเสื้อผ้ามอมแมมคนนี้ ในเมื่อเขาได้ทำร้ายวัยรุ่นทั้งสี่ซึ่งเป็นการล่วงเกินแก๊งเป่าชาน สุดท้าย เขาอาจต้องพบจุดจบที่ไม่สวย
“ฉันบอกว่าขอยืมมือถือไง ไม่ได้ยินรึไงว่ะ?”
เย่เฟิงมองไปยังวัยรุ่นที่มีผมสีบลอนด์แล้วพูดเสียงเย็น
“ข…ขอยืมมือถือ?”
อาการตื่นตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายผมบลอนด์ เพราะมันไม่คาดคิดเลยว่าคนๆนี้จะทำให้พวกมันตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ ชายผมบลอนด์รีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าซึ่งดูเหมือนมันพยายามขวานหาโทรศัพท์มือถือ
แต่ทันใดนั้น สีหน้าของมันพลันเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม “ไปตายซะไอ้เวร!”
ชายผมบลอนด์ล้องเอามีดปอกผลไม้ออกมาแล้วพุ่งไปยังเย่เฟิงพร้อมกับกวาดมือเพื่อหมายจะแทงใส่หน้าอกของเขา
เพี๊ยะ!
เพียงมือเดียว เย่เฟิงตบฝ่ามือทำให้มีดเล่มนั้นกระเด็นออกไป และตอนนั้นเอง สีหน้าของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก ในเมื่อมันกล้าลอบทำร้ายเขา แล้วจะให้เขาปล่อยมันไปง่ายๆอย่างงั้นหรอ?
ดังนั้น เย่เฟิงจึงยกเท้าขึ้นมา แล้วกระทืบลงไปยังหลังมือของชายผมบลอนด์ และด้วยที่เขาควบแน่นเจินชี่ไว้ที่เท้า ส่งผลให้กระดูกมือของมันแหลกละเอียดทันที
“อ๊ากกกกกก!!!”
เสียงกรีดร้องอันโหยหวนของชายผมบลอนด์ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
อารมณ์ของเย่เฟิงกลายเป็นมืดมนทันทีเมื่อฝ่ายตรงข้ามพยายามสร้างปัญหาให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ใช่ๆ หมู่บ้านหนานก่าง ที่นี่มีเด็กคนหนึ่งที่มีพลอยกับกับหินล้ำค่า มันกำลังต่อสู้อยู่……”
เวลานี้ วัยรุ่นคนหนึ่งที่ชื่อเกาโซ่วหันไปมองด้านหนึ่งแล้วพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ในโทรศัพท์ ซึ่งเหมือนกับมันกำลังขอความช่วยเหลือ
“บอกให้เอามือถือมาไงวะ!”
เย่เฟิงเดินเข้ามาหาเกาโซ่วแล้วหยิบมือถือในมือของมันไปทันที พร้อมกับก้มลงมองสายที่กำลังติดต่ออยู่ มันมีชื่อว่า‘พี่ใหญ่เทียนเป่า’ นั่นแสดงว่า พี่ใหญ่เทียนเป่าคนนี้คือหัวหน้าของแก๊งอันธพาลพวกนี้สินะ
เย่เฟิงไม่ได้กะจะวุ่นวายกับเรื่องของแก๊งนี้อีก แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแก๊งอสรพิษสวรรค์จัดการ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับแก๊งเล็กๆตามชนบทพวกนี้
เย่เฟิงโทรศัพท์หาชายหน้าบากทันที “หน้าบาก นี่เย่เฟิงนะ ช่วยมารับฉันที่หมู่บ้านหนานก่างเมืองเป่าชานที”
เมื่อชายหน้าบากได้ยินเสียงของเย่เฟิง เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง ถึงอย่างนั้น เขารีบสงบใจอย่างรวดเร็วแล้วตอบกลับไปด้วยในเสียงเคร่งเครียด “พี่เย่ ที่เหยียนจิงมีปัญหาแล้ว พวกเราต้องรีบกลับไปที่นั่นด่วน….”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เย่เฟิงขมวดคิ้ว
“ซ่งหู่มันทรยศพวกเรา!”
ชายหน้าบากตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ
เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้น ใบหน้าเขาพลันมืดลงทันที
ซ่งหู่ ชายหน้าเหลี่ยมที่หน้าบากให้ดูแลแก๊งอสรพิษสวรรค์แทนตอนพวกเขาไม่อยู่ที่เหยียนจิงงั้นรึ? เย่เฟิงจำได้ว่ามันมีหลานคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชายในชุดสูทตะวันตกที่เคยมีเรื่องกับเขาบนรถไฟ
แย่แล้ว!
สีหน้าของเย่เฟิงพลันเปลี่ยนไปทันที ถ้าเป็นแบบนั้น ซูเหมิงหานก็อยู่ในอันตรายแล้วสิ
……………………….
แปลโดยทีมงาน GSI